“พลเมืองตื่นรู้ สู้โกง” น่าจะเป็นคำคุ้นหูของคนไทยในช่วงเวลานี้พอสมควร เพราะเป็นเป้าหมายที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ตั้งไว้ ว่าต้องการจะกระตุ้นให้คนไทยจำนวนมาก “ตื่นรู้” คือ ตระหนักถึงพิษภัยของการคอร์รัปชัน มีทัศนคติที่ไม่สามารถทนเห็นพฤติกรรมการโกงได้ ไม่สามารถจำนนต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบโกงกินของผู้มีอำนาจ ไม่คิดเข้าข้างตนเองว่าใครๆ ก็ทำกันแล้วปล่อยให้มันเป็นไปและพร้อม “สู้โกง” คือ ร่วมกันปกป้องดูแลผลประโยชน์ของชาติ ไม่โยนภาระการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันไปที่หน่วยงานของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเหล่านี้ไปด้วยกัน
มาถึงวันนี้ ผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทยโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยชี้ว่า เป้าหมายนี้บรรลุผลแล้วในระดับหนึ่ง เห็นได้จากความสามารถที่จะทานทนต่อการทุจริตคอร์รัปชันมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่สุดจากการสำรวจที่ผ่านมา หรือคนไทยทนทานต่อการทุจริตได้น้อยมาก และที่สำคัญกว่าร้อยละ 86 ของกลุ่มที่สำรวจยินดีมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต ดังนั้น สิ่งสำคัญต่อมาที่องค์กรที่ทำหน้าที่ในการต่อต้านคอร์รัปชันจะต้องส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดขึ้นคือ เครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่ตื่นรู้พร้อมสู้โกงแล้วเหล่านี้นำไปใช้ในการต่อต้านการทุจริตต่อไป ซึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญในยุคที่เรียกกันจนฮิตติดปากว่า ยุค 4.0 นี้ คือเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาพัฒนาช่องทางและพื้นที่ในการส่งเสริมความร่วมมือร่วมใจของประชาชนในการแก้ปัญหาการคอร์รัปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่ผ่านมา ACT ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายด้านสื่อสืบสวนสอบสวนอย่างสำนักข่าวอิศรา และองค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมาภิบาลและการต่อต้านคอร์รัปชันอย่าง HAND Social Enterprise ได้เห็นช่องทางที่จะดึงพลังเหล่านี้มาเสริมให้แข็งแรง เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อปัญหาคอร์รัปชัน จึงได้ทดลองเปิดพื้นที่บนโลกออนไลน์ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกัน ด้วยวิธีการร่วมกันตรวจสอบความไม่โปร่งใส ร่วมกันแบ่งปันข้อมูล ร่วมกันคิดแก้ปัญหา โดยเรียกกระบวนการนี้ว่า Crowdsourcing ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่เกิดมาจากคำ 2 คำรวมกัน ได้แก่ Crowd ที่แปลว่ากลุ่มชน มวลชนจำนวนมาก และ Outsourcing ที่แปลว่าแหล่งที่มาภายนอก เมื่อรวมกันแล้วหมายถึงการทำงานที่เกิดจากการรวมตัวของคนจำนวนมาก ซึ่งมีแนวคิดจากหนังสือเรื่อง The Wisdom of Crowds เขียนโดย James Surowiecki ในปี 2005 ได้ให้แนวคิดไว้ว่า “ภายใต้สภาวะที่เหมาะสมกลุ่มคนหรือฝูงคนจะมีความฉลาดมากกว่าบุคคลที่ฉลาดที่สุดในกลุ่มนั้น” วิธีการ Crowdsourcing ถูกใช้แก้ปัญหาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการระดมเงินทุนเพื่อผลิตสินค้าหรือบริการ หรือที่เรียกว่า Crowdfunding, การระดมความรู้เพื่อรวบรวมไว้บนอินเตอร์เนตให้คนมาใช้บริการได้ฟรี เช่น Wikipedia หรือแม้กระทั่งวิธีการที่คุ้นเคยที่สุดในการให้คะแนนหรือการจัดอันดับต่างๆ เช่น การโหวต ก็ถือเป็นการ Crowdsourcing อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
การทดลองแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยวิธีการ Crowdsourcing บนแฟนเพจที่ชื่อว่า “ต้องแฉ Mush share” นั้นเริ่มต้นตั้งแต่กลางปี 2560 จนปัจจุบันผ่านมาครบ 1 ปีแล้ว สามารถสร้างผลลัพธ์ให้เห็นถึงพลังของการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในสังคมไทยผ่านกระบวนการ Crowdsourcing ไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะผลงานจากการช่วยกันตรวจสอบ เป็นหูเป็นตาสอดส่องความไม่ชอบมาพากลในสังคมจากประชาชนคนธรรมดา สามารถส่งต่อความสงสัยเหล่านั้นให้เกิดเป็นประเด็นบนพื้นที่ออนไลน์ ดึงดูดให้คนจำนวนกว่าสองหมื่นคนมารวมตัวกันหาคำตอบให้กับเรื่องน่าสงสัยบางเรื่อง หรือช่วยกันส่งต่อประเด็นเล็กๆ จนกลายเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองนำไปสู่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ในที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่เป็นปัญหาเรื้อรังมายาวนาน มีทุกพื้นที่ในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาที่ไม่เคยได้รับการยอมรับว่ามีอยู่จริงด้วยซ้ำ เมื่อเพจต้องแฉเปิดประเด็นเรื่องการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาเพราะได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเพียง 1 คน ในช่วงเริ่มต้นดำเนินการของเพจนั้น ทำให้ผู้ประสบชะตากรรมเดียวกันอีกจำนวนมากทั่วประเทศส่งข้อมูลแหล่งขายเกินราคาเข้ามาที่เพจ เพื่อเป็นการยืนยันว่าปัญหานี้มีอยู่จริงและมีอยู่เป็นจำนวนมาก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นจากพลัง Crowdsourcing ในการรวบรวมข้อมูลจากทั่วประเทศในระยะเวลาอันสั้นผ่านพื้นที่ออนไลน์ที่ทำให้เห็นภาพของปัญหาชัดเจนขึ้น และกระตุ้นให้เกิดการค้นหาต้นตอของปัญหาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป
นอกจากปัญหาของผู้บริโภคแล้ว “ต้องแฉ”ยังช่วยเป็นพื้นที่ในการร่วมแก้ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ เช่น พื้นที่ทางเท้าที่มักจะมีการตั้งร้านค้าแผงลอย หรือการตั้งป้ายประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการบนทางเท้า กีดขวางการเดินทางของประชาชนที่เรามักจะเห็นภาพเหล่านี้ทุกวัน แต่เพียงแค่เราไม่เคยสงสัยว่ามันถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งไม่เคยได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อเพจต้องแฉใช้วิธีการตั้งประเด็นข้อสงสัยเรื่องป้ายโฆษณาบนทางเท้าไปเพียง 1 วัน มีสมาชิกแฟนเพจเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากจนนำไปสู่การรื้อถอนป้ายภายใน 1 วันทันที เพราะประเด็นถูกติดตามผ่านพื้นที่ออนไลน์และได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก
ปัญหาความไม่ชอบมาพากลในโครงการอาหารกลางวันนักเรียนที่เป็นอีกหนึ่งปัญหาเรื้อรัง กัดกร่อนสุขภาพนักเรียนไทยในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพจ “ต้องแฉ” ก็ได้ร่วมเป็นพื้นที่เปิดโปงปัญหาร่วมกับทีมปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านด้วยเช่นกัน ทำให้เห็นได้ว่ามีคนจำนวนมากที่ทนไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะแก้ปัญหาใหญ่นี้ได้อย่างไร เมื่อเรามีพื้นที่ให้ร่วมแบ่งปันปัญหาโดยไม่ต้องเสี่ยงในการเปิดเผยตัวตน ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยให้ข้อมูลเพื่อหวังว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ จากประเด็นการจัดซื้ออาหารกลางวันนักเรียนในโรงเรียนนั้น สามารถเชื่อมโยงไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างโครงการภาครัฐในพื้นที่ต่างๆ ที่ประชาชนเองก็ให้ความสนใจ ต้องการติดตามว่าเงินภาษีของตนเองนั้นนำไปใช้พัฒนาประเทศทุกบาททุกสตางค์อย่างคุ้มค่าหรือไม่แต่เพียงแค่ไม่รู้ว่าจะติดตามอย่างไร เพจต้องแฉจึงเปิดประเด็นการสืบค้นข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ได้รับการร้องเรียนว่ามีขั้นตอนยุ่งยากต่อการใช้งานของประชาชน ทำให้มีโอกาสได้รับข้อมูลด้านอื่นๆ จากสมาชิกเพจต้องแฉที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีถึงสาเหตุของปัญหาดังกล่าว รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนเห็นช่องทางในการติดตามการทำงานของภาครัฐ เข้ามาร่วมเป็นหูเป็นตาให้สังคมได้อีกด้วย เมื่อเกิดกระแสความสนใจประเด็นดังกล่าวจนถูกหยิบยกประเด็นจากแฟนเพจสู่พื้นที่ข่าวในสำนักข่าวต่างๆ เช่น อิศราและมติชน ที่นำปัญหานี้ไปแตกประเด็นเพื่อหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือกรมบัญชีกลางถึงสาเหตุของปัญหาในการสืบค้นข้อมูลที่เข้าถึงยาก รวมทั้งยังมีการเพิ่มเติมข้อมูลจากนักวิชาการเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหานี้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นการ Crowdsourcing ที่ได้รับความรวมมือที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับประชาชนไปจนถึงนักวิชาการ
หนึ่งปีที่ผ่านมาของการทดลองแก้ปัญหาคอร์รัปชันด้วยการ Crowdsourcing ผ่านพื้นที่ออนไลน์อย่าง “ต้องแฉ” นั้น ทำให้เห็นได้ว่า ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะมีหน้าที่หรือประกอบอาชีพอะไรก็ตาม ทุกคนมีความตื่นตัวกับปัญหาการคอร์รัปชัน มีความรู้ความสามารถหลากหลายที่พร้อมจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพียงแค่มีช่องทางให้คนเหล่านั้นมาใช้ความสามารถอย่างเหมาะสม ถูกที่ถูกเวลา ปัญหาคอร์รัปชันก็จะถูกแก้ไขลงไปได้อย่างแน่นอน หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว อย่าลืมเข้ามาร่วมแสดงพลังตื่นรู้ สู้โกงในยุค 4.0 ที่แฟนเพจ “ต้องแฉ” ด้วยกันนะคะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี