นับเป็นเรื่องน่าสังเวชและน่าสมเพชเป็นที่สุด เมื่อสังคมไทยได้ยิน ได้ฟังการทวงบุญคุณแบบลำเลิกเบิกประจานระหว่างคนบางคน สาเหตุที่ต้องบอกว่าน่าสมเพชและน่าสังเวชก็เพราะ ผู้ที่ทวงบุญคุณนั้นเป็นผู้แบไต๋อย่างโจ่งแจ้งว่า มีคนผู้หนึ่งแสดงอากัปกิริยาอ่อนหวาน เกาะโต๊ะ เพราะต้องการได้รับตำแหน่งสำคัญบ้านในเมืองของประเทศไทย
เมื่อคนที่เป็นผู้ลำเลิกออกมาแบไต๋เช่นนี้ ก็ทำให้ผู้คนในสังคมออกตั้งคำถามกลับไปยังผู้ลำเลิกซึ่งเคยมีอำนาจวาสนาสูงส่งว่า เมื่อครั้งที่ผู้ลำเลิกยังมีอำนาจการเมืองสูงสุดนั้น เมื่อจะพิจารณาให้ยศถาบรรดาศักดิ์ หรือให้ตำแหน่งแห่งที่ซึ่งมีความสำคัญใดๆ กับใครสักคนหนึ่ง ผู้มีอำนาจรัฐผู้นั้นใช้การพิจารณาปูนบำเหน็จให้กับผู้ที่ไปเกาะโต๊ะเพื่อขอตำแหน่งเท่านั้นหรือ แล้วมิได้ใช้ดุลยพินิจอื่นใดที่มีสาระสำคัญมากมายไปกว่าการเกาะโต๊ะในการอนุมัติตำแหน่งสำคัญๆ ของบ้านของเมือง กระนั้นหรือ
มีผู้เคยกล่าวไว้ว่า ผู้ใดก็ตามที่กล่าววาจาหรือแสดงกิริยาทวงบุญคุณจากผู้อื่น ในสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปแล้ว ถือได้ว่าผู้แสดงอาการทวงบุญคุณนั้นได้ทำลายคุณค่า และผลของการกระทำในสิ่งนั้นๆ อย่างน่าสังเวช การทวงบุญคุณ หรือการลำเลิกบุญคุณสะท้อนให้เห็นได้ว่า ผู้กระทำเช่นนั้นต้องการแสดงให้ผู้อื่นเห็นและยอมรับว่าตนเหนือกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้สร้างบุญคุณให้กับผู้อื่นโดยเจตนาบริสุทธิ์แล้ว ท่านผู้รู้ได้กล่าวไว้ว่า การทวงบุญคุณนั้นจะยิ่งนำมาซึ่งความเสื่อมสูญสลายแก่ตัวผู้ทวงบุญคุณ การทวงบุญคุณเป็นเสมือนการแสดงให้เห็นทิฐิมานะโดยความเห็นผิดของผู้กระทำ โดยสำคัญว่าตนเองเหนือกว่า วิเศษกว่าให้บังเกิดขึ้นในจิตใจ คนที่มีพฤติกรรมดังกล่าวคือคนที่หลงตัวเอง ทระนงในตัวเองแบบผิดๆ เป็นผู้หยาบกระด้าง ไม่รู้จักละวาง หนำซ้ำยังเป็นผู้ผูกใจพยาบาทอาฆาตแค้น ไม่ยอมคน การกระทำดังกล่าวนี้ ในที่สุดแล้วจะกลายเป็นสิ่งขัดขวางความสุข และความเจริญของตนเอง
อย่างไรก็ตาม การลำเลิกเบิกประจานในเรื่องที่กำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจในขณะนี้ เป็นการบ่งบอกให้สาธารณชนในสังคมไทยได้รับรู้ว่า การได้ตำแหน่งแห่งหนสำคัญๆ ในบ้านเมืองนี้ มิได้พิจารณาจากคุณสมบัติที่เหมาะสมโดยถี่ถ้วน แต่ทว่าบังเกิดมาจากการสอพลอ ประจบประแจง รวมถึงเกิดมาจากความลุ่มหลงในคำสรรเสริญเยินยอ จนทำให้ผู้มีอำนาจแต่หูเบาเกิดความหลงใหลในคำหวาน แล้วจึงมอบตำแหน่งแห่งที่อันสำคัญให้กับผู้มีพฤติกรรมประจบสอพลอ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการประจานความไร้สติ ไร้ปัญญา และไร้ดุลยพินิจของผู้มีอำนาจให้สังคมได้รับรู้ไปโดยปริยาย ทำให้สังคมได้ประจักษ์ว่า ผู้มีอำนาจรายนั้นปูนบำเหน็จตำแหน่งใดๆ ให้กับผู้ที่ไม่มีความสามารถในการทำงานโดยแท้จริง แต่ให้ตำแหน่งกับคนจำพวกดีแต่ปาก ซึ่งไร้ความสามารถในการทำงาน
ผู้มีอำนาจที่ไร้ปัญญาแต่หูเบา ปูนบำเหน็จตำแหน่งสำคัญให้กับคนไร้ความสามารถ ก็เพราะเขาหลงเข้าใจเอาเองว่า ผู้ที่ได้รับการปูนบำเหน็จไปแล้ว จะต้องกลายเป็นเสมือนขี้ข้า หรือข้าทาสบริวารของตน เมื่อตนทำสิ่งใดผิด หรือจงใจทุจริตโกงบ้านกินเมือง ผู้ที่ตนให้ตำแหน่งไปแล้วก็จะต้องทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่กล้าพิจารณาลงโทษผู้กระทำผิด เพราะติดขัดในเรื่องบุญคุณที่มีต่อกัน
การลำเลิกเบิกประจานของคนผู้หนึ่งที่กระทำต่อคนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังกลายเป็นเรื่องที่สังคมไทยรับรู้กันในวงกว้างนี้ คือเครื่องบ่งบอกได้อย่างดีว่า สังคมไทยยังมีคนได้ดี ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะอาศัยการเกาะโต๊ะ ส่วนผู้มีอำนาจรัฐหูเบา ไร้ปัญญาก็ให้รางวัลและปูนบำเหน็จตำแหน่งสำคัญๆ แก่ผู้เกาะโต๊ะ เพราะต้องการเลี้ยงผู้เกาะโต๊ะไว้เป็นขี้ข้า ซึ่งเรื่องพรรค์อย่างนี้ย่อมเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อครั้งสมัยที่ผู้มีอำนาจรัฐยังมีสถานะเป็นผู้เกาะแข้งเกาะขา เพราะต้องการได้งานจากผู้มีอำนาจรัฐรายเก่าๆ บนแผ่นดินนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี