หลายต่อหลายคนเชื่อเอาเองเพราะความอคติด้วยความรักและด้วยความไว้วางใจส่วนตัวว่า ภายในมหาวิทยาลัยของรัฐ และภายในเขตวัดวาอารามของสังคมไทยจะปราศจากการฉ้อโกง การทุจริตฉ้อฉลทั้งปวง เพราะหลงเชื่อว่าครูบาอาจารย์และพระสงฆ์องค์เจ้าเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ขาวสะอาด ไม่ข้องแวะกับสิ่งสกปรกโสโครก แต่ทว่าความเชื่อกับความจริงไม่ได้สอดคล้องต้องกันเสมอไป เพราะว่ามีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า วัดและมหาวิทยาลัยหลายแห่งของประเทศไทยคือแหล่งที่มีการกระทำการฉ้อฉลทุจริตอย่างมากมาย
วันนี้จะพูดเฉพาะเรื่องการฉ้อฉลภายในมหาวิทยาลัยของรัฐเท่านั้น แต่จะยังไม่แตะเรื่องฉ้อฉลภายในวัด เพราะเชื่อว่าวิญญูชนของไทยคงรู้เรื่องการทุจริตฉ้อฉลภายในวัดวาอารามของไทยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
หลายต่อหลายคนไม่รู้และไม่สนใจว่าตำแหน่งอธิการบดี ในมหาวิทยาลัยของรัฐคือตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับบ่อเงินบ่อทอง หรือขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาล ดังนั้นตำแหน่งนี้จึงเป็นที่หมายปองสำหรับคนที่มีพฤติกรรมฉ้อฉลทุจริต แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐทุกคนจะเป็นผู้ฉ้อฉลทุจริต เพียงแต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่ามีผู้ฉ้อฉลทุจริตกลุ่มหนึ่งต้องการเข้าไปครอบครองตำแหน่งนี้ เพราะรู้ดีว่านี่คือขุมทรัพย์มหาศาล
พฤติกรรมของผู้ฉ้อฉลที่อาศัยตำแหน่งอธิการบดีเป็นที่ทำมาหากินโดยไม่สุจริตก็คือ ความพยายามผูกขาดตำแหน่งนี้ไว้ในกำมือของตนเองให้นานที่สุดเท่าที่จะสามารถยื้อตำแหน่งนี้เอาไว้ให้ได้ เพราะตำแหน่งนี้มีผลตอบแทนทั้งทางตรง ทางอ้อม ทั้งบนดิน และใต้ดินในแต่ละเดือนเป็นจำนวนมหาศาล บางแห่งได้เงินที่เข้าทำนองลาภมิควรได้จำนวนมากถึง 2-3 ล้านบาท โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีความสามารถในการซิกแซ็กเปิดหลักสูตรภาคมหัศจรรย์พันลึกที่มีหลักสูตรซ้ำซ้อน และยังเปิดได้โดยไม่อั้น รวมถึงมหาวิทยาลัยจำพวก “ผู้เรียนจ่ายครบ แล้วจบแน่ แต่ไม่ต้องถามหาคุณภาพทางวิชาการ”
กรุณากลับไปทบทวนดูเอาเถอะว่ามหาวิทยาลัยของรัฐแห่งใดบ้างที่มีผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีจำพวกผูกขาดนั่งคาตำแหน่งอยู่ บางรายนั่งกินตำแหน่งอธิการบดีมาแล้วมากกว่า 10 ปี แต่ก็ยังจะดันทุรังนั่งต่อไป ทั้งๆ ที่ตนเองนั้นเกินเกษียณอายุราชการมานานแสนนานแล้ว
ถามว่าทำไมจึงต้องกระเสือกกระสนและทุรนทุรายนั่งอยู่ในตำแหน่งอธิการบดี เพราะว่าต้องการพัฒนาสถาบันการศึกษา หรือต้องการเพิ่มคุณภาพทางวิชาการให้กับผู้จบการศึกษา กระนั้นหรือ หรือว่าจำเป็นต้องหาทางนั่งบนตำแหน่งต่อไป เพราะผลประโยชน์มันหวานหอมมากมายมหาศาลเสียจนไม่สามารถหักใจแล้วกลับไปอยู่บ้านหลังจากเกษียณอายุราชการได้
เท่าที่มีข้อมูลเชิงประจักษ์คือ รายได้ของอธิการบดีมหาวิทยาลัยโดยเฉลี่ยคือ 2 แสนกว่าบาทต่อเดือน ซึ่งยังไม่นับรวมรายได้ที่งดงามจากการเปิดหลักสูตรพิสดารมหัศจรรย์พันลึกอีกสารพัดหลักสูตร เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจที่จะพบเห็นว่าอธิการบดีบางสำนักมีรายได้ในแต่ละเดือนเกินกว่าหนึ่งล้านบาท
เมื่อรายได้งดงามและได้มาโดยแสนสะดวกเช่นนี้ ก็จึงทำให้หลายคนไม่ยอมลงจากตำแหน่ง แม้จะมีการระบุชัดเจนว่าตำแหน่งอธิการบดีเป็นตำแหน่งชั่วคราวที่ต้องสลับผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปทำหน้าที่ แต่กลับมีการผูกขาดตำแหน่งนี้ไว้ในกำมือได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ โดยที่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการก็ทำเสมือนไม่รู้ไม่เห็นปัญหาใดๆ ภายในสถาบันอุดมศึกษาจำพวกที่มีการผูกขาดตำแหน่งอธิการบดี
ช่างเป็นเรื่องน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงเสียเหลือเกินที่ผู้บริหารสูงสุดของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบางแห่งมีอธิการบดีผูกขาด เมื่อหัวขบวนของสถาบันการศึกษาชั้นสูงไร้ความซื่อสัตย์เสียแล้ว จะหาความซื่อสัตย์ใดๆ ได้จากสถาบันการศึกษาแห่งนั้นหรือ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี