ในขณะที่ประเทศไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภามายาวนานเกือบห้าปี จนกระทั่งนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
จากคำประกาศเรื่องวันเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดความคาดหวังของคนในสังคมว่าประเทศไทย จะมีการเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งคือการให้โอกาสประชาชนกำหนดวิถีทางทางการเมืองด้วยตนเอง เพราะเชื่อว่าการเลือกตั้งโดยประชาชนคือการตัดสินใจของประชาชน
แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามจากกลุ่มผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในพฤติกรรมของนักการเมือง โดยคนกลุ่มนี้ตั้งคำถามว่า จะมีการเลือกไปเพื่ออะไร ในเมื่อยังไม่เห็นว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองเลยแม้แต่น้อย
ประเด็นที่น่าสนใจและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สนับสนุนให้มีการเลือกตั้งคือ การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้านี้ อาจจะเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมมากนัก เพราะ
นักการเมืองไม่สามารถหาเสียงได้โดยอิสระเสรี
ในขณะที่นักการเมืองหลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นแค่เพียงพิธีกรรมที่ปราศจากความศักดิ์สิทธิ์ เพราะนักการเมืองถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพการนำเสนอนโยบายของพรรคโดยตรงต่อประชาชน
นักการเมืองหลายคนวิจารณ์การขัดขวางการหาเสียงของพวกตนว่า เกิดมาจากความใจแคบของรัฐบาลคสช. เพราะคสช. เกรงว่านักการเมืองจะเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของตนในขณะที่คสช. มีอำนาจรัฐ รวมถึงยังถูกสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวนไม่น้อย พยายามขัดขวางการหาเสียงของนักการเมือง เพราะวิตกว่าอาจจะถูกโจมตีในเรื่องที่สนช. บางรายมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่บ้านเมืองไม่มีการเลือกตั้งและอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลทหารคสช. สภาวะเช่นนี้มีผู้มองทั้งแง่บวกและลบ ผู้ที่มองในแง่บวกให้เหตุผลว่า การที่มีรัฐบาลทหารคสช.ปกครองประเทศ สามารถช่วยให้สังคมมีความสงบสุข เพราะไม่มีการเดินขบวนประท้วงปิดถนน หรือก่อเหตุจลาจลเผาบ้านเผาเมือง เหมือนระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการมีรัฐบาลทหารคสช. ปกครองบ้านเมืองให้เหตุผลว่าการมีรัฐบาลทหารปกครองประเทศคือการประกาศให้ประชาคมโลกรู้ว่าประเทศไทยมิได้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การอยู่ใต้ระบบของรัฐบาลทหารไม่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจทางการเมือง เมื่อปราศจากการตรวจสอบและถ่วงดุลทางการเมืองแล้ว ผู้มีอำนาจรัฐจึงสามารถกระทำการใดๆ โดยพลการ และไม่ฟังเสียงเรียกร้องที่แท้จริงของประชาชน
มีเสียงวิจารณ์จากประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลคสช. ว่า บ้านเมืองในยุคนี้มิได้ปราศจากไปจากการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ตามที่รัฐบาลคสช. กล่าวอ้าง
นักธุรกิจหลายรายบ่นตรงกันว่าในยุคที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้อำนาจรัฐ ซึ่งมีนักการเมืองเป็นรัฐบาล พวกเขาก็ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับนักการเมืองและคนของนักการเมือง แต่เมื่อถึงยุครัฐบาลทหารคสช. พวกเขาก็ยังต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับคนบางกลุ่มอยู่ดี เพราะฉะนั้นบางกลุ่มจึงบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นยุคที่นักการเมืองมีอำนาจรัฐ หรือยุคที่ทหารขึ้นมามีอำนาจรัฐ พวกเขาก็ยังต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะอยู่เหมือนเดิม
ครั้นเมื่อถามต่อไปว่า แล้วนักธุรกิจต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับ ผู้มีอำนาจรัฐจำพวกนักการเมืองหรือ ผู้มีอำนาจรัฐที่มาจากการรัฐประหารมากกว่ากัน คำตอบที่ได้รับคือรอยยิ้ม
ถ้าคนไทยเชื่อว่าการเลือกตั้งคือการแสดงเจตจำนงทางการเมืองของประชาชนต่ออนาคตของตัวเองและของประเทศชาติ ประชาชนกลุ่มที่เชื่อเช่นนี้ก็จำเป็นจะต้องตอบให้ได้ว่า จะทำอย่างไรกับนักการเมืองที่อ้างชัยชนะจากการเลือกตั้งแล้วเข้าไปปล้นผลประโยชน์ของสาธารณะเข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะถ้าหากประชาชนไม่สามารถกำจัดนักเลือกตั้งให้หมดสิ้นไปจากสังคมได้ ก็หมายความว่าสังคมของเราจะหนีไม่พ้นจากการทำรัฐประหารอีก
ส่วนประเด็นที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การเลือกตั้งในครั้งหน้านี้ จะเป็นตัวชี้อนาคตของคสช. ด้วย เพราะถ้าหากผลการเลือกตั้งออกมาแล้วปรากฏว่าผู้มีอำนาจรัฐคณะใหม่เป็นปรปักษ์ทางการเมืองกับคสช. ก็หมายความว่าเมื่อรัฐบาลคสช. ลงจากหลังเสือหรือหมดอำนาจแล้วก็จะโดนติดตามไล่ล่าจากผู้มีอำนาจรัฐที่เป็นคนละฝั่งกับตนเอง
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐบาลคสช. จะต้องประเมินสถานการณ์การเมืองให้รอบคอบและถี่ถ้วน เพราะถ้าหากเดินเกมการเมืองผิดพลาดก็หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่คสช. ได้กระทำลงไปแล้วจะถูกยกเลิกโดยคำสั่งของผู้มีอำนาจรัฐซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่พี่จะหนักหนาสาหัสมากกว่านั้นคือความมั่นคงและความปลอดภัยของคสช. ในอนาคตอาจจะไม่เหลืออยู่อีกต่อไป
เพราะฉะนั้นเกมการเมืองบนกระดานการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงมิใช่เป็นแค่เพียงตัวชี้วัดความเจริญความสงบสุขของสังคมไทยเท่านั้นแต่ยังจะเป็นตัวชี้วัดชะตากรรมและอนาคตของคสช. ด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี