ความไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แต่ยามจำเป็นก็เลี่ยงไม่ได้ จะขยายธุรกิจทำมาหากินได้ก็ต้องกู้ แล้วเวลาจะกู้กันทีก็ต้องวิ่งหาคนค้ำประกันหรือหาหลักทรัพย์มาเป็นประกัน
โดยมากก็คุ้นเคยกับการจำนองที่นำอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาเป็นประกัน หรือการจำนำที่นำสังหาริมทรัพย์ เช่น ทอง รถยนต์ สิ่งของมีค่าต่างๆ มาเป็นประกัน หรือลงลึกไปอีกหน่อยที่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 กำหนดให้นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ เช่น ตัวกิจการ สิทธิเรียกร้อง เช่น สัญญาเช่า บัญชีเงินฝากธนาคาร ลูกหนี้การค้า หรือของที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ หรือ อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ผู้ให้หลักประกันประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น ที่ดินจัดสรร หมู่บ้านจัดสรร รวมถึง ทรัพย์สินทางปัญญา เครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร
ข่าวดีมีว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ต้นไม้มีค่า 58 ชนิด ให้นำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้ด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้ ถือว่า “ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกสองตัว” ทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทางเศรษฐกิจ
เดิมทีต้นไม้มีค่าหลายประเภท “ปลูกได้แต่ห้ามตัด” ทำเอาคนปลูกกลัวไปเลย ต้นไม้เราปลูกเองในที่ดินโฉนดเราชัดๆ แต่หากเป็นต้นไม้หายากตามทะเบียนไม้หวงห้าม ถ้าจะตัดไปขาย ก็ต้องได้รับอนุญาตและจ่ายค่าภาคหลวงให้รัฐก่อน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 หรือไม่ก็ต้องได้ “ใบอนุญาต”ให้ทำสวนป่าเพื่อการค้า ตาม พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ.2558
ต้นไม้มีค่าเจ้าปัญหามีทั้งหมด 58 ชนิด ได้แก่ 1.สัก 2.พะยูง 3.ชิงชัน 4.กระซิก 5.กระพี้เขาควาย 6.สาธร 7.แดง 8.ประดู่ป่า 9.ประดู่บ้าน 10.มะค่าโมง 11.มะค่าแต้ 12.เคี่ยม 13.เคี่ยมคะนอง 14.เต็ง 15.รัง 16.พะยอม 17.ตะเคียนทอง 18.ตะเคียนหิน 19.ตะเคียนชันตาแมว 20.ไม้สกุลยาง 21.สะเดา 22.สะเดาเทียม 23.ตะกู 24.ยมหิน 25.ยมหอม 26.นางพญาเสือโคร่ง
27.นนทรี 28.สัตบรรณ 29.ตีนเป็ดทะเล 30.พฤกษ์ 31.ปีบ 32.ตะแบกนา 33.เสลา 34.อินทนิลน้ำ 35.ตะแบกเลือด 36.นากบุด 37.ไม้สกุลจำปี 38.แคนา 39.กัลปพฤกษ์ 40.ราชพฤกษ์ 41.สุพรรณิการ์ 42.เหลืองปรีดิยาธร 43.มะหาด 44.มะขามป้อม 45.หว้า 46.จามจุรี 47.พลับพลา 48.กันเกรา 49.กะทังใบใหญ่ 50.พลุมพอ 51.กฤษณา 52.ไม้หอม 53.เทพทาโร 54.ฝาง 55.ไผ่ทุกชนิด 56.ไม้สกุลม่วง 57.ไม้สกุลทุเรียน และ 58.มะขาม
ปัจจุบัน ครม.ให้ กระทรวงพาณิชย์ออกกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 กำหนดให้ต้นไม้ 58 ชนิดดังกล่าวตามบัญชีของ พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ.2558 มาเป็นหลักประกันทางธุรกิจเพื่อกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้แล้ว ซึ่ง ธ.ก.ส. ก็รับลูกต่อทันที
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำร่องโครงการนี้แล้วโดยการนำต้นไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันเงินกู้ ในกลุ่มเกษตรกรโครงการธนาคารต้นไม้กว่า 1 แสนราย ซึ่งมีต้นไม้ในโครงการกว่า 11 ล้านต้น ด้วยการขยายวงเงินกู้ได้สูงถึงร้อยละ 80 โดยคิดจากมูลค่าที่ดินบวกกับมูลค่าต้นไม้ในที่ดิน จากเดิมที่ให้วงเงินกู้เพียงร้อยละ 50 ของมูลค่าที่ดินเท่านั้น
การนำร่องของ ธ.ก.ส. แสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าต้นไม้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจจริง สามารถนำมาเป็น
หลักประกันเงินกู้ได้จริง และในเดือนกันยายนนี้ก็กำลังจะมีกฎกระทรวงตามออกมา เพื่อรับรองต้นไม้ทั้ง 58 ชนิด เป็นหลักประกันทางธุรกิจตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูว่าธนาคารของรัฐหรือธนาคารพาณิชย์อื่นๆ จะเดินรอยตามที่ ธ.ก.ส. นำร่องไว้หรือไม่
อีกกรณีที่เกี่ยวพันคือ การที่จะทำให้ต้นไม้ทุกชนิด ทุกสายพันธุ์ ที่ปลูกในที่ดินของเรา เป็นทรัพย์สินของเรา ไม่ใช่ไม้หวงห้าม เราจะทำอะไรกับต้นไม้นั้นก็ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากรัฐนั้น ต้องรอให้ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป่าไม้ ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมีผลบังคับก่อน ซึ่งขณะนี้ ครม.มีมติเมื่อ วันที่ 7 สิงหาคม 2561 เห็นชอบหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป่าไม้ ให้ต้นไม้ซึ่งอยู่ในที่ดินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ครอบครอง “ไม่ถือเป็นไม้หวงห้าม” เรียบร้อย และส่งไปให้ สนช.พิจารณา เราต้องรอกันอีกนิด
ประเทศไทยจะมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้น เพราะโครงการนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปลูกต้นไม้ในที่ดินของเอกชนมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีพันธุ์ไม้หายากมากขึ้น และตามมาด้วยการส่งเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยการนำไม้ไปแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ ทั้งข้าวของเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องดนตรี สินค้าตกแต่งต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย และยังช่วยลดปัญหาบุกรุกตัดไม้พื้นที่ป่าสงวน จนไปถึงทางเลือกให้กับคนยากจน ที่จะได้ประโยชน์จากการใช้ต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันเงินกู้ยามขาดสภาพคล่องได้
“ลมหายใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ได้มาด้วยการห้ามตัดต้นไม้เท่านั้น แต่การเพิ่มพื้นที่สีเขียวแบบมีกลยุทธ์นี้
จะช่วยได้มากทีเดียว”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี