ยินดีกับทีมหมูป่าทั้ง 13 คน และขอชื่นชมทีมช่วยเหลือทั้งคนไทยและต่างประเทศ ทำให้น้องๆ ออกจากถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน อย่างปลอดภัย
ข่าวขณะนำน้องๆ ส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาฟรีในฐานะคนไทยที่ได้รับสิทธิ “หลักประกันสุขภาพ” กลับมีประเด็นเรื่อง “บัตรประชาชน นำหน้าด้วยเลข 0” สมาชิกทีมหมูป่า 3 คน ประกอบด้วย โค้ชเอกพล จันทะวงษ์ อายุ
25 ปี น้องพรชัย คำหลวง อายุ 16 ปี และน้องอดุลย์ สามออน 14 ปี เป็นบุคคลที่มีเลขบัตรประชาชนเลข 0 นำหน้า เกณฑ์การรักษาพยาบาลแตกต่างจากคนไทยทั่วไป บทความในวันนี้จึงอยากชวนท่านคิดปัญหาคาใจในเรื่องนี้
ปกติคนไทยสัญชาติไทยทั่วไปจะมีเลข 13 หลักมาตั้งแต่แรกเกิด และมีบัตรประชาชนไทยเมื่ออายุครบ 7 ปี เลขที่ตัวแรกของเลข 13 หลัก แน่นอนว่าไม่ใช่เลข “0”
บุคคลที่มีเลข “0” นำหน้า คือบุคคลที่ยังไม่ได้สัญชาติไทยโดยสมบูรณ์ โดยอยู่ระหว่างการขอสัญชาติ จึงถือคนไทยพลัดถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์หรือคนชายขอบ ที่ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐอย่างเท่าเทียม
“คนไทยพลัดถิ่น” ก็เป็นคนที่มีเชื้อสายไทยเช่นเดียวกับพวกเรา เพียงแต่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศในอดีต หรืออาจเป็นชนกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวเขา ชาวเล ผู้อยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบราชการ จึงทำให้ไม่มีความชัดเจนเรื่องสัญชาติ แม้จะมีการขึ้นทะเบียนกับทางการและได้บัตรประชาชนเลข 0 นำหน้า แต่ก็ไม่ได้รับการดูแลขั้นพื้นฐานเท่าเทียมกับคนไทยทั่วไป แม้จะเป็นคนที่มีเชื้อชาติไทยเหมือนกันก็ตาม
จากคำบอกเล่าของครูในโรงเรียนเวียงพาน เปิดเผยว่า นักเรียนในโรงเรียนจำนวน 1,160 คนมีมากกว่า ร้อยละ 80 มาจากชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ไม่ได้สัญชาติไทย แต่ทุกคนสามารถพูดไทยได้ชัดเจน อย่างน้องอดุลย์ในทีมหมูป่าก็เป็นหนึ่งในนั้น ทางโรงเรียนพยายามยื่นเรื่องขอสัญชาติทุกปี แต่ก็ยังไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ นี่ยังไม่นับรวมไปถึงเด็กๆ คนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในทีมหมูป่า แต่ยังไม่ได้สัญชาติ จะมีจำนวนมากขนาดไหน ก็คิดดูแล้วกันครับ
สิ่งที่คนไทยพลัดถิ่นหรือคนชายขอบกลุ่มนี้ต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างมาก ลำบากกว่าคนไทยทั่วไป เรียกรวมๆ ว่า เป็นปัญหาความมั่นคงในการดำรงชีวิต ขาดสิทธิขั้นพื้นฐานเกือบทุกด้าน ตั้งแต่การรับรองสถานะตามกฎหมายการรักษาพยาบาล การทำงานที่ขาดการคุ้มครองตามกฎหมาย สิทธิในการศึกษา การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และสิทธิในการเข้าถึงคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ ต้องถูกละเมิดไป เช่น การครอบครองที่ดิน การเข้าถึงที่ทำกิน ตลอดจนสิทธิในการเดินทางก็ถูกห้าม ด้วยเงื่อนไขการห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ควบคุม
ที่ผ่านมาเข้าใจว่า กระทรวงมหาดไทยพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด มีการแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ มาแล้วเป็นฉบับที่ 5 (พ.ศ.2555) มีการตั้งกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น กระบวนการขอสัญชาติไทยและได้สิทธิ์เหมือนคนไทยทุกประการ แต่สุดท้ายที่ทำได้ส่วนใหญ่ก็เพียงการขึ้นทะเบียนให้เป็นคนไทยพลัดถิ่นเท่านั้น ยังมีอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการขอสัญชาติไทย
สาเหตุนี้น่าจะเกิดจากการทำงานของระบบราชการยังล่าช้าไม่ครอบคลุม เนื่องจากความยากในการจัดทำผังครอบครัวเพื่อพิสูจน์ความเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีสัญชาติไทย ที่ต้องใช้ข้อมูลหลายอย่างเพื่อทำการพิสูจน์ ในทางปฏิบัติยังขาดการทำงานเชิงรุก ส่วนใหญ่ต้องรอราษฎรยื่นเรื่องทำคำร้องและหาหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเอง จนทำให้คนไทยพลัดถิ่นต้องรวมตัวกันเป็น “เครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย”เพื่อช่วยเหลือกันเอง
ปัญหาเหล่ามีแต่จะหมักหมมมากขึ้นทุกวัน เพราะกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นคนไร้สัญชาติ (Nationalityless) เรานี้นับวันยิ่งจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ หากยังปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังอยู่ สุดท้ายจะเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ แต่ถ้าแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะถือเป็นเรื่องดี จึงอยากให้กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน เช่นเดียวกับที่กระทรวงแรงงานเร่งแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยถูกจัดเกรดดีขึ้นเป็นเทียร์ 2 (Tier 2) ในรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (TIP Report) ของสหรัฐอเมริกา
และไม่ใช่แค่กรณีน้องๆ 3 คน ในทีมหมูป่าเท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็มีกรณี “นายหม่อง ทองดี” หรือน้องหม่อง ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แข่งขันเครื่องบินพับกระดาษระดับโลก แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมากว่า 10 ปี แล้วก็ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย
เห็นมั้ยครับว่า ไม่ใช่แค่คนไทยที่ได้สถานะตามกฎหมายจะมีความสามารถและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศได้เท่านั้น แต่คนกลุ่มนี้ก็มีความสามารถไม่แพ้กัน
หากกระทรวงมหาดไทยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ผมเชื่ออย่างยิ่งว่าคนเหล่านี้จะมีความภูมิใจในความเป็นคนไทย จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ต่อไปเราอาจจะเห็นเด็กๆ กลุ่มนี้เป็นทีมชาติ เป็นข้าราชการที่ดี หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารประเทศก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม... สวัสดีครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี