เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย. 2561 สื่อมวลชนหลายสำนักรวมถึงทีมงาน “นสพ.แนวหน้า” ที่เข้าร่วมอบรมโครงการสื่อมวลชนกับการทำข่าวอุบัติเหตุบนท้องถนน“Road Safety Journalism Fellowship 2018” จัดโดยอินเตอร์นิวส์ (Internews) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของบุคลากรด้านสาธารณสุข ณ โรงพยาบาลชลบุรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ในอาคารอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน
ภาพแรกที่เห็นเมื่อเดินเข้าไปด้านหน้าอาคาร คือการทำงานหนักของบรรดาพนักงานเปล สลับกับภาพของรถฉุกเฉินที่เป็นรถพยาบาลบ้าง รถอาสากู้ภัยบ้างลำเลียงผู้ป่วยเข้ามา โดยพนักงานเปลผู้หนึ่ง ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า รพ.ชลบุรี รับคนเจ็บจากทุกจุดทั่วทั้งภาคตะวันออก เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลศูนย์ “อุบัติเหตุนั้นส่วนใหญ่ที่พบเกิดจากมอเตอร์ไซค์” รองลงมาก็จะเป็นรถเก๋งและรถกระบะ ช่วงเวลาที่ทำงานหนักคือตั้งแต่ช่วงเย็นไปจนถึงกลางดึกหลังเที่ยงคืน โดยเฉพาะวันศุกร์และวันเสาร์ปริมาณอุบัติเหตุจะมากกว่าวันอื่นๆ
สอดคล้องกับ เอื้อง แก้ววิไล พยาบาลวิชาชีพ รพ.ชลบุรี ที่ระบุว่า ช่วงเวลา 17.00-20.00 น. จะมีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนมากเนื่องจากเป็นเวลาเลิกงานของพนักงานตามโรงงาน-บริษัทต่างๆ เด็กและเยาวชนเลิกเรียนทั้งจากโรงเรียนและสถาบันกวดวิชา อีกทั้งยังเป็น “เวลาสังสรรค์” ผู้คนออกมารับประทานอาหารเย็น จำนวนอุบัติเหตุในเวลานี้จึงมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆรองลงมา คือระหว่าง 00.00-02.00 น. เพราะนอกจากจะเป็นเวลารวมตัวของบรรดา “สายแว้น” วัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งไปตามท้องถนนแล้ว ยังเป็นเวลาเลิกงานขอคนทำงานอีกส่วนหนึ่งด้วย
“โดยเฉพาะคืนวันเสาร์ เพราะเช้าวันอาทิตย์จะเป็นวันที่พนักงานโรงงานหยุด ถามว่ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวไหม? ก็คงมีส่วน เพียงแต่โรงพยาบาลไม่ได้ไปตรวจว่าที่กินเข้าไปปริมาณเท่าไร คือถ้าทางตำรวจไม่ได้ขอมา มันเป็นสิทธิของผู้ป่วย ถ้าไปเจาะโดยพลการเขาก็ฟ้องได้”พยาบาลผู้นี้ กล่าว
นอกจากเรื่องเล่าจากห้องฉุกเฉินแล้ว คณะสื่อมวลชนยังได้รับทราบข้อมูลสถิติที่ นพ.สมประสงค์ ทองมีสี หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมและหัวหน้าศูนย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน รพ.ชลบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนของ จ.ชลบุรี ว่า จากข้อมูลในปี 2559 มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในพื้นที่ จ.ชลบุรี จากอุบัติเหตุบนท้องถนน จำนวน 4,150 คน สูงเป็นอันดับที่ 26ของประเทศ และมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 3.3 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.9
ซึ่งคุณหมอสมประสงค์ กล่าวว่า“เป็นห่วงประชาชนที่ขี่มอเตอร์ไซค์เป็นพิเศษ เพราะสาเหตุการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วประเทศ
ในปีเดียวกัน ร้อยละ 65.3 หรือจำนวน 10,364 ศพ มาจากการบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรง (Traumatic Brain Injury)” พร้อมยกตัวอย่างภาพที่ชินตาในพื้นที่ จ.ชลบุรี ที่แม้ตำรวจจะ “จับ-ปรับ” อย่างต่อเนื่อง แต่ประชาชนจำนวนไม่น้อยยังพยายามไม่สวมหมวกนิรภัย ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุโอกาสถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตจะสูงมาก
“ผมเคยเห็นบ่อยๆ เขามีหมวกกันน็อกแต่หมวกอยู่ตะกร้าหน้ารถ ในถังใส่ของท้ายรถ หรือใต้ที่นั่งพอเห็นตำรวจก็รีบๆ หยิบขึ้นมาใส่ ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องของความตระหนักและความเคยชิน ถ้าถามผมว่าอยากให้ทำเรื่องไหนก่อน เรื่องหมวกครับ Helmet Please (สวมหมวกกันน็อกเถิด) เพราะ 65 เปอร์เซ็นต์ คนที่ตายตายจากหัว และมีอีกข้อมูลหนึ่งคือถึงคุณมาโรงพยาบาล5 คน ก็ไม่ใช่ว่าจะรอดทั้ง 5 คน แต่จะมี 1 คน ที่ตาย ทำใจไว้เลยคุณจะเป็น 1 ใน 5 หรือเปล่า? ไม่ว่าคุณจะมาเร็วขนาดไหน ระบบส่งต่อดีขนาดไหน ตาย 1 ใน 5 แน่นอน” นพ.สมประสงค์ กล่าวย้ำ
ข้างต้นเป็นคำเตือนว่าด้วยสำนึกรักความปลอดภัยส่วนบุคคลที่ต้องปลูกฝังให้เกิดขึ้นในจิตใจ แต่อีกด้านหนึ่งคุณหมอท่านนี้ก็ตั้งข้อสังเกตว่า “สถิติการเกิดอุบัติเหตุในบางพื้นที่ของประเทศสูงอย่างมีนัยสำคัญ” โดยการแบ่งกลุ่มจังหวัดที่ทาง กระทรวงสาธารณสุข เรียกว่า“เขตสุขภาพ” นั้นพบว่า “เขต 6” ประกอบด้วยชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี และสระแก้ว “มีอัตราการตายเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ร้อยละ 2.75” จากทั้งหมด 12 เขต
ส่วนเขตที่ “ครองแชมป์” คนตายบนท้องถนนมากที่สุดคือ “เขต 4” ที่ประกอบด้วย นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี และนครนายก มีอัตราการตายเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนนร้อยละ 2.81 ซึ่งความเหมือนกันของเขต 6 กับเขต 4คือ “หลายจังหวัดเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหนาแน่น”อาทิ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยาสระบุรี คุณหมอจึงมองว่า “การขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว” โดยไม่มีโครงสร้างพื้นฐานหรือมาตรการรองรับการใช้ชีวิตของผู้คน เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงหรือไม่?
“สาเหตุที่มีการวิเคราะห์กัน หนึ่งคือมีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นมาก มีนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี : EEC-Eastern Economic Corridor) มีการลงทุนมหาศาล มีการเคลื่อนย้ายคนเข้ามา และพฤติกรรมการใช้รถใช้ถนนของประชาชน โดยรวมชลบุรีหรือเขตสุขภาพที่ 6 เป็นเมืองหลวงของอุบัติเหตุและการตายเพราะอุบัติเหตุ นับเป็นวาระของเขตสุขภาพที่ 6 ที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน” นพ.สมประสงค์กล่าว
แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจนในอีกหลายจังหวัดที่เหลือของเขตสุขภาพทั้ง 2 เพราะต้องรอตัวเลขสถิติอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเวลาเดียวกัน อย่างที่ทาง นพ.สมประสงค์ นำเสนอสถิติของ จ.ชลบุรีว่าจะไปทางเดียวกันหรือไม่? แต่ข้อสังเกตของคุณหมอก็ทำให้นึกถึงเรื่องเล่าของ ดร.ธนิต โตอดิเทพย์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่เคยเข้าไป “ฝังตัว” กินอยู่ใช้ชีวิตกับแรงงานในพื้นที่ จ.ชลบุรี จนเกิดเป็นรายงาน “การพนัน (บอล) ในชีวิตประจำวันของแรงงานภาคอุตสาหกรรม” และได้ข้อสรุปว่า
สำหรับชนชั้นแรงงาน “คนระดับล่างในสังคม” การเล่นการพนันทั้งหวยใต้ดินและทายผลการแข่งขันฟุตบอล รวมถึงการดื่มเครื่องดื่มมึนเมา เป็นไปเพราะ “ต้องการปลดปล่อยตนเองจากภาวะกดดันบีบคั้น” ทั้งการ “ขาดอำนาจต่อรอง” กับทั้งนายจ้างและภาครัฐ“ขาดเวลา” เพราะชีวิตอยู่ด้วยค่าจ้างจากการทำงานล่วงเวลา (โอที) เป็นหลัก และ “ขาดพื้นที่สร้างสรรค์” เพราะที่ดินที่เคยเป็นลานกิจกรรมของผู้คนถูกเปลี่ยนไปใช้ในเชิงธุรกิจ
ก็ต้องฝากผู้กำหนดนโยบายด้วย ไม่ว่าในพื้นที่ใดก็ตาม “พัฒนาเศรษฐกิจ..อย่าลืมคุณภาพชีวิตคน”!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี