มาถึงวันนี้กำหนดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าก็ได้รับการยืนยันจากบุคคลสำคัญของ คสช. และรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หรือในอีกประมาณ 5 เดือนข้างหน้านี้
ดังนั้นเสียงปี่เสียงกลองทางการเมืองจึงกึกก้องกระหึ่มขึ้น รวมทั้งเสียงเรียกร้องให้มีการปลดล็อกทางการเมืองอันเนื่องมาจากล็อกทางการเมืองนั้นได้ถูกล็อกมาถึง 5 ปีเต็มแล้ว ดังนั้นบรรดาอภินิหารทางกฎหมายมากหลายซึ่งคนจำนวนมากไม่ทราบ ไม่เข้าใจ และไม่เคยปฏิบัติ จึงควรได้เปิดกว้างให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง
แม้ว่าจะมีเวลาอีกราว 5 เดือน จะถึงวันกำหนดการเลือกตั้ง แต่มาถึงวันนี้ภายใต้กฎเกณฑ์ของกฎหมายที่นักอภินิหารทางกฎหมายเจ้าเก่าได้เสกสร้างขึ้นนั้น ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปัจจุบัน จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
เว้นแต่จะมีความพลิกผันด้วยเหตุการณ์ที่นอกเหนือการคาดหมาย
แต่อภินิหารทางกฎหมายนั้นก็เป็นแค่อภินิหารทางกฎหมาย เพราะเมื่อได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วจะได้ปฏิบัติราชการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยราบรื่นเรียบร้อยประการใดหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับอภินิหารทางกฎหมายอีกนั่นแหละ
ดังนั้นในวันนี้ประเทศไทยของเราจึงอยู่ภายใต้อภินิหารทางกฎหมาย จะเป็น จะตาย จะดี จะร้ายประการใดก็ขึ้นอยู่กับอภินิหารทางกฎหมายทั้งสิ้น
ทำไมจึงกล่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป?
ประการแรก ชะตาชีวิตของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ถูกลิขิตมานานแล้วให้ต้องครองอำนาจอยู่ต่อไป จนกระทั่งดาวมฤตยูโคจรพ้นออกจากราศีเมษ เว้นแต่จะสะดุดขาตัวเองหรือถูกอภินิหารทางกฎหมายทำให้กลายเป็นอย่างอื่นไป ระยะเวลา 11 ปีแห่งอำนาจคือบทพิสูจน์ลิขิตนี้
ประการที่สอง รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ คสช. มีบทบาทในการแต่งตั้งและสรรหา สว.จำนวน 250 คน ก็เป็นที่แน่ชัดว่า สว. 250 คนนี้ย่อมต้องสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ สส.ถูกกำหนดให้มีจำนวน 500 คน และในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกนั้นให้ สว. ร่วมประชุมคัดเลือกด้วย ดังนั้นขอเพียงมีเสียงสนับสนุนจากสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 126 คน ก็จะทำให้มีจำนวนรวมกับ สว. เป็น 376 คน เกินครึ่งหนึ่งของรัฐสภา จึงเป็นเสียงที่เลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งประธานรัฐสภาจะต้องนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ประการที่สาม แม้ว่าในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลจะต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร คือต้องมีเสียงเกิน 250 เสียง หรือต้องมีเสียง 251 เสียงขึ้นไป รัฐบาลจึงต้องมีหรือหา สส. เพิ่มขึ้นอีก 125 คนเป็นอย่างน้อย ซึ่งอยู่ในวิสัยที่จะเป็นไปได้ เพราะอาจดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมตั้งรัฐบาลได้ หรือถ้าหากไม่สามารถได้คะแนนเสียงเกิน 250 เสียง ในสภาผู้แทนราษฎร ก็อาจตั้งรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยได้ เพราะรัฐบาลมีอำนาจในการยุบสภา ซึ่งเป็นอำนาจที่จะสยบไม่ให้ สส. ฝ่ายค้าน ทำการตามอำเภอใจ แต่นั่นก็หมายความว่าการบริหารราชการแผ่นดินจะไม่มีวันราบรื่น
ทั้งสามประการนี้คือตัวชี้ขาดแน่นอนในขณะนี้แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังเลือกตั้ง
แต่อภินิหารทางกฎหมายก็ยังเป็นอภินิหารทางกฎหมายอยู่นั่นเอง และอาจเกิดอภินิหารทางกฎหมายขึ้นได้อีกหลายกรณี ที่สำคัญคือ
ประการแรก อาจมีมือดีสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคำสั่งตามมาตรา 44 หลายคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง ว่ามีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากถูกวินิจฉัยว่าไม่ชอบ ก็จะเกิดปัญหาขึ้นในทันที
ประการที่สอง อภินิหารทางกฎหมายก็มีหลุมดำเกิดขึ้นตามวิสัยโลก นั่นคือแม้จะสร้างอภินิหารให้ สว. ซึ่งมาจากการแต่งตั้งมีอำนาจเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี แต่กลับมิได้กำหนดให้ สว. มีอำนาจประชุมเลือกตั้งประธานรัฐสภาด้วย ดังนั้นประธานรัฐสภาจึงอาจเป็นหรือไม่เป็นฝ่ายของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ และถ้าหากพรรคการเมืองร่วมมือกันจนมีเสียงเกิน 250 เสียง ประธานรัฐสภาก็จะเป็นคนของฝ่ายการเมือง ชะดีชะร้ายก็จะกลายเป็นคนของฝ่ายค้าน ซึ่งจะมีบทบาทต่อการชี้ขาดเรื่องราวต่างๆ ในรัฐสภามากมาย
ประการที่สาม องค์ประกอบกันเป็นโครงสร้างของฝ่ายรัฐบาลสำหรับที่มาจาก สว. นั้น ถ้าหากเป็น สว. ประเภทที่มีแต่มือหรือเป็นฝักถั่ว แม้จะมีเสียงได้ตามต้องการ แต่ความเป็นธรรมและความนิยมจะดำรงคงอยู่สักเพียงไหนก็เป็นเรื่องน่าหนักใจ ที่สำคัญคือองค์ประกอบของ สส. ซึ่งมาจากหลายพวกหลายฝ่าย และแต่ละคนก็มีอดีตที่น่าตกใจกลัวอยู่จำนวนมาก จนกระทั่งคนทั้งหลายมองเห็นประวัติศาสตร์ของพรรคเสรีมนังคศิลาและพรรคสหประชาไทยจะกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ที่ถึงขนาดรัฐบาลในอดีตต้องปฏิวัติตัวเองมาแล้ว เพราะอภินิหารของ สส. สัมภเวสีเหล่านั้น
ประการที่สี่ อดีต สส. ล้วนคลาคล่ำอยู่ในวงการเมืองมายาวนาน ล้วนเป็นวัวเคยค้า ม้าเคยขี่ เคยมีเจ้าของคอกมาแล้วทั้งสิ้น ณ วันเวลาก่อนปลดล็อก สถานการณ์เป็นอย่างหนึ่ง แต่เมื่อถึงเวลาปลดล็อกทางการเมือง ความเป็นวัวเคยค้า ม้าเคยขี่ ก็อาจก่อเกิดอภินิหารขึ้นมาได้
ประการที่ห้า รัฐธรรมนูญคุ้มครอง คสช. และรัฐบาลในบรรดาการกระทำก่อนที่รัฐธรรมนูญใช้บังคับ แต่หลังจากนั้นการจะเป็นฉันใดหรือว่าจะเป็นหมู่บ้านกระสุนตก ก็น่าตระหนกตกใจอยู่ไม่น้อย
ประเทศไทยในท่ามกลางอภินิหารจึงทำให้คนทั้งหลายต้องอกสั่นพรั่นพรึงอยู่เสมอ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี