การประชุมสุดยอดผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ที่นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในประเทศสิงคโปร์ผ่านไปโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ ตามความคาดหมาย ได้แต่ลงนามรักษาหน้า ที่เรียกว่า “รับรองผลการประชุมคืบหน้าและปฏิญญาร่วมกันผลักดันให้มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง”
นายคิม ไม่ตอบคำถามว่า จะทำลายอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ไหม? แต่ใช้ลิ้นการทูตพูดว่า “นี้เป็นเพียงการโหมโรงสันติภาพ นาทีนี้ยังไม่ได้พยายามในประเด็นอื่นๆ... วันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีและผมมีความมุ่งมั่นจะทำภารกิจยิ่งใหญ่ร่วมกัน...(กับทรัมป์)...” นายทรัมป์กล่าวว่า “การประชุมได้ผลดีเกินกว่าที่ใครต่อใครคาดหมาย เราจะร่วมแก้ปัญหาอันยิ่งใหญ่..”
หลังจากนายทรัมป์ แถลงสรุปผลเจรจาก็ถูกรุมด่าเต็มหน้าจอทีวี jeff Campbell ทวีตว่า “ทรัมป์ ทำให้คิม ได้ชัยชนะในเชิงสัญลักษณ์ ซัมมิตไม่เกิดประโยชน์แก่อเมริกันชนเลย เป็นการประชุมไร้สาระ..ไม่มีข้อตกลงใดๆ...บัดนี้นายคิม คุยได้ว่าเขาได้รับการรับรองเท่าเทียมกับชาติที่ยิ่งใหญ่.. เขากลอกหน้าใส่ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้..” bobSwan3 ทวีตว่า “...พวกเขาลงนามในปฏิญญาที่ไม่มีหลักการอะไรเลย ยอดเยี่ยมมาก...”คุณป้า Juli 1982 ทวีต ว่า“เขาลงนามข้อตกลงว่าจะพบกันหกเดือนครั้งเพื่อจะได้เอาไปทำโฆษณาชวนเชื่อในประเทศ...”
อเมริกันชนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะเกาหลีเหนือ ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมสหรัฐฯ ทุกอย่างตั้งแต่ที่การรับรอง การรักษาความปลอดภัย ฉากหลังการจับมือผู้นำ มีธงชาติเกาหลีเหนือกับธงชาติสหรัฐฯอย่างละหกผืน สูงยาวกว้างใหญ่เท่าเทียมกัน แม้แต่การประชุมทวิภาคี ทั้งสองฝ่ายต้องหกคนเท่ากัน และผลการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ ที่อเมริกันชนโวยวายว่าไม่ได้ดังใจ เพราะพวกเขาตื้นเขินเกินไปที่จะเข้าใจได้ ว่าเงื่อนไขและความมุ่งหมายของนายคิมกับนายทรัมป์ ไม่ตรงกัน นายคิม มุ่งหมายให้ซัมมิต เป็นจุดเริ่มต้นแสวงหาแนวทางลดความตึงเครียด จากเงื่อนไขที่ทำให้เกาหลีเหนือกับสหรัฐฯเผชิญหน้ากันมาหลายทศวรรษ
นายทรัมป์ มุ่งหมายว่าการพบปะกับผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นวายร้าย เป็นโอกาสสร้างภาพให้เข้ากับเงื่อนไขในการเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล แผนการสร้างภาพของนายทรัมป์ เริ่มตั้งแต่เลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่จัดประชุม เพราะสิงคโปร์ยังเป็นสมุนบริวารที่ว่านอนสอนง่าย สิงคโปร์จึงได้สร้างเหรียญระลึกการประชุมที่มีรูปนายทรัมป์กับรูปคิม อยู่ด้านหน้าและด้านหลังเขียนว่า “สันติภาพโลก”
เหรียญที่ระลึก สื่อว่าซัมมิตสำคัญต่อสันติภาพโลก ซึ่งโยงถึงความพยายามที่นายทรัมป์ กระหายได้รางวัลโนเบล นายทรัมป์ ไม่มีความจริงใจให้เกิดสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี ประเด็นนี้พิสูจน์จากพฤติกรรมที่ผ่านมา ในขณะที่พี่น้องเกาหลีมีความพยายามอย่างแรงกล้าร่วมกันแสวงหาสันติภาพ สหรัฐฯทำทุกทางเพื่อขัดขวาง เช่น เมื่อคราวที่เกาหลีเหนือส่งผู้แทนระดับสูงนำโดยคิม โย จอง น้องสาวผู้นำสูงสุด นำคณะนักกีฬาไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในเกาหลีใต้
สหรัฐฯรู้ว่า คิม โย จอง คือทูตพิเศษที่มาปูทางสานความสัมพันธ์ให้ผู้นำเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ได้พบกัน สหรัฐส่งนายไมค์ เพน รองประธานาธิบดี ไปเกาหลีใต้ในเวลาเดียวกันอ้างว่าเพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่นายไมค์ เพน ปากโป้งพูดกับสื่อว่า “มาเพื่อ
ขัดขวางไม่ให้เกาหลีเหนือทำโฆษณาชวนเชื่อ” พอเห็นพี่น้องเกาหลีสานสัมพันธ์กันอย่างอบอุ่น นายไมค์ เพน สะบัดก้นออกจากห้องรับรองเผ่นไปพบผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือ ยุยงให้ต่อต้านการสานสัมพันธ์ฉันน้องพี่
แต่ความพยายามของสหรัฐฯไม่ได้ผล พี่น้องเกาหลียังคงเดินหน้าสานความสัมพันธ์จนผู้นำเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ได้พบกันเมื่อ 27 เม.ย. และเป็นที่มาของปฏิญญาปันมุนจอม ที่ว่าด้วยการร่วมมือสร้างสันติภาพและปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ตั้งแต่นั้นมาเกาหลีทั้งสองฝ่ายยุติการใช้เครื่องขยายเสียงโจมตีกัน คิม โย จอง สร้างผลงานสมานฉันท์จัดการให้นักกีฬาเกาหลีเหนือ-ใต้รวมทีมแข่งขันในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่จะมีขึ้นในอินโดนีเซีย เดือนส.ค. นี้ ด้านการเมืองผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่หมู่บ้านปันมุนจอม เพื่อหารือกันเรื่องการเชื่อมคมนาคมสองประเทศ นายคิม จอง อึน ได้พบกับประธานาธิบดีมุน เป็นครั้งที่สอง และได้หารือเป้าหมายที่นายคิม จะพบกับนายทรัมป์
เมื่อเห็นการปรองดองพี่น้องเกาหลี คืบหน้าสหรัฐฯก็โวยวาย ว่าการกดดันขั้นสูงสุดต้องทำต่อไปจนกว่าเกาหลีเหนือจะปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ นายทรัมป์คุยโวว่า มาตรการคว่ำบาตรทำให้เกาหลีเหนือยอมผ่อนปรนกับเกาหลีใต้ จนนายคิม ปรามว่า “คำพูดของนายทรัมป์ คุกคามความพยายามแสวงหาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี...”
นายทรัมป์ ตอบโต้ด้วยการประกาศยกเลิกนัดหมายพบนายคิม แต่พอประธานาธิบดีมุน แจ อิน ปลอบใจว่าความพยายามสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกิดขึ้นได้เพราะนายทรัมป์ ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำสันติภาพมาสู่คาบสมุทร เช่นนี้แล้ว รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ..จะเป็นของผู้อื่นไม่ได้นอกจากนายทรัมป์ คำว่ารางวัลโนเบล ทำให้ทรัมป์ ตาลุกรีบกลับคำประกาศว่าซัมมิต สหรัฐฯเกาหลีเหนือฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ แต่ไม่วายทั้งขู่ทั้งปลอบว่า “ถ้าตกลงกันได้นายคิม จะได้เป็นประธานาธิบดีต่อไป เกาหลีเหนือจะร่ำรวยมั่งคั่ง แต่ถ้ายังดื้อรั้นนายคิม อาจย่อยยับเหมือนพันเอกมุอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย”
ระหว่างเตรียมเจรจาและหาสถานที่จัดประชุม สส.พรรคริพับลิกัน 17 คนเขียนจดหมายถึงกรรมการพิจารณารางวัลโนเบลเสนอชื่อนายทรัมป์ รับรางวัลสาขาสันติภาพ นายทรัมป์ ซึ่งมีปัญหารุมเร้าทั้งภายในและนอกประเทศ เมื่อเห็นโอกาสได้รางวัลโนเบล จึงหาทางผลักดันให้การประชุมระหว่างเขากับนายคิมเกิดขึ้น ให้ได้เพราะเป้าหมายอยู่ที่รางวัลโนเบลฯ เขาถึงพูดว่า “คิดว่าซัมมิตไม่ใช่เพียงครั้งเดียว เพราะเรื่องนี้ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ แต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดี ผมอาจเชิญนายคิมไปเยือนสหรัฐฯ”
สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ว่าจดหมายยักษ์กว้างยาวประมาณหนึ่งฟุตของนายคิมที่ส่งมาถึงนายทรัมป์ ตอนหนึ่ง มีรายงานว่านายคิม กลัวว่าจะมีคนพยายามที่จะลอบสังหารเขาในการประชุมสุดยอดที่สิงคโปร์ โดยเกาหลีเหนือกล่าวว่า ซีไอเอของสหรัฐและเกาหลีใต้วางแผนที่จะลอบสังหารนายคิม นักวิเคราะห์มองว่าจดหมายยักษ์นายคิม เป็นการบอกใบ้ว่า เงื่อนไขของเกาหลีเหนือใหญ่เกินกว่ามือนายทรัมป์จะรับไหว เพราะปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีของนายคิม หมายถึงปลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่อยู่ในฐานทัพ บนเรือบรรทุกเครื่องบิน บนเรือดำน้ำ ฯลฯของสหรัฐฯ ไม่ใช่ปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนืออย่างเดียว และถ้าทำลายอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ต้องมีค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาล นักวิชาการประเมินว่าค่าทำลาย 5,000 ล้านดอลลาร์ ค่าเปลี่ยนแปลงนิวเคลียร์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า 5,000 ล้านดอลลาร์ และ งบประมาณช่วยเหลือเศรษฐกิจการค้าและมนุษยชนรวมกันอีกประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
องค์กรรณรงค์เพื่อทำลายอาวุธนิวเคลียร์ (ICAN) ที่ได้รับรางวัลโนเบลปี 2560 เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่สนับสนุนให้นายทรัมป์ได้รับรางวัลโนเบล ทั้งๆที่รู้ว่าอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯอันตรายกว่านิวเคลียร์เกาหลีเหนือหลายพันเท่า
ICAN เปิดเผยเมื่อเดือนก.ค. 2560 บอกว่า รัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ 7,000 หัวรบ สหรัฐฯ 6,800 หัวรบ ฝรั่งเศสมี 300 หัวรบ อยู่บนเรือดำน้ำหกลำ ยิงได้ลำละ 16 นัด จีน 270 หัวรบใช้ได้บนบก อากาศ และใต้น้ำ อังกฤษ 215 หัวรบ อยู่บนเรือดำน้ำ 4 ลำ ยิงได้ลำละ 16 นัด ปากีสถาน 140 หัวรบ อินเดีย 130 หัวรบ อิสราเอล 80 หัวรบ เกาหลีเหนือคาดว่ามี 10 หัวรบ ที่สามารถยิงด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป ICMB และเชื่อว่าพัฒนาได้ถึง 20 ถึง 100 หัว ในปี 2020
ชาติมหาอำนาจและสมุนบริวาร มีอาวุธนิวเคลียร์เป็นร้อยเป็นพันหัวรบ แต่ ICAN กับสหรัฐฯเห็นว่าเกาหลีเหนือ ซึ่งคาดเดาว่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์เพียง 10 ลูกเป็นมหันตภัยมากกว่าใครๆ และต้องทำลายให้ได้ นี้คือเงื่อนไขที่ทำไม ซัมมิตเกาหลีเหนือ สหรัฐอเมริกา ไม่สามารถหาข้อตกลงได้ เพราะนายคิมต้องการสันติภาพนายทรัมป์อยากคาบรางวัลโนเบล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี