ได้นำข้อคิดเห็นของ “ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร” อาจารย์ประจำหลักสูตร คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่เขียนไว้ในหนังสือ “นโยบายพลังงาน” มาให้ได้อ่านกันเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐและกลไกรัฐที่ผิดทิศผิดทางหลายเรื่องไปบ้างแล้ว
วันนี้มาว่ากันต่อ
เรื่องที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใสในการทำงานของภาครัฐ มักถูกปิดกั้นโอกาสและถูกกีดกัน แม้จะถูกท้วงติงมากมายจากสถาบันหลายแห่งทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เช่นท้วงติง ม.44 เกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูง ที่อนุมัติให้เริ่มต้นโครงการก่อนมีรายละเอียดทั้งหมด และท้วงติงการต่อสัญญาศูนย์สิริกิติ์ที่ไม่เป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของใครกันแน่
ประชาชนและสื่อมวลชนท้วงติงมาตรการช่วยเหลือ คนจนฐานราก ผ่านโครงการประชารัฐ ความคุ้มค่าในการซื้อเรือดำน้ำจีน รถถังจีน การทำรถไฟความเร็วสูงที่ต้องใช้ภาษีของประชาชน ที่ผูกพันงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท ส่วนข้อท้วงติงเรื่องกฎหมายปิโตรเลียมที่ไทยจะเสียเปรียบหรือไม่ก็เช่นเดียวกันสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่ถูกหักดิบจากรัฐ
รากเหง้าของปัญหาต่างๆและแนวทางแก้ไขที่ประชาชนมีความเห็น หรือเสนอแนะหนทางแก้ไขไม่ค่อยจะรับฟัง กลับใช้อำนาจรวบรัดออกกฎหมายภายใต้การยกมือพรึ่บของพวกตนในสภาฯ ตามใจแป๊ะ
การบริหารบุคคลตามหลักคุณธรรม ตลอดจนเวลาที่ผ่านมาวนเวียนอยู่กับการแต่งตั้งกรรมการชุดแล้วชุดเล่ากรรมการล้วนคนหน้าเดิม กินภาษีประชาชนมากมาย
โอกาสปฏิรูปประเทศจึงว่างเปล่า
กลายเป็น “ปฏิลูบ” และ “ปฏิรวบ”
การบริหารของรัฐที่ผ่านมาหลังรัฐประหาร เรียกว่า “พลาดโอกาส” “พลาดเป้า” และ “เสียของ”
เอาแต่ “ซื้อเวลา – ประวิงเวลา”
สามสี่ปีที่ผ่านมาไม่กล้า “ ปฏิรูปตำรวจ” อย่างเบ็ดเสร็จ ไม่กล้า “ปฏิรูปพลังงานตรงรากเหง้า”
เศรษฐกิจยิ่งเหลื่อมล้ำ สังคมปรองดองยากจะเกิด คำว่า “ปรองดอง” จึงเป็นคำแค่เพียง “ถ้อยคำผ่านพิธีกรรม” เกาไม่ถูกที่คัน
สามสี่ปีที่ผ่านมา มีการนำเสนอถ้อยคำสมัยใหม่ผ่านพิธีกรรมทุกเย็นวันศุกร์ ให้รับฟังหรือรับชมกันเป็นประจำ หากไม่รีบปิด ทีวี หรือ วิทยุ ไปเสียก่อนราวกับปลุกเสกถ้อยคำให้ขลังขึ้น การพูดซ้ำๆเป็นการปลูกฝังให้เชื่อตามๆกันเพราะกระจายผ่านสื่อทุกชนิดในทางการทหารเรียกว่า “ปฏิบัติการจิตวิทยามวลชน” อย่างยุคสงครามเย็นที่เรียกว่า “ล้างสมอง”
ในทางเศรษฐศาสตร์การเมือง เรียกว่า “อำนาจชี้นำครอบงำความคิดสังคม” หรือ “การควบคุมความคิด”คือรัฐต้องควบคุมพื้นที่อำนาจของ “สมอง” ผู้คนก่อน โดยการตอกย้ำ โฆษณาซ้ำซาก ปลุกเสกให้ขลังอย่างเป็นพิธีกรรม
การเมืองการเศรษฐกิจไทย กำลังวนกลับสู่ “วงจรอุบาทว์ทางการเมือง” เดิมๆ อีกหรือไม่
รัฐประหาร เลือกตั้ง แล้วรัฐประหาร วนเวียนสลับไปมา เพราะปราศจากการปฏิรูปเศรษฐกิจสังคม ตรงฐานรากแห่งปัญหา ที่คนส่วนน้อยหยิบมือเดียวครอบครอง“ผลประโยชน์แห่งชาติ” เรื่อยมา ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางโอกาสจึงดำรงอยู่ในสังคมไทยตลอด
การสร้าง “คุณค่าใหม่ 3 ประการ” ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้
นั่นก็คือ
1.“พลังคนรุ่นใหม่” เพื่อรองรับทั้งทางบวกและทางลบ ข้อดีของ “คนรุ่นใหม่” คือเป็น “พลังบริสุทธิ์” ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในระบบ ควรรวมพลังให้เป็นกลุ่มก้อน เพื่อสร้างสิ่งที่มีคุณภาพทางวิชาการ สร้างการเรียนรู้เพื่อชีวิตและสังคมที่แบ่งปัน
2.สร้าง “ค่านิยมใหม่” กล้ายกย่องอย่างเปิดเผยเชิดชูคนดีมีศีลธรรม ผู้กล้าหาญทำประโยชน์สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม ยกย่องแม้คนนั้นจะเป็น “คนธรรมดา” ไม่มีฐานะ ตำแหน่งใดๆทางสังคมเลยก็ตาม ไม่ก้มหัวไม่ให้เกียรติคนที่ทำสิ่งเลว คดโกงแผ่นดิน
3.สร้าง “วิชาการใหม่” ตั้งโจทย์ใหม่ๆในการวิจัยเพื่อวิเคราะห์ เจาะลึก “ต้นเหตุแห่งปัญหา” ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ๆและสำคัญๆของประเทศไทย การศึกษาในเชิงคุณภาพในหลากหลายมิติและหลากหลายศาสตร์ไม่ติดยึดการวิจัยเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว
“ความงดงามของวิชาการ คงไม่อยู่แค่เรื่องของตัวเลข” หากแต่ “คุณค่าทางวิชาการ” ควรรวมถึงการวิเคราะห์ เจาะลึก ให้ข้อมูลเชิงลึกถึงรากเหง้า ต้นเหตุปัญหาของชาติ ที่อาจปะทุมาในอนาคตอันใกล้
ศีลธรรมสาธารณะ ไม่ใช่เรื่องสูงส่งจนเกินความจริง ถ้าหากผู้มีอำนาจ มี “ความกล้าหาญทางจริยธรรม” แท้จริงในการปฏิบัติตน
ทั้งหลายทั้งปวงที่นำมาให้ได้อ่านกันดังกล่าวเป็นเรื่องที่ “ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร” เขียนไว้ในหนังสือ “นโยบายพลังงาน” ซึ่งมีวางขายในตลาดและได้มอบให้ผมมาเล่มหนึ่ง ซึ่งผมนำมาสรุปในบางเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาการทำงาน และบริหารงานของผู้มีอำนาจที่ “พลาดโอกาส” “พลาดเป้า” ในการทำงานที่ผ่านมาสามสี่ปีอย่างไร และที่ถูกควรทำอย่างไร ตามข้อคิดที่ “ดร.วิวัฒน์ชัย อัตถากร” ได้เขียนไว้ในหนังสือดังกล่าว
ยังมีเรื่องดีๆอีกหลายอย่างในหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตคนไทยทุกคนในขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี