ประเด็นข่าวใหญ่ในต่างประเทศช่วงนี้ หนีไม่พ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศ “เวเนซุเอลา” ที่กำลังเข้าสู่ภาวะโคม่าจากปัญหาเงินเฟ้อในระดับรุนแรง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 82,000% และอาจจะถึง 1,000,000% ภายในสิ้นปีนี้ จนนำไปสู่ปรากฏการณ์ ชาวเวเนซุเอลา อพยพออกนอกประเทศ หนีความยากจนแร้นแค้นไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเงินเฟ้อที่รุนแรงทำให้พวกเขาไม่สามารถซื้อหาอาหารตามท้องตลาดได้ เพราะมีราคาแพงหรือถึงมีเงินก็ไม่มีสินค้าอุปโภคบริโภคขาย แม้แต่กระดาษชำระยังต้องเข้าคิวซื้อ ล่าสุดสหประชาชาติ ระบุว่าปัจจุบันมีชาวเวเนซุเอลาอพยพออกนอกประเทศแล้วกว่า 2.3 ล้านคน และคาดว่าในปี 2020 จำนวนผู้อพยพอาจมากถึง 4 ล้านคน
เกิดอะไรขึ้นกับประเทศ หนึ่งในสมาชิก OPEC ที่มีปริมาณสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลกถึง 297,600 ล้านบาร์เรล ที่เคยมีการประเมินกันว่าสามารถผลิตไปได้ยาวนานถึง 310 ปี
ขุดลึกลงไปให้ถึงแก่นแกน หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวเนซุเอลา เดินมาถึงจุดนี้ นั่นคือ นโยบายประชานิยม ที่ดำเนินการต่อเนื่องมายาวนาน จุดเริ่มต้นจากการที่อดีตประธานาธิบดี ฮูโก ชาเวซ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งประเทศเวเนซุเอลา ในปี พ.ศ. 2542 จากนั้นก็ทำการยึดสัมปทานน้ำมันของบริษัทเอกชนมาดำเนินเองโดยการก่อตั้ง “บรรษัทน้ำมันแห่งชาติ หรือ NOC” เข้ามาบริหาร
ชาเวซ นี่แหละที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เอาไปอธิบายบนเวที กปปส.หลายหนว่าเป็นต้นแบบประชานิยมที่ทำให้ชาติล่มจม
เมื่อชาเวซ ครองอำนาจได้นำรายได้จากการผลิตน้ำมันดิบไปใช้อุดหนุนราคาสินค้า ราคาอาหาร ราคาขายปลีกน้ำมัน ขายน้ำมันให้ประชาชนใช้ถูกๆ ในราคาที่เทียบเป็นเงินไทยตกประมาณลิตรละ 30-40 สตางค์เท่านั้น (ย้ำว่าหลักสตางค์ ไม่ใช่บาท) รัฐบาลใช้งบประมาณนับหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อสนับสนุนราคาให้อยู่ในระดับต่ำ ตามแนวทางประชานิยมที่ว่า
ในขณะที่รายได้ของประเทศขึ้นอยู่กับการขายน้ำมันถึง 95% แทบไม่มีรายได้จากช่องทางอื่น และเมื่อรายได้หลักของประเทศ ขึ้นอยู่ที่รายได้จากการขายน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศ ต่อไปยังถึงการจัดทำงบประมาณในส่วนของสวัสดิการสังคม ที่เอาเงินมากดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคขั้นพื้นฐานให้อยู่ในระดับต่ำมากๆ ท้ายที่สุดก็กระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เมื่อประชานิยมเริ่มขาดตอนลง เพราะไม่มีเงินรายได้จากการขายน้ำมันมาสนับสนุน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
เวเนซุเอลาอาการโคม่าถึงขั้นคนหนีออกนอกประเทศ เพราะความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม เป็นตัวอย่างที่ใครๆ ก็คงไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับประเทศของตัวเอง
ครับทั้งหมดเป็นบทสรุปของท่านผู้รู้ที่ส่งมาให้ผม ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงใย
หันมาดูในประเทศไทย ยังมีบางกลุ่มที่บูชาแนวคิดการจัดตั้งบรรษัทพลังงานแห่งชาติ ตามแนวทางเวเนซุเอลา
สังคมไทยเปิดกว้างในการแสดงความคิดเห็น
แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันและคนต่อไป ต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้หนัก
ประชานิยมด้านปัจจัยสี่ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค (เป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) ถือเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ประชานิยมเพื่อเอาใจชาวบ้านเช่น ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ต้องเกณฑ์ทหาร หรือเรื่องลดแลกแจกแถมด้านพลังงาน ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ อย่าได้เสี่ยงเด็ดขาด เวเนซุเอลา เป็นตัวอย่างความล่มจมให้เห็นมาแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี