สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มต้นนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยการริเริ่มของพันเอกถนัดคอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยได้เสนอให้มาเลเซียและสิงคโปร์ร่วมกันจัดตั้งสมาคมอาสาขึ้นเพื่อการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมแต่ดำเนินการได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดลง เนื่องจากความผันผวนทางการเมืองระหว่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย จนเมื่อทั้ง 2 ประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน
จึงได้มีการแสวงหาลู่ทางจัดตั้งองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจขึ้นในภูมิภาคโดยมีการลงนามปฏิญญากรุงเทพ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2510 ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของประเทศสมาชิกชาติก่อตั้ง ได้แก่ นายอาดัม มาลิก แห่งอินโดนีเซีย, นายนาร์ซิโซรามอส ของฟิลิปปินส์, ดะโต๊ะอับดุล ราซัค แห่งมาเลเซีย, นายซูมานธี ราชารัตนัม แห่งสิงคโปร์ และพันเอกถนัด คอมันตร์ ของไทย
ความประสงค์ของการจัดตั้งกลุ่มอาเซียนขึ้นมาเกิดจากความต้องการที่ผู้นำรัฐบาลของประเทศสมาชิกได้มุ่งความสนใจไปที่ความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ การจัดตั้งกลุ่มอาเซียนในระยะแรกมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจยุโรปและในวันที่ 8 มกราคม 2527 บรูไนได้เป็นเอกราชจากอังกฤษได้สมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกของอาเซียนเป็นชาติที่ 6 เนื่องจากไทยเสนอให้มีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีขึ้นเช่นเดียวกับประชาคมเศรษฐกิจยุโรป
เวียดนามเข้าร่วมเป็นสมาชิกประเทศที่ 7 ในวันที่28 กรกฎาคม 2538 ไม่นานหลังจากนั้นลาวและเมียนมาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกประเทศที่ 8 และ 9 ตามลำดับในวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 ส่วนกัมพูชาได้เข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกประเทศสุดท้ายเป็นชาติที่ 10 ในวันที่ 30 เมษายน 2542
เวลาผ่านไป 18 ปี อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติอาเซียนได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในปีนี้คือปี 2561 นับเป็น 5 ศตวรรษของการค้าระหว่างประเทศของไทยกับ 9 ชาติสมาชิกกลุ่มอาเซียน ที่มีการก้าวหน้าในทางที่เป็นคุณแก่ไทย โดยสภาหอการค้าไทย, สมาคมธนาคารไทยและสภาอุตสาหกรรมไทย 3 องค์กรหลักทางเศรษฐกิจภาคเอกชนได้เข้าไปลงทุนเป็นจำนวนมากในอาเซียนทุกๆ ชาติคิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยประเทศที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นตลาดการค้าที่เป็นความไพบูลย์ของสมาคมประชาชาติอาเซียน นอกจากไทยที่เป็นศูนย์กลางของการค้า การอุตสาหกรรมและการคมนาคมแล้ว ก็ได้แก่ กลุ่มซีแอลเอ็มวี คือ กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยหลายบริษัท เช่น บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน), เครือเจริญโภคภัณฑ์, เครือซิเมนต์ไทย และกลุ่มเซ็นทรัล ได้เข้าไปลงทุนในเครือสมาชิกกลุ่มชาติอาเซียนอย่างขนานใหญ่ใน 1 ศตวรรษที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าจับตาเป็นอย่างมากก็คือการลงทุนสร้างทางหลวงระบบมอเตอร์เวย์และทางรถไฟรางคู่ความเร็วปานกลางให้เชื่อมต่อกันระหว่างไทยกับชาติสมาชิกในกลุ่มซีแอลเอ็มวี นั่นคือเชื่อมเขตอุตสาหกรรมอีอีซีของไทยไปยังเมียนมาและกัมพูชา กับการเชื่อมทางรถไฟจากไทยไปเมียนมา, กัมพูชา และลาว ออกไปเชื่อมกับจีนและเวียดนามซึ่งจะนำความไพบูลย์ทางด้านเศรษฐกิจมาสู่ประชาคมอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี