ผู้คนในวงการข่าวสื่อสารมวลชนจำนวนไม่น้อยต่างทราบดีว่า เงินเดือนของผู้บริหารระดับกลางและสูงของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ดีมากเสียจนหลายคนวิจารณ์ว่าเข้าขั้นเงินเดือนเฟ้อ บางรายวิจารณ์เสียดายเงินที่ต้องจ่ายไปแต่ละเดือนๆ โดยเฉพาะเงินที่ต้องเสียให้กับคนที่ไม่มีศักยภาพในการทำงานอย่างแท้จริง
มีข้อมูลจากคนในไทยพีบีเอสระบุว่า เงินเดือนของพนักงานระดับผู้อำนวยการสำนัก ชนิดผู้เชี่ยวชาญพิเศษตกเดือนละ 1 แสนเศษๆ ถึง 2 แสนกว่าๆ แต่ถ้าเป็นผู้จัดการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการ จำพวกผู้ชำนาญการอาวุโส จะได้เงินเดือนตั้งแต่ 6 หมื่นกว่าๆ ถึง 1 แสนกว่าๆทั้งนี้ยังไม่รวมสวัสดิการอื่นๆ ที่องค์การจัดให้ อาทิ เงินค่าพาหนะเดือนละเกือบ 3 หมื่นบาท
ดังนั้นโปรดคิดเอาเองว่า ในแต่ละเดือน แต่ละปี ไทยพีบีเอสจะต้องจ่ายเงินเดือนเป็นเงินจำนวนมากมายสักเพียงใด เพราะว่าในองค์กรแห่งนี้มีพนักงานที่ได้รับเงินเดือนระดับสูงมากๆ เป็นจำนวนมิใช่น้อย แต่ที่ตลกกว่านั้นคือ พนักงานที่ได้รับเงินเดือนมากๆ นั้น บางคนก็ครบเกษียณแล้ว แต่ก็ยังมีการจ้างงานต่อ ทั้งๆ ที่ไทยพีบีเอส หรือองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ได้ออกประกาศเรื่องโครงการสมัครใจเกษียณก่อนกำหนด มาแล้วตั้งแต่ยุคกฤษฎา เรืองอารีย์รัชต์ ครองตำแหน่งผู้อำนวยการองค์กรแห่งนี้ แล้วโครงการดังกล่าวก็ยังถูกประกาศเรื่อยมา จนถึงยุคของวิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์) ที่ครองตำแหน่งผู้อำนวยการไทยพีบีเอสในยุคปัจจุบัน
โครงการสมัครใจเกษียณก่อนกำหนด ให้ค่าตอบแทนพิเศษกับพนักงานที่สมัครใจลาออกก่อนครบวาระเกษียณ โดยผู้สมัครใจร่วมโครงการจะต้องได้รับอนุญาตจากต้นสังกัด และผ่านการเห็นชอบโดยคณะกรรมการโครงการ โดยคณะกรรมการโครงการถือสิทธิแต่ฝ่ายเดียวที่จะให้ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบในการลาออกของพนักงานที่เข้าร่วมโครงการ
อย่างไรก็ตามมีข้อกำหนดว่า ไทยพีบีเอสจะไม่รับพนักงานที่ได้รับการอนุมัติให้ลาออกตามโครงการ กลับเข้าทำงานอีก หรือรับทดแทนตำแหน่งงานนั้น
ทั้งนี้พนักงานที่ลาออกตามโครงการ จะได้รับเงินตอบแทน ดังนี้
2.1 เงินชดเชย ตามข้อบังคับ ส.ส.ท. เรื่อง หลักเกณฑ์ การจ่ายเงินชดเชย กรณีมีคำสั่งให้ออกจากงาน หรือบอกเลิกสัญญาจ้าง พ.ศ. 2558 ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
2.2 เงินตอบแทนพิเศษ คำนวณตามจำนวนปีที่ปฏิบัติงาน (เศษของปีเกิน 6 เดือนให้นับเป็น 1 ปี)
2.3 มีสิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลที่คลินิก ส.ส.ท. จนอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์
หมายเหตุ จำนวนเงินตอบแทนที่ได้ตามข้อ 2.1 และ 2.2รวมกันต้องไม่เกิน 20 เท่าของเงินเดือน หรือไม่เกินกว่าอายุงานที่เหลือ นับเป็นเดือนถึงวันที่เกษียณจริง แล้วแต่ว่าจำนวนใดจำนวนหนึ่งที่ต่ำกว่า
เมื่อพิจารณาตามคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจะพบว่ามีข้อหนึ่งระบุว่า
3.5 ต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกกล่าวหา กระทำผิดวินัย และไม่อยู่ในระหว่างการสอบสวนทางวินัย หรือการพิจารณาโทษทางวินัย หรือผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดในคดีอาญา ซึ่งมีความผิดลหุโทษ หรือ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท
แต่จากประกาศในเรื่องเดียวกันนี้ ซึ่งออกเป็นประกาศฉบับล่าสุด สำหรับโครงการ ปี 2561 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 ตุลาคม 2561 มีหลักการเพิ่มเติมข้อหนึ่งระบุว่า
1.14 ส.ส.ท. ขอสงวนสิทธิที่จะรับพนักงานทดแทนในกรณีเป็นตำแหน่งงานที่สำคัญ และหรือ มีทักษะ หรือความเชี่ยวชาญชำนาญการเฉพาะ ที่ไม่สามารถหาคนภายในองค์การทดแทนได้
และมีการแก้ไขหมายเหตุ ข้อ (2) จำนวนเงินตอบแทนที่ได้ ตามข้อ 2.1 และ 2.2 ที่จะได้รับรวมกันต้องไม่เกิน 20 เท่าของเงินเดือนสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม โครงการนั้นถือได้ว่าเป็นแนวทางอย่างหนึ่งของไทยพีบีเอสที่จะพยายามรักษาเงินของหน่วยงานเอาไว้ โดยการลดเงินเดือนและสวัสดิการอื่นๆ ที่หน่วยงานเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องจ่ายให้กับผู้สมัครใจร่วมโครงการ
แต่มีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า มีพนักงานในหน่วยงานตั้งคำถามว่า การพิจารณาอนุมัติให้ผู้ร่วมโครงการ เป็นไปอย่างโปร่งใสแท้จริงหรือ
มีคำถามด้วยว่า เหตุใดพนักงานที่เป็นผู้บริหารระดับสูงบางราย จึงได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการนี้และสามารถผ่านการอนุมัติได้ ทั้งๆ ที่เขาผู้นั้นเป็นผู้ที่เคยถูกตั้งกรรมการสอบวินัยมาก่อน คำถามจากคนในองค์การคือเหตุใดพนักงานระดับสูงรายดังกล่าวจึงได้รับการอนุมัติให้ได้รับเงินชดเชยจากโครงการ ทั้งๆ ที่ผ่านมานั้นก็ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพแต่ประการใด เนื่องจากลาหยุดงานเป็นประจำ แล้วยังถูกโยกย้ายตำแหน่งในระหว่างการถูกสอบวินัยอีกด้วย
แต่ที่มากกว่านั้นคือ มีคำถามว่า ทำไมจึงมีการอนุมัติให้ต่ออายุการจ้างงานแบบไม่รู้จบสำหรับคนบางคน(รายนี้ไม่ได้ร่วมโครงการสมัครใจเกษียณ แต่เกษียณอายุงานมาตั้งแต่ปี 2560) มีการตั้งคำถามจากคนภายในไทยพีบีเอสกลุ่มหนึ่งว่า เหตุใดผู้ชำนาญการอาวุโส เพศชายรายหนึ่งจึงได้รับการต่อสัญญาจ้างครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการจ้างครั้งล่าสุดอีกกว่าห้าแสนบาท
ประเด็นคำถามที่ประชาคมไทยพีบีเอสตั้งข้อสงสัยกันอย่างมากคือ การอนุมัติโดยคณะกรรมการโครงการสมัครใจเกษียณก่อนกำหนดเป็นการพิจารณาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ขององค์การโดยแท้จริงหรือไม่
ส่วนประเด็นการต่ออายุสัญญาจ้างให้กับคนบางคนอย่างมีเลศนัยนั้น ก็เป็นประเด็นที่ประชาคมไทยพีบีเอสกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกับบอกว่า หากคณะกรรมการโครงการ ตระหนักถึงผลประโยชน์ขององค์การโดยแท้จริงแล้ว ควรจะต้องดำเนินการพิจารณาผู้ที่สมควรเข้าร่วมโครงการด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใส ทั้งนี้ยังเสนอว่า เมื่อพิจารณาอนุมัติให้ตำแหน่งใดผ่านการเข้าร่วมโครงการแล้ว ก็ไม่สมควรจะจ้างผู้ใดเข้าไปทำงานในตำแหน่งนั้นๆ หรือตำแหน่งที่ใกล้เคียงอีกต่อไป แต่ถ้าหากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบแล้วเห็นชัดว่า จำเป็นจะต้องมีผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นๆ ก็ไม่ควรจะอนุมัติให้มีการร่วมโครงการสมัครใจเกษียณก่อนกำหนด
แต่ที่ประหลาดมากที่สุดคือ ในขณะที่มีการประกาศให้เข้าร่วมโครงการสมัครใจเกษียณ แต่ทว่าไทยพีบีเอสกลับประกาศรับสมัครพนักงานเพิ่มเกือบตลอดเวลา ซึ่งดูเป็นการกระทำที่ย้อนแย้งกันอย่างที่สุด เพราะในเมื่อไทยพีบีเอสต้องการจะลดจำนวนพนักงานลง แล้วเหตุใดจึงยังเปิดรับสมัครพนักงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี