สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมักมีข่าวน่ารักน่าชังปรากฏให้สาธารณชนได้พบเห็นอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะข่าวที่ครึกโครมมากจนถึงทุกวันนี้คือ ข่าวไทยพีบีเอสลงทุนซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ แต่หลังจากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ไทยพีบีเอสก็รีบจัดการขายหุ้นกู้คืนโดยฉับพลัน แถมยังกล้าออกมาให้ข่าวอีกว่า สามารถขายคืน แล้วสร้างกำไรให้องค์กรอีกตั้ง 5 ล้านบาท
แต่ทว่าคนที่มีความรู้ในแวดวงหุ้นกู้ และแวดวงการเงินการธนาคารต่างตั้งคำถามเหมือนๆ กันว่า ทำไมธนาคารที่ขายหุ้นกู้ให้กับไทยพีบีเอสจึงกล้ารับซื้อคืนในราคาที่สุดมหัศจรรย์ถึงเพียงนั้น ส่วนทุกคนที่รู้หลักการบัญชีก็ให้ความเห็นตรงกันว่า ไทยพีบีเอสขายหุ้นกู้คืนแล้วขาดทุน ไม่ใช่ได้กำไรตามที่กล่าวอ้าง เพราะขายได้ราคาน้อยกว่าซื้อ แต่ที่ได้เงินส่วนต่างคืนมาบ้าง แล้วก็นำไปกล่าวอ้างว่าขายได้กำไรนั้น เกิดมาจากดอกเบี้ยจากการลงทุน
มิใช่แค่เพียงข่าวการซื้อขายหุ้นกู้ซีพีเอฟโดยไทยพีบีเอสเท่านั้น แต่ล่าสุดก็มีข่าวที่คนวงนอกของไทยพีบีเอสอาจจะไม่รู้ เพราะเรื่องนี้ดูเสมือนเป็นเรื่องเร้นลับมากพอประมาณ เรื่องที่ว่านั้นคือ ไทยพีบีเอสในส่วนของสำนักข่าว หรือเรียกง่ายๆ คือฝ่ายข่าวไทยพีบีเอส ลงทุนจ้างที่ปรึกษาด้านงานข่าวเข้าไปทำหน้าที่ชี้แนะแนวทางการทำข่าว เพื่อหวังจะให้ข่าวไทยพีบีเอสเป็นที่สนอกสนใจของประชาชน หลังจากที่ข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ไม่เคยติดอันดับความสนใจของสาธารณชนในลำดับต้นๆ มาก่อนเลย นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสถานีเมื่อ 10 ปีก่อน
อัตราค่าจ้างที่ปรึกษาด้านข่าวที่ไทยพีบีเอสทุ่มเงินจ้างในครั้งนี้ก็ไม่มากไม่น้อย เพียงแค่เดือนละ 2 แสนกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับเงินที่ไทยพีบีเอสได้จากภาษีบาปปีละ 2 พันล้านบาทแล้ว นับว่าเล็กน้อยมาก
ประเด็นที่คนในไทยพีบีเอสเขาถกเถียงกันในวงกว้าง แต่เป็นการถกเถียงกันแบบลับๆ เพราะไม่กล้าถกเถียงให้เกิดเสียงดัง เนื่องจากคนที่ถกเถียงในเรื่องนี้เกิดความปริวิตกว่า ถ้าหากพูดดังจนเสียงกระทบไปถึงหูผู้มีอำนาจในไทยพีบีเอสแล้ว ความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน และเงินเดือนสำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตประจำวันของผู้ถกเถียงเรื่องนี้จะมีอันต้องสั่นคลอน หรือพูดให้ชัดคือ กลัวตกงาน เพราะทุกครั้งที่มีข่าวจริงรั่วออกมา ฝ่ายบริหารระดับสูงก็พยายามค้นหาว่าใครเป็นผู้ให้ข่าว ซึ่งนับว่าน่าสมเพช เพราะแทนที่จะหาทางแก้ไขเรื่องไม่ดีไม่งาม แต่กลับหาทางปกปิดความจริง
สำหรับความจริงที่ปิดไม่มิดคือ ที่ปรึกษาฝ่ายข่าวชื่อ เทพชัย หย่อง อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ส่วนเงินเดือนที่เทพชัยได้รับ ยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะหลายฝ่ายในไทยพีบีเอสตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ตรงกันสักราย แต่ทุกรายบอกตรงกันเพียงว่า มากกว่าสองแสนบาท แต่มากกว่าเท่าไรนั้น ตอบไม่ได้ หากอยากรู้ต้องไปถามผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสคนปัจจุบัน หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องไปถามจากประธานกรรมการนโยบาย
เรื่องเงินเดือนของที่ปรึกษาฝ่ายข่าวไทยพีบีเอสไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญที่สุดอยู่ที่ ทำไมฝ่ายข่าวไทยพีบีเอสต้องจ้างที่ปรึกษาฝ่ายข่าว หรือเพราะว่าผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายข่าวไทยพีบีเอสไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ได้ หรือเห็นว่าต้องจ้าง เพราะไทยพีบีเอสมีรายได้มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะนำไปใช้ให้หมดภายในหนึ่งปีด้วยวิธีการใด
ขอบอกว่าเรื่องการจ้างที่ปรึกษาฝ่ายข่าวนี้มีความน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าการจ้างกรรมการนโยบายไทยพีบีเอส โดยเฉพาะกรรมการนโยบายบางรายที่คนในองค์กรบอกว่า
ทำหน้าที่เสมือนผู้ผูกขาดมาโดยตลอด แล้วก็มีคำถามว่า ผู้สรรหากรรมการนโยบายไม่คิดจะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้าไปทำงานบ้างหรือ หรือเพราะว่าตำแหน่งนี้ต้องสงวนไว้เฉพาะพวกพ้องเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี