นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ทำการ รัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 4 ปี ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารประเทศ มีผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ ทั้งด้านความเป็นอยู่และความรู้สึก เพราะก่อนหน้านั้นสถานการณ์ทางการเมืองกำลังเข้าสู่กลียุค เมื่อกองทัพเข้ายุติจึงก่อให้เกิดความยินดีแก่ประชาชนส่วนใหญ่ เพราะนอกจากเข้ามาแก้ปัญหาการเมืองแล้วยังดำเนินแก้ไขทางเศรษฐกิจสังคม เพราะปัญหาประชาชนขาดศรัทธาในผู้ปกครอง
ฉะนั้นในระยะแรกการแก้ปัญหาจากเร่งด่วน แต่เนื่องจากรัฐบาลเก่าสร้างค่านิยมผิดๆ ให้ประชาชน ได้แก่ “นโยบายประชานิยม” ในรูปแบบต่าง ๆ จนทำให้ประชาชนคิดว่าคอร์รัปชั่นเป็นสิ่งชอบธรรมถ้าตัวมีส่วนได้ด้วย แต่สิ่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า แต่ปัญหาระยะยาวซึ่งเป็นเสมือนขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมยังไม่ได้กระทำ
อย่างไรก็ดีเหตุการณ์ดังกล่าวได้ล่วงเลยมาถึงสี่ปีกว่า ปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมนอกจากจะยังแก้ไม่หมดแล้ว ตรงข้ามกลับเพิ่มขึ้นอย่างเป็นนัยสำคัญ หมายความว่า ความเลวร้ายของสังคมจะเพิ่มพูนขึ้นยิ่งกว่าก่อนรัฐประหารแต่รูปแบบอาจเปลี่ยนไปแล้ว ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจยังไม่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด แต่คนรอบข้างอาจไม่มีใครรับรองได้ ครั้นเวลาผ่านไปสิ่งแวดล้อมรอบข้างอาจแปรเปลี่ยนโดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังสร้างความทุกข์ให้กับประชาชน ไม่ว่ามาตรการช่วยประชาชนผู้ยากไร้ที่ออกมา กลายเป็นการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” ซึ่งแสดงว่าการกระจายรายได้ซึ่งคิดว่าเป็นโครงการที่ดีกลับตรงข้าม
นอกจากนี้เมื่อการปฏิวัติใหม่ๆ พลเอกประยุทธ์ ได้กล่าวต่อประชาคมว่า ไม่ต้องการอำนาจแต่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่สี่ปีผ่านไป สถานการณ์เปลี่ยนไป ทั้งนี้เพราะอำนาจเป็นสิ่งหอมหวนหรือสถานการณ์พาไปให้ตามแต่ในที่สุดก็เดินตามอดีตผู้นำทหารในอดีต คือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม, จอมพลถนอม กิตติขจร รวมทั้ง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน จะเป็นด้วยสถานการณ์พาไปหรือเกิดจากคนแวดล้อมชักนำให้เป็นไป
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สังคมสงสัยว่า เหตุใดกลุ่มคนที่สนับสนุนให้ดำเนินการทางการเมืองจึงไปรวบรวมนักการเมืองที่เคยประณามว่าเป็นพวกกินบ้านกินเมือง จนต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติขับไล่และเป็นคนที่น่ารังเกียจ ในสายตาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในอดีตมาเข้าร่วมทางการเมืองเพื่อสนับสนุนท่าน ทำให้ประชาชนสงสัยว่า เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวให้ หรือว่า ขณะที่เป็นนักการเมืองอาชีพแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็อยากเห็นชายชาติทหารออกมาแสดงตัวตนว่าเป็นเช่นนั้นจริง ทั้งนี้เพราะประชาชนที่ยังระลึกถึงเหตุการณ์ วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557 เป็นวันที่ประชาชนมีความสุขอยากทราบจากตัวท่านเอง
อย่างไรก็ดีในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยากจะเห็นผู้ที่เคยเป็นวีรบุรุษ จะถูกสถานการณ์เฉกเช่น จอมพลถนอม กิตติขจร และ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน มาบดบังเสีย แต่ถ้าเหตุการณ์ไปเป็นเช่นนั้นจริง ก็ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จในบทบาทใหม่ ในบทบาทของนักการเมืองน้ำดีที่ทำงานเพื่อประชาชนตามความตั้งใจของท่านเมื่อทำการปฏิวัติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี