ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้สร้างความฮือฮาระคนไปกับความระทึกใจไปทั่วสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ด้วยการพูดจา และการทำงานสไตล์ลูกทุ่ง ที่มีความถึงลูกถึงคน ชัดถ้อยชัดคำ ตรงไปตรงมา ที่ไม่ค่อยจะเป็นไปตามแบบฉบับทั่วไป ซึ่งหากจะเปรียบกับนักเลงการพนัน ก็คงจะเป็นแบบเปิดหน้าตัก เปิดไพ่กันเล่น โจ่งๆ แจ้งๆ เลยทำให้บรรดาเกจิอาจารย์แวดวงการเมือง สื่อ นักวิชาการ และสังคมทั่วไป ต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ว่า นี่เป็นการทำงานแบบขาดยุทธศาสตร์ ขาดแบบแผนและขั้นตอนบริหารประเทศ และเล่นการบ้านการเมืองแบบมวยวัด สร้างเรื่อง และแก้ปัญหา หรือเอาหน้ารอดไปวันๆ หนึ่ง ดูไร้ทิศทาง หรือไม่ก็เป็นการเลือกที่จะฝืนทำทุกอย่าง เพียงเพื่อรักษาฐานเสียงของตนที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวสหรัฐฯ ที่มีจำนวนประมาณ 50 ล้านคน เท่านั้น
แต่หากจะเปิดใจมอง วิเคราะห์ให้ลึกลง ในการกระทำต่างๆ ของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แล้ว ก็จะสามารถตระหนักได้ว่า ประธานาธิบดี ผู้นี้มิใช่มวยวัดอย่างที่สื่อมอง หากแท้จริงแล้วเป็นมวยที่มีแผน มียุทธศาสตร์ มีเชิง และมีเป้าหมายค่อนข้างแน่ชัดต่างหาก
ในช่วงต้นๆ ก็สามารถดูได้จากการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำเอาสิ่งที่หาเสียง หรือคำมั่นสัญญาที่ให้ว่า มาปฏิบัติอย่างทันทีทันควัน ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องการควบคุม การเคลื่อนไหวของคนต่างชาติที่เข้ามายังสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแบบผิดกฎหมาย หรือกลุ่มชนผู้อพยพลี้ภัยจากตะวันออกกลาง ที่มีนัยต่อความมั่นคงภายใน
เรื่องปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะกองกำลังตำรวจ
เรื่องการสร้างกำแพงป้องกันการลักลอบเข้าประเทศระหว่างเม็กซิโก และอเมริกาใต้ กับสหรัฐอเมริกา
เรื่องการนำโรงงานกลับมาตั้งในประเทศ พร้อมกับมาตรการเอื้ออำนวยทางด้านภาษี
เรื่องการปรับให้การค้าขายระหว่างประเทศ มีความสมดุล และไม่ให้สหรัฐอเมริกาถูกเอารัดเอาเปรียบต่อไป
เรื่องการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางการทหารและอวกาศของสหรัฐอเมริกา เพื่อป้องปรามมิให้มีประเทศ หรือผู้ใดคิดบ่อนทำลาย หรือกลับมาต่อกรได้ ไปจนถึงการดูแลทหารผ่านศึก ทหารปลดประจำการในฐานะวีรบุรุษของชาติ
เรื่องการบีบให้มิตรประเทศ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกร่วมองค์การนาโต้จัดงบประมาณทหารให้ได้ร้อยละ 2 ของ GDP เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณี
เรื่องการพูดตรงๆ พบปะเผชิญหน้ากับผู้นำและประเทศที่เป็นคู่อริ หรือเป็นปัญหาต่อความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐอเมริกา และโลก ไม่ว่าจะเป็นจีน รัสเซีย หรือเกาหลีเหนือ และพร้อมจะพูดจากับอิหร่าน
เรื่องการสนับสนุนอิสราเอล แบบเทหมดหน้าตัก เพื่อรักษาฐานเสียงคนเชื้อสายยิวในสหรัฐอเมริกา และการเพิ่มความแข็งแกร่งของอิสราเอลให้เป็นรัฐด่านหน้า และกึ่งชนในตะวันออกกลาง
เรื่องการจัดระบบการดูแลด้านการบริการสุขภาพใหม่ ซึ่งในระยะแรกก็เผชิญกับการคัดค้านมากมาย แต่บัดนี้ก็มีความคืบหน้าอย่างเป็นที่พอใจ
ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่อนำมารวมกันแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือ อะไรกันแน่ ซึ่งก็พอจะประมาณได้ว่า ประกอบด้วย
1.การดำเนินการตามคำมั่นสัญญาทันทีทันควัน
2.การบอกกล่าวประชาชนตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยการให้สัมภาษณ์ และการเขียนข้อความผ่านระบบทวิตเตอร์
3.การประกาศทิศทางและเงื่อนไข และวิธีการในเรื่องต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา และเปิดเผย
4.การไม่โอนอ่อนต่อสื่อ เพียงเพื่อเอาใจ หรือหาคะแนนนิยม แต่พร้อมจะเผชิญด้วยข้อเท็จจริง และข้อคิดเห็นที่ต่าง
5.การพบปะกับผู้นำโลก และพูดจาบอกกล่าวอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
6.การแสดงความพร้อมที่จะพบปะเจรจาโดยตรง กับผู้นำประเทศที่มีความเป็นคู่อริ หรือคู่แข่งขันเพื่อหาจุดร่วม คู่ขนานไปกับการไม่ยกเลิกการคว่ำบาตร และไม่มีการถอดถอนกำลังกองทัพ แต่กลับพัฒนาให้เข้มแข็งไปทั่วทุกคาบสมุทร เป็นการยืนหยัดและป้องปราม และบีบให้มาที่โต๊ะเจรจา
7.ความพร้อมที่จะแรงกลับด้วย เช่น ในกรณีสหภาพยุโรป หรือจีน คิดจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ ทางฝ่ายประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็พร้อมจะไปให้ถึงที่สุด เพื่อแสดงว่าวิธีการนั้นสู้ไปได้เพื่อให้อีกฝ่ายตระหนักว่า วิธีการตอบโต้แบบนี้ไม่มีทางต่อสู้กับสหรัฐฯ ได้ ควรจะรู้สึกตัวกันเองได้แล้วว่า ต้องหันกลับมาที่โต๊ะเจรจากันจะดีกว่า
เรื่องเหล่านี้สะท้อนว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รู้ว่าตนต้องการอะไร และจะทำการอย่างไร เพื่อให้เกิดการเจรจา และร่วมมือกัน โดยไม่ปล่อยให้เรื่องค้างคา เพราะไม่พูดกันจริงๆ จังๆ หรือมัวแต่เกรงอกเกรงใจกันอยู่ไปเรื่อยๆ
นั่นก็เพราะ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รู้ดีว่าสหรัฐอเมริกามีอำนาจต่อรองสูง แล้วกล้าที่จะใช้กำลังอำนาจนั้นอย่างมีชั้นเชิง โดยมิได้มีวัตถุประสงค์หลักในการทำลายล้าง หากแต่เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง เพื่อให้การข้องแวะมีความสมดุล และมีความยุติธรรมทัดเทียมกันยิ่งขึ้น ซึ่งนี่คือกรอบกระบวนการปฏิบัติแบบใหม่ ที่ฉีกจากขนบธรรมเนียมเดิมๆ ที่ประธานาธิบดีคนก่อนๆ ของสหรัฐฯ เคยปฏิบัติกันมา และสิ่งที่น่าจับตามองยิ่งกว่านั้นก็คือ ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายหลักที่เป็นประโยชน์ต่อชาติตามที่ตนเองได้วางไว้ โดยไม่เกรงกลัวต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดาสื่อมวลชน และคนที่ไม่เข้าใจ
นั่นจึงทำให้สิ่งที่ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินหน้าอยู่นี้ ไม่ใช่การโยนหินถามทางไปเรื่อยๆ หากแต่เป็นการเดินหน้าแบบมียุทธศาสตร์ และการวางแผนมาเรียบร้อยแล้วต่างหาก
โลกอาจจะรับเงื่อนไขของสหรัฐฯ ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ต้องปรับตัว ปรับกระบวนยุทธ์ กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี