พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ สว. น่าจะประกาศใช้ช่วง 14 ก.ย. 2561 และการสรรหาหรือแต่งตั้ง สว. น่าจะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 22 ม.ค. 2562 ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกันกับการคาดคะเนของ กกต. ว่าจะเกิดการเลือกตั้ง สส. ในวันที่ 24 ก.พ. 2562 ซึ่งห่างกันเพียงเดือนเดียว และน่าจะเป็นเวลาทับซ้อนกันในช่วงการสรรหา สว. และการหาเสียง สส. แน่นอนว่า สว. ชุดใหม่จะมีผลต่อการได้มาของนายกรัฐมนตรี และกระบวนการได้มาของ สว. น่าจะเกิดขั้นตอนนั้นจริง แต่ก็ดูไม่ใช่ปัจจัยที่จะชี้ชัดว่า การเลือกตั้ง สส. จะเกิดขึ้นในวันเวลาที่ กกต. เปิดเผยจริงๆ และไม่ได้หมายความว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะมีหลายอย่างที่ดูไม่พร้อม และหลายอย่างที่ยังดูคลุมเครือ ทั้งเรื่องของการปลดล็อกพรรคการเมืองที่หลายๆ พรรคก็ออกมาเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกันให้ปลดล็อกเสียที หากจริงจังต่อการจัดการเลือกตั้งให้ทัน รวมไปถึงการรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่เพื่อทดแทนสมาชิกเดิมที่ถูกกวาดล้างไปผ่านการยืนยันสมาชิกในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่อการทำไพรมารีโหวตในอนาคต ถ้ามีขึ้นจริง การตอบคำถามว่าจะทำไพรมารีโหวตที่จะมีจริงหรือไม่? จะมีการระงับหรือยกเลิกโดยการแก้กฎหมาย หรือการใช้ ม. 44 เพื่อยกเลิกหรือไม่? การสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ยังไม่มีความชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือ กกต. ชุดปัจจุบันที่หลายฝ่ายยังกังวล เพราะว่าเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังการรัฐประหาร หลังการครองอำนาจของรัฐบาลทหารกว่า 4 ปี ที่มีแนวโน้มว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีพรรคเกิดใหม่ที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลปัจจุบันเข้าร่วมด้วย? และ กกต. ชุดนี้ยังต้องจัดการงานใหญ่ 2 งานคือ การเลือกตั้ง สส. และการสรรหา สว.
ตลอดจนหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ไม่ใช่งานเล็กๆ รวมถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ที่จะเป็นช่องทางหาเสียงใหม่ของการเลือกตั้งในครั้งหน้า ที่ กกต. ต้องปรับตัวให้ทัน ในขณะที่เรื่องนโยบายหาเสียง ที่กฎหมายใหม่กำหนดให้ต้องเข้าสู่การตรวจสอบด้วย ภารกิจที่มากขึ้นและซับซ้อนขึ้นของ กกต. ทำให้เกิดคำถามว่า จะคงความยุติธรรมได้อยู่หรือไม่? ระบบการเลือกตั้งใหม่ กฎหมายใหม่ คณะกรรมการใหม่จะสามารถทำงานได้สะดวก สอดคล้องกัน และคงความยุติธรรมแก่ผู้เล่นทางการเมืองทั้งหมดได้หรือไม่?
ตอนนี้กลุ่มก้อนทางการเมืองเริ่มมีการแยกที่ชัดเจนขึ้น 3 ขั้วอำนาจทางการเมืองคือกลุ่มประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลทหารที่นำโดย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเล็กอื่นๆที่แสดงตัวชัดเจน ในช่วงที่ดูเหมือนจะใกล้เลือกตั้งเช่นนี้ จะเกิดอะไรใน 3 ฝ่ายทางการเมืองนี้ กลุ่มแรกคือกลุ่มประชาธิปัตย์ที่สะท้อนออกมาผ่านการเรียกร้องให้ปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อให้จัดประชุมพรรคได้
เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีโครงสร้างชัดเจน มีความเป็นสถาบันทางการเมืองสูง ทำให้การประชุมสามัญของพรรคมีผลอย่างมากต่อการกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงพรรค มากกว่าการตัดสินใจของหัวหน้าพรรคเสียอีก และเชื่อว่าหลายคนจับตาดูว่าหลังจากการประชุมใหญ่พรรค จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากผนวกรวมกับเรื่องการสรรหาสมาชิกใหม่มาทดแทน สมาชิกที่หลุดไปนับล้านคนจากการยืนยันสมาชิก และกรณีกระบวนการขั้นตอนจากไพรมารีโหวต ที่วันนี้ยังไม่ปลดล็อกให้เริ่ม ก็น่าจะทำให้การกำหนดบุคคลต่างๆ ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นไปอย่างล่าช้า และไม่มีชัดเจนตั้งแต่ระดับกรรมการบริหารไปจนถึงผู้สมัคร
ขณะที่สิ่งเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นกับพรรคเพื่อไทยง่ายๆ ที่แม้จะไม่ชัดเจนว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ด้วยวัฒนธรรมของพรรคที่ผ่านการมองจากประชาชน ที่ว่าการตัดสินใจเลือกหัวหน้าพรรคน่าจะมาจากผู้มีอำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียวในพรรคคือ นายทักษิณ ใช่หรือไม่? และกฎหมายใหม่ก็ไม่ได้บังคับให้เปิดเผยชื่อว่าที่นายกฯ ที่จะเสนอจนกว่าจะถึงวันลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เพื่อไทยกำลังเผชิญตอนนี้คือความแตกแยกเป็นก๊กเหล่าภายในพรรค ในขณะที่ยังไม่มีการกำหนดชัดว่าใครเป็นแม่ทัพ กลับต้องต่อสู้กับพลังดูด สส. โดยเฉพาะภาคอีสานที่มี
แนวโน้มทยอยออกไปอยู่กับกลุ่มสามมิตร ซึ่งเชื่อว่าหากทักษิณยังจัดการไม่แล้วเสร็จให้พรรคสงบนิ่งก่อน ทั้งเรื่องหลายก๊ก และพลังดูดก็ยังไม่มีความพร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งจริงๆ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้จึงมีเพียงการสร้างเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การสร้างเงื่อนไขพรรคประชาธิปไตยเพียงพรรคเดียวและกำลังถูกรังแกจากรอบด้าน
อย่างกรณีสร้างประเด็นจำนำข้าวว่าไม่มีความเสียหายจริง ทั้งๆ ที่ในข้อเท็จจริงก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นไร? และเชื่อว่าการปลุกกระแสเหล่านี้จะมีอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการโจมตี ดิสเครดิตรัฐบาล คสช. จนกว่าจะปลุกระดมมวลชนสำเร็จ ซึ่งนับรวมกับปัญหาภายในที่จัดการไม่เสร็จ การเลือกตั้งในเดือนก.พ. 2562 จะกระชั้นเกินไปสำหรับพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่?
ขณะที่กลุ่มสามมิตรและพรรคประชารัฐ ที่มีแนวโน้มเหมือนเป็นหุ้นที่ขึ้นราคา จากการไหลเข้ามาของเหล่าอดีต สส. ทั้งจากพรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ก็ยังถูกทาบทามให้มาร่วม แม้จะมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลนี้มากที่สุด แต่พรรคยังคงต้องเผชิญกับโจทย์สำคัญ นั่นคือ การหาสมาชิกพรรค เพื่อจัดตั้งสาขาพรรค และทำไพรมารีโหวต เนื่องจากเป็นพรรคใหม่และยังไม่มีโครงสร้างการปฏิบัติการที่เทียบได้กับ 2 พรรคแรก หลายคนจึงคาดคะเนว่า หากจะดูความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ก็ให้ดูความพร้อมของพรรคนี้ว่าพร้อมสำหรับขั้นตอนต่างๆ ที่กล่าวมาหรือไม่? การเมืองไทยกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งและการสู้ศึกครั้งนี้เป็นการชี้ชะตาทั้งฝ่ายว่าจะมีอนาคตไปทางไหน ฝ่ายเพื่อไทยกำลังเข้าตาจนด้วยเรื่องคดี ซึ่งทางรอดเดียวคือการชนะการเลือกตั้ง แต่กลับต้องเผชิญปัญหาความแตกแยก และการขาดผู้นำ ฝ่ายประชาธิปัตย์ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการเรียกศรัทธาคืนจากประชาชนและยืนยันถึงความเป็นพรรคการเมืองที่ทำตามอุดมการณ์ที่ได้กล่าวอ้าง
ฝ่ายสุดท้ายคือกลุ่มสนับสนุนรัฐบาล อย่างกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ พรรค รปช. ที่ล้วนเป็นพรรคใหม่ต้องเผชิญภาระความท้าทายในเรื่องอุดมการณ์ และจุดยืนที่แท้จริงในเวทีการเมืองในอนาคตที่ไม่ได้อยู่ใต้เงา คสช. ความหวังทั้งหมดของประชาชน จึงกลายเป็นความท้าทายในการทำหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ นายกฯ ประยุทธ์ เคยกล่าวว่า “เลือกตั้งแน่ กุมภาฯ 2562 ถ้าไม่มีเหตุอะไร?” เรื่องนี้กำลังเปิดช่องว่างบางประการในการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้ใช่หรือไม่? โดยเฉพาะในกรณีของการออกกฎหมายลูกและรายละเอียดในการเลือกตั้งหลายๆ อย่างที่อยู่ในอำนาจของ รัฐบาล และ สนช. ที่มีความล่าช้ากว่ากำหนดไปอย่างน่าคิดเพราะแม้ล่าสุด กกต. จะเปิดเผยกำหนดเวลาการเลือกตั้ง สส. ว่าเป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 แต่สุดท้ายก็ถูกเบรกอีกครั้งว่าเป็นเพียงแค่ตุ๊กตา กำหนดวันเวลาเพียงแค่ตามทฤษฎีเท่านั้น? สุดท้ายอนาคตของประเทศและการเลือกตั้งจะเกิดได้ในวันไหนเดือนใดปีอะไรก็ต้องขึ้นกับผู้มีอำนาจใหญ่อย่างนายกฯ ภารกิจของกกต.ชุดใหม่ภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่กำลังท้าทายต่อจุดยืนของตัวเองว่า จะเป็นตัวกำหนดศักราชแรกของประชาธิปไตยไทยใหม่ได้อย่างไร?...........
คนเกียจคร้านย่อมมีเหตุผลข้ออ้างอย่างเปี่ยมล้น
คำคมโกวเล้งจากเรื่องวีรบุรุษสำราญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี