อลัชชีในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงพวกเดียรัจถีย์ ซึ่งเป็นพวกนอกพุทธศาสนา แต่แฝงตัวมาเป็นพระสงฆ์และไม่หมายถึงพวกนักบวชในลัทธิศาสนาอื่น แต่หมายเอาเฉพาะพระภิกษุที่ต้องปราชิก แต่ไม่ยอมสึก ยังคงโกนหัวห่มผ้าเหลือง แล้วแอบอ้างว่ายังคงเป็นพระสงฆ์
และยังคงใช้การแอบอ้างนั้น เข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ ในพุทธศาสนา กระทั้งรับบิณฑบาตและทรัพย์สินเงินทอง รวมทั้งรับตำแหน่งต่างๆ ราวกับว่ายังเป็นพระภิกษุ
พวกอลัชชีนี้แหละ ที่เป็นภัยร้ายแรงที่สุดของพระพุทธศาสนา เพราะทำให้ผู้คนทั้งหลายเชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ โดยตัวเองไม่ใช่เป็นพระสงฆ์ ไม่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเป็นเหมือนสนิมเหล็กที่กัดกร่อนทำลายมาแต่เนื้อในเหล็กฉะนั้น
การปราบปรามกวาดล้างกำจัด อลัชชีและเดียรัจถีย์ครั้งใหญ่ ในยุคพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดียก็ดี การปราบปรามกวาดล้างกำจัดอลัชชีครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี ล้วนเกิดจากทรงเห็นเภทภัยร้ายแรงที่ทำลายพระพุทธศาสนาในยุคสมัยนั้นๆ
เมื่อครั้งต้นรัตนโกสินทร์นั้น ทรงโปรดให้ถอดพระสังฆราช ซึ่งไม่ซื่อตรงต่อพระวินัยออกจากตำแหน่ง แล้วสถาปนาพระศรี ซึ่งทรงธรรมทรงวินัยขึ้นเป็นที่สมเด็จพระสังฆราช สถิต ณ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และทรงโปรดให้สึกพวกอลัชชี และลงโทษเป็นจำนวนมาก
การพระพุทธศาสนา ที่เสื่อมโทรมมาแต่ก่อน จึงได้ฟื้นฟูขึ้นอีกครั้งหนึ่งในพระราชอาณาจักรนี้
ครั้นเวลาล่วงเลยไปนาน การประพฤตินอกรีต การไม่ประพฤติพรหมจรรย์ และการล่วงละเมิดพระวินัยบทปราชิกได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แม้ถึงขนาดจัดตั้งขบวนการบวชเกย์ บวชตุ๊ด เพื่อมาปรนเปรอกามก็เกิดขึ้นกันอย่างกว้างขวาง และลุกลามไปถึงการซื้อตำแหน่ง การฉ้อโกง การยักยอกสารพัด จากนั้นก็ไปถึงกระบวนการในการจัดตั้งเครือข่ายอลัชชีมากขึ้นอย่างกว้างขวาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ดังนั้น จึงถึงกาลเวลาที่จะต้องชำระสะสางอลัชชี เพื่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นในประเทศอีกครั้งหนึ่ง
อย่าได้เข้าใจผิดคิดว่า การกวาดล้างอลัชชีคือการรังแกพระสงฆ์ เพราะนั่นไม่ใช่พระสงฆ์ และไม่ใช่การทำลายพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการชำระสะสางกวาดล้างสารพัดปลวกที่กัดกร่อนพระพุทธศาสนา
การที่อลัชชีดำรงอยู่นั้น เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรงเพราะว่า
ประการแรก ไม่มีฐานเป็นพระสงฆ์ แต่หลอกลวงว่าเป็นพระสงฆ์ ไม่ปฏิบัติพระธรรมวินัย แต่หลอกลวงว่าเป็นผู้อยู่ในพระธรรมวินัย จึงลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนไปเป็นสมบัติส่วนตัว และหลอกลวงให้หลงผิดไปติดยึดลัทธิอื่นที่ไม่ใช่พระพุทธศาสนา
ประการที่สอง เพราะอลัชชีไม่ใช่พระสงฆ์ดังนั้น จึงทำให้พิธีกรรมทั้งหลายที่อลัชชีเข้าร่วม เศร้าหมองเสื่อมเสีย หรือไม่เป็นพิธีกรรมอันสำเร็จประโยชน์ เช่น นั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ก็ไม่มีผลให้เป็นการอุปสมบทที่สำเร็จ การกระทำพิธีกรรมต่างๆ ที่ต้องครบองค์แห่งสงฆ์ก็ขาดหายไป เพราะอลัชชีไม่นับเป็นสงฆ์ พิธีกรรมนั่นๆ ก็เสียไป เช่น จำนวนนับที่นิมนต์สำหรับงานมงคลก็อาจจะกลายเป็นจำนวนนับงานอวมงคลไปก็ได้
ประการที่สาม พิธีกรรมสำคัญอีกอันหนึ่งคือ การลงปาติโมกข์เพื่อกระทำปวารณาหรือเรียกว่าปลงอาบัติ เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสงฆ์หากมีอลัชชีเข้าไปเจือปน สงฆ์นั่นก็ไม่บริสุทธิ์ พิธีกรรมสำคัญก็จะเสียไป การปลงอาบัติก็ไม่เป็นผล อาจจะทำให้พระอาบัติกันทั้งวัดก็ได้
อันตรายที่กำลังเกิดขึ้น ในพระพุทธศาสนาในขณะนี้ มีความรุนแรงและลึกซึ้งจึงเป็นเรื่องที่ชาวพุทธทั้งหลายต้องตั้งสติให้มั่น และสนับสนุนรัฐบาลตลอดจนพนักงานเจ้าหน้าที่ และคณะสงฆ์ ที่จะจัดการแก้ไขปัญหานี้ ให้ลุล่วงเรียบร้อยไปในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี