ในช่วงสองสัปดาห์นี้ทุกพรรคที่มีอยู่ในระบบเดิมได้มีการจัดประชุมใหญ่ หลายพรรคถือโอกาสนี้ปรับภาพลักษณ์ตัวเองครั้งแรก หลังจากการหยุดนิ่งไปนานกว่า 4 ปี โดยตอนนี้พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้นำพรรค ส่วนพรรคใหม่ อย่างพรรคอนาคตใหม่ และพรรคพลังประชาชาติไทย (รปช.) ซึ่งได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ช่วงจดทะเบียนจัดตั้งพรรคจึงยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ จึงกลายเป็นพรรคที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุดและอาจจะเปลี่ยนมากกว่านี้หลังการประชุมใหญ่สามัญในเดือนพฤศจิกายน
แต่สิ่งที่ดูจะไม่ต่างกันก็คือ การพยายามจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทุกพรรคให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นกลุ่มคนที่จะชี้ขาดชัยชนะในการแข่งขันการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18-25 ปี มีจำนวนกว่า 9 ล้านเสียง ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ไม่เคยเลือกตั้งมาก่อน จึงไม่มีใครรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะเลือกใคร ดังนั้นจึงพบความพยายามของทุกพรรคที่จะเตรียมกลยุทธ์แย่งชิงเสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นโยบายไปจนถึงตัวบุคคล
สำหรับพรรคเพื่อไทยมีการเปิดตัว นางสาวขัตติยา สวัสดิผล นายสุรชาติ เทียนทอง นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส พรรคเพื่อไทยพยายามที่จะผลักดันกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ ซึ่งเกือบทั้งหมดถือเป็นกลุ่มอดีตสส. ที่อายุน้อยที่สุดในพรรค ถึงกระนั้นก็ยังไม่นับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ซะทีเดียว เพราะได้ผ่านการเลือกตั้งภายใต้วัฒนธรรมพรรคแบบเดิมมาแล้ว มีเพียงนายตรีรัตน์เท่านั้นที่ไม่ใช่
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพรรคก็ยังไม่ได้ให้บทบาทสำคัญเท่าไหร่จึงอาจจะถูกมองเป็นเพียงเอาภาพมาโปรโมทว่าพรรคสนับสนุนคนรุ่นใหม่เท่านั้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็คาดว่า ยากที่พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงพรรคไปกับกระแสคนรุ่นใหม่ได้จริง โดยไม่อยู่ใต้ร่มเงานายใหญ่?
ขณะที่พรรคชาติไทย ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานนักก็มีการออกมาพูดในประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในกลุ่มวัยรุ่นและถือว่า มีความกล้าที่จะยกประเด็นเรื่องของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT ผลักดันขึ้นมาเป็นนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง และความกล้าที่จะให้นายวราวุธ ศิลปอาชา ขึ้นมาเป็นแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งแม้จะเป็นทายาทของนายบรรหาร แต่ก็ต้องยืนยันกันอีกครั้งหลังจากการประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ว่านายวราวุธ จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่? แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นอาวุโส แต่ก็มีประสบการณ์ทางการเมืองอยู่พอสมควรที่จะก้าวขึ้นมาบริหารพรรครวมไปถึงการให้บทบาทนายภราดร ปริศนานันทกุล อย่างมากในช่วงหลังนี้ ที่ก็คาดว่าหลังการประชุมใหญ่ก็น่าจะได้ตำแหน่งบริหารในพรรคเช่นกัน และแม้นายภราดรจะถูกมองว่า เป็นบุตรนายสมศักดิ์ แต่จากบทบาทที่ผ่านมาถือว่ายังเป็นคนหนุ่มไฟแรงในพรรคที่มีบทบาทคนหนึ่งที่น่าจับตาว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับพรรคชาติไทยยุคใหม่ การที่พรรคชาติไทยมองว่า ตัวเองนั้นเป็นพรรคการเมืองขนาดเล็กถึงกลาง จึงถูกมองว่าอาจกำลังต้องการคะแนนเสียงจากเฉพาะกลุ่มก็เป็นได้? จากเดิมที่เจาะเฉพาะท้องถิ่นบางจังหวัด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถูกกระแสดูดและกระแสควบตามข่าวมาตลอด การจะยังคงสภาพพรรคเอาตัวรอดในสภาวะการเมืองยุคนี้พร้อมความหวังที่จะได้ สส. มากกว่า 25 คน และมีสิทธิ์เสนอชื่อเป็นนายกฯตามที่ประกาศไว้นั้นเป็นเรื่องที่น่าท้าทายและน่าติดตาม
ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยที่เดินเกมด้วยการเล่นบทถ้อยทีถ้อยอาศัยกับรัฐบาลคสช.? รวมถึงกระแสข่าวดึงคนจากพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาอยู่ในพรรคมากกว่าการสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาบริหารพรรค ที่ถูกมองว่าเป็นวิถีระบบการเมืองเก่าๆ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่พอจะมีเห็นก็คือ นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ อดีตสส.พรรค และนายณัชพล ตันเจริญ อดีตสส.พรรคเพื่อแผ่นดิน ที่เพิ่งย้ายเข้ามา พรรคเริ่มมอบหมายให้ออกเดินสายตามงานเสวนาต่างๆ ให้เป็นภาพของคนรุ่นใหม่ที่ต้องติดตามการผลักดันของพรรคภูมิใจไทยต่อคนรุ่นใหม่ต่อไป
ในขณะที่พรรคพลังชลดูจะกลายเป็นพรรคที่ทานกระแสต่อความเปลี่ยนแปลงไม่ไหว ตระกูลคุณปลื้ม หลังถูกปลดจากเก้าอี้นายกเมืองพัทยาไปหนึ่งคนก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับรัฐบาล คสช. แต่ล่าสุด คสช.เพิ่งคำสั่งให้บิ๊กใหญ่ในตระกูลคุณปลื้มอย่างนายสนธยา กลับเข้าไปนั่งเก้าอี้นายกเมืองพัทยาแทนน้องชาย หลายคนจึงมองว่า เลือกตั้งครั้งหน้าอาจไม่มีพรรคพลังชล และอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่? ซึ่งวิถีการเติบโตของพรรคพลังประชารัฐมาจากกระแสดูดกลุ่มสส.จังหวัด หรือสส.ท้องถิ่นทั้งหลาย ยังไร้แววในเรื่องการสร้างคนรุ่นใหม่
พรรคที่ออกตัวว่า เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่อาสามาเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ในช่วงแรกที่ดูเหมือนจะเปิดตัวด้วยภาพความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่เอาเข้าจริง การเดินทางไปในหลายสิบจังหวัดในทั่วประเทศคล้ายๆอาจถูกมองว่าเป็นอีเว้นท์ทางการเมืองหรือไม่? โดยเฉพาะที่ถูกมองว่าการเน้นจังหวัดเยอะแต่ไปเพียงจังหวัดละจุด พบคนไม่กี่คนเพียงต้องการเน้นการทำบันทึกภาพมาลงสื่อ แต่เราต้องยอมรับว่ากลุ่มคนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนต่างจังหวัดที่ยังต้องการการสื่อสารในลักษณะการพูดคุยแบบเห็นหน้ามากกว่า เพราะการทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอาจถูกมองว่าเป้าหมายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศดูไม่ชัดเจนนัก เท่ากับเป้าหมายในการสร้างคะแนนพรรคต่อคนเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะฐานเสียงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่การเปิดตัวพรรค การจดทะเบียนจัดตั้งพรรค ที่มีทั้งคนรุ่นใหม่ นักศึกษาเยาวชน เข้ามาอยู่ร่วมในทุกอีเว้นท์การเมืองของพรรค แต่ในทางบริหารและนโยบายที่จะทำจริงในอนาคตยังน่าสงสัยติดตาม ทั้งเรื่องที่ยังพูดไม่ชัดเรื่องนิรโทษกรรม เรื่อง 112 และแม้แต่ในตำแหน่งบริหารในพรรคที่ระดับบิ๊ก อย่างระดับรองหัวหน้าพรรคกลับปรากฏรายชื่อของอดีตข้าราชอาวุโส ที่เป็นหัวหอกในการทำงาน ซึ่งเติบโตอย่างรุ่งเรืองในสมัยนายกฯก่อนหน้าใช่หรือไม่? สำทับไปกับการกล่าวสนับสนุนชื่นชมของนายทักษิณ จึงอาจถูกมองว่าเป็นพรรคสาขาที่เจาะเอาเฉพาะตลาดคนรุ่นใหม่และคนเมืองหรือไม่?
เช่นเดียวกับพรรครปช.ที่แม้จะเปิดตัวด้วย นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ และนางสาวเพชรชมพู กิจบูรณะ ซึ่งก็น่าสร้างความตื่นใจไม่น้อย มีการปล่อยคอนเทนท์วีดีโอเพื่อสื่อสารกับประชาชนที่ต้องการเห็นเปลี่ยนแปลง และเบื่อหน่ายนักการเมืองโกงกิน เพื่อหวังว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพรรคได้บ้าง แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าพรรครปช.มีผู้ที่สนับสนุนและมีอำนาจเด็ดขาดอยู่เบื้องหลังการตัดสินใจอยู่ดี เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ที่แม้จะพยายามขายว่าเป็นพรรคที่ไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของผ่านการระดมเงินจากประชาชน แต่ก็ยากที่จะให้คนอดคิดไม่ได้ว่าไม่มีใครที่หนุนหลังหรือไม่?
พรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ นอกจากกระแสการแข่งขันแย่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการประกาศแข่งขันกันอย่างจริงจัง ทั้งฝ่ายหมอวรงค์ที่กำลังมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และฝ่ายนายอลงกรณ์เดินทางเข้ามาพรรคเพื่อหวังสมัครชิงตำแหน่งไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย การแข่งขันครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับคนที่ติดตามการเมืองในพรรคพอสมควร ว่าจะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่? ก็มีการเตรียมทีมคนรุ่นใหม่ เพื่อปรับทัพสู้ศึกเลือกตั้งครั้งที่จะถึง อย่างนางสาวรัชดา ธนาดิเรก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นายณัฐ บรรทัดฐาน อดีตสส.ที่เป็นคนรุ่นใหม่ของพรรคเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ที่ดูจะเอาจริงตรงที่มีข่าวว่าพรรคยกเครื่องทีมสื่อสารทางการเมืองให้มีแต่คนรุ่นใหม่เหล่านี้ และกล้าจะให้บทบาทในเชิงบริหารที่มีข่าวว่าอาจจะเข้ามาในรอบหน้านี้
รวมไปถึง คนรุ่นใหม่จริงๆ ที่เข้ามาสร้างกระแสไม่น้อยอย่าง ไอติม-นายพริษฐ์ วัชรสินธุ นายคณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ และเครือข่ายนักธุรกิจรุ่นใหม่ รวมไปถึงล่าสุดนายสุรบถ หลีกภัย ที่มีเค้าลางว่าจะลงเล่นการเมือง โดยนายสุรบถประกาศว่า จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นั่นถือสัญญาณของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เริ่มเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่มากขึ้น และก็หวังว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์พรรคตลอดจนลดอคติที่มีต่อพรรคได้บ้าง แต่จะไปรอดและเปลี่ยนประชาธิปัตย์ได้จริงหรือไม่? คงจะรู้ได้อีกไม่นานนี้
วันที่ 28 กันยายน จะมีการประชุมกกต.ร่วมกับแกนนำพรรคต่างๆ ถึงการตกลงกันในเรื่องการทำกิจกรรมทางการเมืองในช่วงแรกของการปลดล็อก นั่นคือการรับสมัครสมาชิกพรรค ที่ยังมีความไม่ชัดเจนถึงข้อบังคับบางอย่างที่หวังว่าจะเป็นประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันกับทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่การแข่งขันในเวทีการเลือกตั้งที่เป็นธรรม หลังจากนี้พรรคต่างๆก็คงมีความชัดเจนขึ้นทั้งแกนนำพรรคที่เป็นคนนำทัพ อุดมการณ์พรรค นโยบายที่ใช้ในการหาเสียง และการเลือกข้างสนับสนุนพรรคอื่นๆ รวมถึงบทบาทของคนรุ่นใหม่ในพรรคต่างๆ ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนการเมืองประเทศได้จริงหรือไม่? หรือจะถูกกลืนไปกับวงจรการเมืองแบบเดิม
“..มนุษย์มีชีวิตอยู่ด้วยการเปลี่ยนแปลง
มนุษย์พ่ายแพ้ต่อชะตากรรมที่ตนเองเลือกเสมอ..”
(โกวเล้ง)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี