การสเกตช์ภาพคนร้ายเป็นงานศิลปะเดียว ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อใช้สนับสนุนฝ่ายสืบสวน ดำเนินการติดตามจับกุมคนร้าย ทั้งยังให้ประชาชนแจ้งเบาะแส จากดินสอวิวัฒนาการเป็นคอมพ์ การทำงานจึงง่ายและรวดเร็วขึ้น ดังนั้นความสำเร็จของนักสืบส่วนหนึ่งมาจากนักสเกตช์ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากเห็นตำรวจมานั่งสเกตช์ภาพคนร้าย นั่นหมายถึงเหตุร้ายได้เกิดขึ้นกับประชาชนแล้ว
รู้จักกับนักสเกตช์ภาพมือ 1 พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผู้กำกับการ ฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) กอส.รุ่น 16 ตลอดระยะเวลากว่า 21 ปี ที่อยู่ สพฐ.ตร. มีคนร้ายผ่านการตกแต่งใบหน้า ด้วยมือของเขาเกือบ 1,000 ราย เป็นที่ยอมรับในองค์กรตำรวจ และยอมทิ้งเงินเดือน 50,000 บาท เมื่อหลายปีก่อนเพื่อทำงานรับใช้ประชาชน
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ หรือ ผกก.ป้อม กล่าวว่า ก่อนจะมารับราชการตำรวจ เคยทำงานบริษัทโฆษณา ด้วยการที่เรียนจบด้าน ศิลปะ ไม่เคยคิดเข้าทำงานราชการ หรือตำรวจ พอเราโตขึ้นทำงานมาช่วงหนึ่ง มองเห็นงานของตำรวจมีเรื่อง การสเกตช์ภาพใบหน้าคนร้าย เลยมีความคิดอยากทำงานตรงนี้ โดยมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักสืบ คิดว่าสามารถทำประโยชน์ได้ ก็คือการจับคนร้าย เป้าหมายของงานตำรวจ
“แต่พอผมทำงานและวิเคราะห์ เรื่องการทำหน้าที่ ของแต่ละหน้าที่แล้ว มองว่างานตำรวจทุกหน้าที่ มีความสำคัญหมด คนทำงานสืบสวนมีมากมาย ทำไมเราจะต้องเข้าไปอยู่ตรงนั้น ด้วยหน้าที่ของเรามองดูแล้ว สามารถที่จะทำประโยชน์ และสนับสนุนฝ่ายสืบสวนได้ เท่ากับเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่ง ให้งานสืบสวนประสบความสำเร็จ การเข้าทำงานก็เพื่อประชาชน สิ่งนี้จึงทำให้ผมยืนอยู่ตรงจุดนี้”
การสเกตช์ภาพมีความสำคัญ เพราะเป็นกระบวนการแรก งานสืบสวนเมื่อมีอาชญากรรม เบื้องต้นตำรวจต้องการทราบว่า คนร้ายเป็นใครจึงเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อได้ลักษณะตำหนิ รูปพรรณใบหน้าที่ใกล้เคียง ฝ่ายสืบสวนจะนำไปเป็นข้อมูล ถึงแม้เรามีกล้องวงจรปิดก็ตาม บางครั้งไม่สามารถใช้งานได้ เห็นไม่ชัดเจน หรือคนร้าย อำพราง ใบหน้าประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ จึงมีความสำคัญกับตำรวจมาก
ยอมรับว่าคนจะก่ออาชญากรรม มีความพร้อมกว่าคนที่ระมัดระวัง ตามหลักผู้เสียหาย คือผู้พบเห็นคนร้ายและให้ข้อมูลการสเกตช์ภาพ แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บ หรือไม่เห็นคนร้าย ตำรวจจะหาคนที่เห็นเหตุการณ์ ปัญหาคือพยานจดจำคนร้าย ได้น้อยมาก เพราะคนร้ายอำพรางใบหน้า ทำให้ไม่เห็นช่วงขณะเกิดเหตุ แต่จะเห็นก่อนและหลังเกิดเหตุ และไม่มีแรงกระตุ้น แรงจูงใจที่จะจดจำคนร้าย
จึงคิดได้ว่าเราต้องทำงาน เชิงรุก สนับสนุนฝ่ายสืบสวนอย่างรวดเร็ว ประชาชนถือเป็นแหล่งข้อมูล ให้การทำงานของตำรวจง่ายขึ้น ตนจะให้ความรู้กับประชาชน นักเรียน หรือเยาวชน ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงให้ระมัดระวังภัย ตนคิดค้นโครงการ สเกตช์ภาพเตือนภัย ให้สังเกตจดจำ เพื่อสร้างแนวร่วมจากประชาชน ให้ความรู้วิธีการสังเกตจดจำพฤติกรรมบุคคลต้องสงสัย จนนำมาให้ข้อมูลกับตำรวจได้
“ผมมองถึงปัญหาอาชญากรรม จึงหาทางป้องกันให้ประชาชน เพื่อปิดช่องอาชญากร ไม่ให้เกิดอาชญากรรมอาจจะไม่เกี่ยวกับงานโดยตรง แต่ตำรวจต้องทำเพื่อประชาชน ทำงานสเกตช์ภาพ เหมือนปิดทองหลังพระไม่ได้นึกถึงเรื่องผลงานอะไร เราสนับสนุนงานสืบสวนแล้วขณะเดียวกันต้องสนับสนุน งานป้องกันซึ่งเป็นเรื่องจิตอาสาสุดท้ายผลประโยชน์ ตกเป็นของประชาชนอย่างเต็มที่”
ผกก.ฝทว.2 วัย 55 ปี กล่าวต่อว่า เป้าหมายของเราคือ 1.ปิดช่องโอกาสคดีอาชญากรรม 2.ให้ประชาชนมีความระมัดระวัง รู้เท่าทันอาชญากรมากขึ้น และ 3.พยานสามารถให้ข้อมูลในเรื่อง การสังเกตจดจำลักษณะตำหนิ รูปพรรณใบหน้าคนร้าย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ สิ่งสำคัญต้องมีตำรวจที่สามารถ สเกตช์ภาพคนร้ายด้วยความ ชำนาญ หากทำได้ครบทั้งหมด ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว
คนจะนึกถึงตนเรื่องสเกตช์ภาพ จนเกิดเป็นภาพลักษณ์ไปแล้ว นอกจากนี้เป็นเรื่องของจิตอาสา การสเกตช์ภาพเด็กหาย ให้มีอายุเทียบเท่ากับปัจจุบัน และเป็นอาจารย์สอนนักเรียน โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ หรือแนวทางการปฏิบัติ เพื่อจบออกมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ มีโอกาสอบรมหลักสูตร สืบสวนสอบสวนที่ต่างประเทศ แล้วกลับมาพัฒนางานของเรา
“อยากปลูกฝังตำรวจรุ่นใหม่ ปฏิบัติตามสิ่งดีๆ ที่ผมได้ทำไว้ โดยหวังว่าจะเข้ามาทดแทน ยึดแนวทางนี้เพื่อสืบทอดต่อไป และควรทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ กับประชาชนให้มากที่สุด ภายใต้หลักการว่า ตำรวจต้องทำเพื่อประชาชน”นักสเกตช์ภาพมือ 1 แห่งวงการตำรวจ กล่าว...
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี