คุณยศพล บุญสม ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Friends of the River (FOR) และ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ฉมา จำกัด เขียนบทความว่าด้วย “สนามบิน” เผยแพร่ในเพจ Yossapon Boonsom ทั้งลุ่มลึก ไม่มีอคติ และ “ทำให้ได้คิด” อะไรหลายอย่าง จึงได้ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ โดยคุณยศพลเขียนไว้ว่า...
สิ่งที่“คาดหวัง”กับสิ่งที่ได้บางครั้งมัน“ไม่ตรงกัน” อะไรที่ทำให้เป็นเช่นนั้น หรือเป็นเพราะเรามีวิธีให้ได้มาไม่สอดคล้อง มีเป้าหมายไม่ชัด หรือเพราะเรายังตกอยู่ในวิธีคิดแบบเดิมๆ
1.เป้าหมายที่คาดหวังหากแต่ยังไปไม่ถึง
สนามบินสุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อปี 2549 ด้วยคาดหวังว่าจะสามารถไต่ขึ้นเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกใน 10 อันดับแรกภายใน 5 ปี หลังเปิดทำการ ด้วยแนวคิด “Airport of Smile “ว่าจะมัดใจคนทั่วโลก นับจากวันที่เปิดจนผ่านมา 11 ปีแล้ว สนามบินถูกติติงในเรื่องคุณภาพของอาคารสถานที่และการให้บริการที่ไม่ได้มาตรฐานในระดับสากล ทั้งเรื่อง ห้องน้ำ แอร์ ความสะอาดสวยงามของสถานที่ ป้าย signage คุณภาพร้านค้าและสินค้าในสนามบิน บริการของ taxi และอื่นๆ มากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกจัดอันดับให้อยู่ที่ 38 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกในปีที่ผ่านมา (2560)
ไม่ใช่แต่เรื่องคุณภาพสนามบินเท่านั้นที่เรา “พลาดเป้า” เรายังพลาดเป้าในเรื่อง “ขีดความสามารถ” ในการรองรับผู้โดยสารที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนที่วางไว้เราควรขยายสนามบินเพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่ 60 ล้านคนต่อปี เสร็จสิ้นแล้ว แต่ปัจจุบันสนามบินเรารับได้เพียง 45 ล้านคน ซึ่งไม่เพียงพอต่อปริมาณผู้โดยสารที่เข้ามาถึง 59 ล้านคน ในปีที่ผ่านมา (2560) ทำไมเราถึงทำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ ?
2.สนามบินที่ดีที่สุดของโลก
ในขณะที่สนามบินชางกี ของสิงคโปร์ สามารถครองตำแหน่งสนามบินที่ดีที่สุดในโลกมาเป็นปีที่5 ติดต่อกัน ถ้าใครเคยไปจะพบว่าบรรยากาศที่นั่นราวกับเราเข้าไปเดินในห้างสรรพสินค้าชั้นนำและได้รับบริการดีเยี่ยมราวกับโรงแรม ชั้น 1 ที่สำคัญสนามบินมีการปรับปรุง facility และการให้บริการตลอดเวลาให้ตอบรับกับความต้องการของผู้มาเยือน มีทั้งสระว่ายน้ำ สวนผีเสื้อ โรงภาพยนตร์ พื้นที่พักผ่อนทั้งในและนอกอาคารภายใต้บรรยากาศแบบ city in the garden ที่สะท้อน “ความเป็นสิงคโปร์” และในอนาคตอันใกล้กำลังจะเปิดส่วนที่เป็น landmark แห่งใหม่ที่ชื่อ The Jewel ซึ่งคือสวนในอาคารกระจกขนาดใหญ่รูปวงรีที่ผนวกกิจกรรม commercial กับ indoor botanical garden เพื่อเป็นอีกหนึ่ง “ที่หมาย” ที่สำคัญของสนามบิน นอกจากนั้นยังมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการใช้สนามบิน ที่ล่าสุด Terminal 4 ได้นำระบบ check in อัตโนมัติมาใช้ทั้งหมด
เพราะสิงคโปร์มี “mindset” ว่า สนามบินนั้นไม่ใช่แค่อาคารรองรับผู้โดยสารแต่คือ “ที่หมาย” (destination) ของคนทั่วโลกและชาวสิงคโปร์เอง และที่สำคัญคือ soft power ที่จะสื่อสารต่อคน
ทั่วโลกถึง “คุณค่า” ที่เขามี
3.การเป็น Hub การคมนาคมทางอากาศของไทยที่กำลังถูกท้าทาย
ใครๆ ก็คิดว่าสนามบินสุวรรณภูมิคือ “ชัยภูมิ” ที่ยังไงๆ ก็มีปริมาณเที่ยวบินและผู้มาเยือนมากกว่าที่อื่นอยู่แล้วเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของภูมิภาคที่สำคัญ แต่ใครเลยจะเชื่อว่าสนามบินชางกีที่สิงคโปร์จะมีปริมาณผู้โดยสาร “มากกว่า”สนามบินสุวรรณภูมิในปี 2560 ที่ 62 ล้านคน ซึ่งเทียบกับสนามบินสุวรรณภูมิที่ 59 ล้านคน และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่ทำอย่างต่อเนื่อง
สิงคโปร์มีการวางแผนขยายสนามบินอย่างต่อเนื่องทั้ง “คุณภาพและปริมาณ” มีการเพิ่มเที่ยวบินไปยังเมืองต่างๆ ทั่วโลก และการ transit ที่ดี มีการบริหารจัดการ cargo สินค้าที่ได้มาตรฐาน มีการเชื่อมต่อการสัญจรจากทะเลสู่อากาศจากเมืองต่างๆ ในภูมิภาค และแรงจูงใจต่างๆ เพื่อให้สายการบินมาใช้บริการที่นี่มากขึ้น มีการจัด event ระดับโลกอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้เพื่อให้แน่ใจว่าสิงคโปร์จะสามารถแย่งชิง Hub ทางการบินของภูมิภาคนี้ได้จากเมืองไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเป็นจริง!
สนามบินชางกีปัจจุบันรองรับนักท่องเที่ยวได้ 66 ล้านคน และภายในปีหน้า (2562) เขาจะสามารถรองรับได้ถึง 85 ล้านคน ( เทียบกับสุวรรณภูมิที่ 60 ล้านคน ในปี 2562) ที่น่าสนใจไปกว่านั้น เขาเริ่มแผนพัฒนาอาคารสนามบินแห่งที่ 5 (terminal 5) ที่มีขนาดอาคารและอาณาบริเวณรวมกันใหญ่กว่าสนามบินชางกีปัจจุบันถึง 1 เท่าตัว เพื่อให้สนามบินชางกีรองรับนักเดินทาง “150 ล้านคนต่อปี” ในปี 2573 ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่เป็นจริงและเขาตั้งใจจะทำให้ได้ ปัจจุบันอยู่ในช่วงการถมทะเลเพื่อสร้าง runway และเพิ่งได้ผู้ออกแบบเป็นสถาปนิกและศิลปินชาวอังกฤษ ผู้โด่งดังชื่อ Thomas Heatherwick และบริษัทสถาปนิก KPF จากสหรัฐอเมริกาคาดว่างานนี้คงมีแบบออกมาให้เป็นที่กล่าวถึงจากทั่วโลกแน่นอนเพื่อ “ตอกย้ำ” ความเป็นสนามบินอันดับ 1 ของโลก
4.บริหารสนามบินต้องการมืออาชีพ
เพื่อให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดของโลก และ Hub ของการคมนาคมทางอากาศในภูมิภาค ไม่ใช่ว่า “ใครๆ” ก็ทำได้ มันต้องการทั้งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง เชี่ยวชาญ และกลไกที่เอื้อให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัวและโปร่งใสในระดับสากล
สิงคโปร์แยกบริษัทลูก ที่ชื่อ Changi Airport Group :CAG) ออกจากการท่าอากาศยานแห่งชาติ เพื่อมาทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ facility รวมถึงดูแลการขยายตัวของสนามบินชางกีให้เป็นไปตามแผน ที่สำคัญ ดูแลการหารายได้ผ่านสนามบิน ทั้งเรื่อง commercial ในสนามบิน การพัฒนาที่ดินโดยรอบ การบริการ ที่สำคัญสิงคโปร์กำลัง “เพิ่มมูลค่า” จากองค์ความรู้ที่เขามีในการทำสนามบินให้มีคุณภาพระดับโลก เพื่อไปบริหารสนามบินอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งในจีนและอินเดีย (CEO ของ CAG ปัจจุบันคืออดีตผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อ Capital Land) ส่วนหน่วยงานการท่าอากาศยานของสิงคโปร์จะทำหน้าที่ในการควบคุมการบินและเป็น regulator ทางด้านการบินเท่านั้น ฟังถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากให้หน่วยงานนี้ของสิงคโปร์มาบริหารจัดการสุวรรณภูมิให้เห็นเป็นตัวอย่างบ้าง
5.สนามบินที่ดีไม่ใช่แค่อาคารที่ดี
สนามบินที่ดีเยี่ยมได้มาตรฐานระดับสากลนั้น คือ“องค์ประกอบสำคัญ” ต่อการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาค อันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมันต้องถึงพร้อม ทั้งประสิทธิภาพความปลอดภัย ระบบ infrastructure อาคารสถานที่และการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ โดยมียุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจนในการขับเคลื่อน
สนามบินที่ดี จึงไม่ใช่แค่มี “อาคารที่ดีหรือสวย” เพราะหาไม่แล้ว การพัฒนาสนามบินโดยไม่มีกลไก แผน และวิสัยทัศน์ ที่ดีรองรับควบคู่กันไป มันจะนำไปสู่การทำผิดพลาด “ซ้ำรอย” เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ที่เราได้อาคารสนามบินสุวรรณภูมิใหม่เอี่ยมมา แต่กลับไม่สามารถใช้ facility นี้ ขับเคลื่อนได้อย่างมืออาชีพ และมีพลังสู่การผลักดันไทยให้เป็น Hub ทางการบินตามที่ “คาดหวัง” ไว้ได้
6.อาคารสนามบินที่ดีควรเป็นเช่นไร ? อะไรที่คนไทยคาดหวัง
กรณีล่าสุด ต่อการจัดประกวดแบบอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้ได้ 90 ล้านคน ในปี 2564) ที่มีผู้เสนอผลงานมาเพียง 4 ราย อีกทั้งยังมีปัญหาในขั้นตอนการประมูลที่กำลังนำไปสู่การฟ้องร้อง รวมถึงรูปแบบของอาคารที่ได้รับเลือก กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถตอบความ “คาดหวัง” ของสังคมไทยได้ ในการเป็นตัวแทนแห่งการต้อนรับผู้คนในฐานะ gateway สู่ประเทศไทย
ในฐานะ “คนไทย” เราคาดหวังว่า อาคารสนามบินจะสะท้อน “คุณค่า” ที่ประเทศไทยมี คุณค่าที่ภาคภูมิที่ไม่มีที่ไหนเหมือน เพราะมันคือความประทับใจแรกที่คนต่างถิ่นจะพบ และเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนพลเมืองถึงความเป็นบ้านเมื่อมาถึงหรือกำลังจะเดินทางไกล นอกจากนั้น มันควรจะเป็นอาคารที่สะท้อน “คุณค่าใหม่” ต่อมวลมนุษยชาติ ในสิ่งที่ไทยเราอยากเป็นในอนาคต และเป็นคุณค่าที่เราพยายามจะไปให้ถึงด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่อาจเป็นความคาดหวังที่จะ “ไม่เกิดขึ้น” กับอาคารสาธารณะอื่นใด นอกจากอาคารสนามบินที่เป็น “ประตู” เชื่อมไทยกับโลก
ที่สำคัญเรา “คาดหวัง” ว่า เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้ว สนามบินจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย พอๆ กับอบอุ่นและเป็นมิตรกับผู้คน เรายังคาดหวังว่า แอร์จะเย็น สถานที่จะสะอาด มีห้องน้ำเยอะ ดูแลรักษาง่าย มีร้านค้าบรรยากาศดี มี signage ไม่รกรุงรัง มี taxi เป็นมิตร และเราคาดหวังจะเห็นการ restructure การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สู่การบริหารจัดการแบบมืออาชีพอีกด้วย เพื่อที่“เงินภาษี” ของเรา จะได้ถูกนำไปใช้อย่างคุ้มค่ามีประสิทธิภาพ
ผมอ่านบทความของคุณยศพลด้วยความ “ตื่นตาตื่นใจ” ใน “มุมมอง” ที่เฉียบคมมาก มันไกลจากความรู้ของเรา แต่เข้ามาเติมเต็มให้อย่างเหมาะเจาะ ไม่ยาก ไม่เพ้อ และสะท้อนความเป็น
“บ้านเรา” ได้ชัดเจนเหลือหลาย
กับเรื่องอื่นๆ การพัฒนาอื่นๆ และการแก้ปัญหาอื่นๆ จะเป็นไปได้ไหม ที่เราจะ “มอง” อะไรให้เกินจาก “ความรู้สึก” เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างที่มันควรจะเป็น เช่น วิธีที่คุณยศพลมองเรื่องสนามบินในบทความรู้
มาฝึกฝนการขยายมุมมองให้พ้นจากตัว จากขั้ว จากข้าง เพื่อเห็นโลกกว้างๆ และความเป็นเราในโลกใบนี้กันเถอะครับ หยุดกีฬาสีหยุด “เผด็จการ-ประชาธิปไตย” หยุด “ควายแดง-สลิ่ม” หยุดอะไรก็ได้ที่ฉุดให้เราสาละวนอยู่กับความขัดแย้งจนลืมการ “พัฒนา”
ถึงเวลาคิดให้ไกล ไปให้ถึง จะเผด็จการทหารหรือจะประชาธิปไตย จะศักดินาหรือไม่ศักดินาไม่เป็นไร เอาปัญญาที่เรามีมาหลอมรวมแล้วสร้างชาติบ้านเมืองกัน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี