ภาวะเศรษฐกิจโลกในขณะนี้กำลังกังวลกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศที่เรียกกันว่าตลาดใหม่หรือเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่านิวอีโครโนมี่คันทรีส์ ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย บราซิล ชิลี และเม็กซิโก ประเทศกลุ่มนี้มีประชากรเป็นจำนวนมากและมีกำลังซื้อมหาศาล จีนนั้นมีประชากร 1,400 ล้านคน อินเดีย 1,300 ล้านคน อินโดนีเซีย 250 ล้านคน บราซิล 220 ล้านคน เม็กซิโก 125 ล้านคน มาเลเซีย 30 ล้านคน และชิลี 18 ล้านคน
สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศสงครามการค้ากับหลายๆ ชาติด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าทำให้เกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจยกตัวอย่างเช่น จีนนั้นสหรัฐอเมริกาได้ประกาศปรับอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวม 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐผลของการกระทำนี้ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจลุกลามไปหลายประเทศ เช่น ตุรกี อินโดนีเซีย อินเดีย อาร์เจนตินา และบราซิล
สิ่งที่ต้องระวังคือความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศเหล่านี้ซึ่งจะมีผลกับการส่งออกประเทศไทยโดยทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้นและการที่สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ในปีนี้ประมาณร้อยละ 2 วิกฤติค่าเงินตุรกีมีผลให้เงินไหลเข้าไทยมากขึ้นเนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจดี
ภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นคือค่าเงินรูเปียห์อินโดนีเซียมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วจนต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย 5.5% เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 90 วัน เพื่อป้องกันค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งจะมีภาวะคล้ายกับตุรกีที่มีปัญหาค่าเงินเพราะถูกสหรัฐอเมริกาปรับภาษีนำเข้าสินค้าจากตุรกียังผลให้เงินลีร่าอ่อนค่าลงไปอย่างฮวบฮาบจากวิกฤตินี้ทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกทดแทนสินค้าตุรกี
แต่อีกด้านหนึ่งผู้ส่งออกที่ส่งวัตถุดิบไปยังตุรกีจะได้รับผลกระทบเพราะค่าเงินอ่อนเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทและที่สำคัญยังต้องติดตามว่าวิกฤติในประเทศเกิดใหม่จะลุกลามไปยังประเทศคู่ค้าอื่น หรือประเทศเจ้าหนี้ที่กลุ่มนี้ไปกู้เงินไว้หรือไม่ หากลุกลามจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลกได้เช่นเดียวกัน
ประเทศไทยนั้นภาวะเศรษฐกิจและรายได้ประชาชาติขึ้นอยู่กับการอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกปีละประมาณร้อยละ 50 ทำให้ผู้ส่งออกต้องเตรียมรับมือความผันผวนค่าเงินโดยใช้เครื่องมือทางการเงินเช่น สกุลเงินท้องถิ่น การเปิดบัญชีเอฟซีดีและต้องกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดใหม่ๆ การใช้ประโยชน์ความตกลงเขตการค้าเสรีต่างๆ การส่งเสริมอี-คอมเมิร์ซ
ทางออกที่สำคัญอีกด้านคือกลุ่มบริษัทข้ามชาติของไทยจะต้องเร่งดำเนินการด้วยการออกไปลงทุนตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่มีแรงงานมากๆ และประชากรมากอาทิ อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน เวียดนาม ฟิลิปปินส์อินโดนีเซียเพราะไทยมีเงินตราต่างประเทศสำรองมาก
นี่คือจุดแข็งที่จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวมของไทยในปีหน้ามีความแจ่มใสและผ่านวิกฤติการทางเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ไปได้ด้วยความราบรื่นและพร้อมก้าวไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วในอนาคตอันใกล้ที่ไม่ช้านี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี