วันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย. 2561) เวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา คดีร่ำรวยผิดปกติ ขอให้ยึดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน กรณีของนายเกษม นิมมลรัตน์ คดีดำที่ อม.123/2560 ที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ร้อง
กรณีนี้ เป็นคนละส่วน คนละคดีกับที่ศาลฎีกาฯ เคยมีคำพิพากษาทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินไป 168 ล้านบาท
1.นายเกษมนั้น ถูกมองว่าเป็นเด็กในคาถาของ เจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์
เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สส. ของ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ในช่วงปี 2544 – 2548
เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัว สส.ของ นางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาวเจ๊แดง
เรียกว่า ช่วยงานตั้งแต่รุ่นแม่ยันรุ่นลูก
คงจำกันได้... เมื่อลูกสาวเจ๊แดงถูกศาลฎีกาฯ พิพากษากรณีแจ้งบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จ ให้พ้นจากตำแหน่ง สส. ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี และให้จำคุกเป็นเวลา 2 เดือน (โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 1 ปี) พรรคเพื่อไทยก็ส่งนายเกษมลงสมัครสส.เขต 3 เชียงใหม่ แทนลูกสาวเจ๊แดง
กกต.เอาเงินภาษีไปจัดการเลือกตั้ง อุตส่าห์ได้นายเกษมเป็น สส. แต่ไม่นาน เดือนมีนาคม 2556 นายเกษมลาออก เปิดทางให้เจ๊แดง-นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ กลับลงสมัครรับเลือกตั้ง 21 เม.ย. 2556 นางเยาวภาได้เป็น สส. (ว่ากันว่าเตรียมตัวไว้เป็นนายกฯ หากเกิดอุบัติเหตุการเมืองเอากับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนั้น)
แต่ที่เป็นคดีร่ำรวยผิดปกตินี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม ที่ไม่สามารถชี้แจงที่มาที่ไปอย่างสมเหตุสมผลได้ จึงถูกชี้มูล และถูกร้องต่อศาลตามกฎหมาย
2.คดีที่ศาลฎีกาพิพากษาไปก่อนหน้านี้ คดีหมายเลขแดงที่ อม.44/2560 ยึดทรัพย์ 168 ล้านบาท
ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเกษม นิมมลรัตน์ กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และร่ำรวยผิดปกติ มูลค่ากว่า 186 ล้านบาท ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน อัยการส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ
ต่อมา ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาไปแล้ว
ทั้งกรณีร่ำรวยผิดปกติ และแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ
กรณีคดีอาญา แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ศาลให้จำคุก 12 เดือน จาก 6 กระทง ไม่รอลงอาญา
ส่วนกรณีร่ำรวยผิดปกติ ศาลฎีกาฯ พิพากษาด้วยเสียงเอกฉันท์ คืนทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า และหุ้น 9,780 หุ้น แก่เจ้าของ แต่ยึดทรัพย์สินส่วนใหญ่ 7 รายการ และดอกเบี้ย มูลค่ารวม 168,453,245.70 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ระบุด้วยว่า หากผู้ถูกกล่าวและผู้คัดค้าน ไม่สามารถชดใช้เงินจำนวนนี้คืนได้ ก็ให้บังคับเอาทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้าน ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ภายในอายุความ 10 ปี
ในข้อวินิจฉัย ศาลได้ชี้ด้วยข้อมูลสำคัญหลายส่วน เช่น
มีการอ้างว่า มีเงินจากการขายกิจการเก็บเป็นเงินสด เกือบ 100 ล้านบาท ศาลฯ ระบุว่า หากนำมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินย่อมลดลง และไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บเงินสดจำนวนมากในบ้านโดยไม่ได้รับประโยชน์ดอกผล ข้อต่อสู้จึงไม่มีน้ำหนัก เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานเอกสารมาชี้แจงละเอียด
มีการอ้างว่า เป็นเงินรายได้จากธุรกิจโรงสีข้าว โรงน้ำแข็ง เงินค้าทองคำ หจก.แม่ริม จำกัดฯ ที่เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ศาลฯ ระบุว่าฟังไม่ขึ้น เพราะบางส่วนผลประกอบการขาดทุน ส่วนธุรกิจโรงสีข้าว โรงน้ำแข็ง ก็ไม่มีรายได้มากขนาดนั้น ฯลฯ
3.คดีที่ศาลฎีกาฯ กำลังจะพิพากษาในวันที่ 15 มิ.ย.นี้
สืบเนื่องมาจาก ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ ในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แล้วมีมติว่านายเกษม นิมมลรัตน์ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ในกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
รวมมูลค่า 21,140,746.50 บาท
ตามรายการดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินที่อยู่ในชื่อของนายเกษม นิมมลรัตน์ จำนวน 2 แปลง มูลค่าขณะได้มา 11,865,000 บาท ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 11777 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 96.4 ตารางวา, ที่ดินโฉนดเลขที่ 11783 ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 95 ตารางวา
(2) เงินลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON) ที่อยู่ในชื่อของ นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) จำนวน 61,838,310 หุ้น มูลค่าขณะได้มาหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746.50 บาท
ป.ป.ช.จึงได้ส่งเอกสาร พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ทรัพย์สินของนายเกษม นิมมลรัตน์ และนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามรายการที่กล่าวข้างต้น ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38 วรรคสอง
4. รายการทรัพย์สิน ปรากฏว่า เป็นคนละส่วนกับที่เคยนำฟ้องและศาลฎีกาฯ พิพากษาไปก่อนหน้านี้
ที่ดินคนละแปลง
หุ้นคนละก้อน
น่าสนใจว่า วันพรุ่งนี้ ศาลฎีกาฯ จะมีคำพิพากษาอย่างไร?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี