ข่าวคราวออกมามากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ว่าพรรคเพื่อไทยพยายามชักชวนพรรคประชาธิปัตย์จับมือกันหลังเลือกตั้ง จะได้จัดตั้งรัฐบาล อ้างเพื่อบล็อกทหารไม่ให้สืบทอดอำนาจ
นักวิเคราะห์การเมืองและสื่อมวลชน ดูจะเชื่อว่าข่าวนี้เป็นความจริง
แต่เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยชวนประชาธิปัตย์คงจะเป็นเพราะเพื่อไทยรู้ตัว และไม่มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้คะแนนเสียงถล่มทลาย แต่อาจจะได้คะแนนเสียงไม่มากนัก ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จึงดิ้นรนหาพันธมิตรการเมือง ถึงกับยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้แก่ประชาธิปัตย์
การที่มวลมหาประชาชนออกมาเคลื่อนไหวบน
ท้องถนนหลายล้านคน มากมายมหาศาลเป็นประวัติการณ์ และคนที่ไม่ได้ออกมาบนท้องถนนอีกเป็นสิบล้านคนที่อยากจะออกมาแต่ไม่ได้ออกมา ต่างมีเจตนาเดียวกัน คือ รับไม่ได้กับระบอบทักษิณและพรรคเพื่อไทย
การที่พรรคการเมืองที่จัดตั้งใหม่ ทั้งดึงและดูดอดีต สส.ของเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ในท้องที่ชนบท ออกมาสังกัดพรรคตั้งใหม่ และยังจะมีบรรดาอดีต สส.และผู้อุปถัมภ์ท้องถิ่นในภาคเหนือ/อีสาน อีกหลายคน เตรียมย้ายพรรค เพื่อหวังร่วมกับพรรคที่จะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล
ลำพังหากพรรคเพื่อไทยประเมินว่า หลังเลือกตั้งตนคงได้จำนวน สส.มากมาย แบบหิมะถล่มทลาย เพื่อไทยก็คงไม่ดิ้นที่จะไปชวนพันธมิตรอย่างประชาธิปัตย์เหมือนเช่นท่าทีในอดีต
ภายใต้กติการัฐธรรมนูญที่ออกแบบให้ สว. ซึ่ง คสช.เป็นผู้เลือก มีอำนาจหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายเพื่อไทยแทบมองไม่เห็นหนทางที่พรรคพวกตนจะได้เป็นรัฐบาล
ยิ่งเสนาะ เทียนทอง ออกมาให้สัมภาษณ์หลังการประชุมพรรคเพื่อไทย เป็นการปลุกพระ ปลุกขวัญกำลังใจ สร้างภาพไม่ให้ สส.ย้ายพรรคหนี โดยบอกว่าเพื่อไทยจะได้จำนวน สส.เกิน 200 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์จะได้ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง และพลเอกประยุทธ์ถึงจัดตั้งรัฐบาลได้ก็บริหารประเทศไม่ได้ เพราะจะเกิดความยุ่งเหยิงจนบริหารประเทศไม่ได้ แต่ขณะเดียวกัน คนในตระกูลเทียนทองก็แตกตัวย้ายพรรคไปหลายพรรค
พฤติกรรมการปลุกพระของเสนาะ เทียนทอง คงจะไม่ได้ผล การยกยอสรรพคุณของทักษิณในคราวเดียวกันก็ไม่น่าจะได้ผล เพราะเสนาะเองก็เคยเปิดโปงความเลวร้ายของทักษิณ ในหนังสือ “รู้ทันทักษิณ4” ที่ผมเป็นบรรณาธิการจัดทำ น้ำหนักคำพูดของผู้เฒ่าเสนาะจึงไม่น่าจะมีผลอะไร แต่กลับสะท้อนว่า ลึกๆ พรรคเพื่อไทยกำลังระส่ำ นอกจากอดีต สส.ลาหนีจากแล้ว หัวของพรรคก็ยังไม่แน่นอน อยู่ที่ Family Vote ของตระกูลชินวัตร
ถัดออกมาไม่กี่วัน ผู้เฒ่า พ่อใหญ่จิ๋ว แม้จะแต่งงานใหม่กับสาวใหญ่ แต่ความคิดคำอ่านไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากวิธีคิดและพฤติกรรมเดิมๆ ที่ซ่อนเงื่อนปม ดึงฟ้าให้ต่ำ และข่มขู่ด้วยความรุนแรงเป็นทางเลือก
ที่น่าจับตา คือ ออกมาแถลงข่าว แถลงจุดยืนร่วมกับตู่ แต่ไม่ใช่ตู่ที่เป็นพลเอก แต่กับตู่ จตุพร ประธาน นปช. ที่เพิ่งออกจากเรือนจำ
โดยสรุปพอจับความที่แถลงข่าวและจุดยืนได้ว่า หากประเทศไทยเดินหน้าเลือกตั้ง ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 ยิ่งนำไปสู่วิกฤติขัดแย้ง (ประเด็นว่าพรรคเพื่อไทยคงพ่ายแพ้แน่นอน ละไว้ ไม่ได้พูด) จึงมีข้อเสนอ คือ
(1) ขอให้พระมหากษัตริย์ตั้งนายกฯ คนใหม่ ตั้งรัฐบาลใหม่ ตั้ง สนช.ชุดใหม่ และเป็นรัฐบาลเฉพาะกาล
เสริมด้วยจตุพรว่า คล้ายๆ รัฐบาลรักษาการที่มีคุณอานันท์ เป็นนายกฯ ในช่วง พ.ศ.2535/2
บิ๊กจิ๋วขอให้พระองค์พลิกตัวสักนิด ก็คงเรียบร้อย!?
(2) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 นำรัฐธรรมนูญ 2540 มาใช้ และแก้ไขบางประการ
(3) ให้ คสช.ลาออก หรือยุบเลิก คสช.
ข้อเสนอต่อสาธารณะของอดีต ผบ.ทบ. อดีตนายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะนอกจากเป็นข้อเสนอที่ให้มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ยังไม่มีการเลือกตั้งตามที่หวัง ดึงสถาบันที่คนไทยเคารพเหนือหัวให้ลงมายุ่งเกี่ยวกับอำนาจการเมืองโดยตรง
แต่เมื่อสดับตรับฟังผู้คน ข่าวคราวในประเทศ ดูจะไม่ให้ความสำคัญกับท่าทีของพลเอกชวลิต และจตุพรในครั้งนี้มากนัก เป็นด้วยเหตุผลใดละหรือ คนจึงไม่ให้น้ำหนัก?
1. เป็นเพราะเนื้อหาที่เสนอเปลี่ยนแปลงใหญ่โต แต่คนเสนอไม่น่าสนใจแล้ว หมดสมัย หมดความสำคัญ หมดอิทธิเดชในสังคมแล้ว
แม้จะข่มว่าทางเลือกที่มีอีกทาง คือ “ทางอื่นมีเหมือนกัน แต่ว่ามันยุ่งเหยิงไง เป็นต้นว่า ผมใช้คนแค่ 20 คน อาจจะออกได้เหมือนกัน พรุ่งนี้โน่น หน้าทำเนียบลูกนึง หน้าตลาดนัดสามเสนลูกนึง หน้า อ.ต.ก.
2 ลูก หน้าเสาไฟโน่น 5 ลูก หน้าเชียงใหม่ 3 ลูก ภูเก็ต 2 ลูก ระเบิดทั้งเมือง ทั้งประเทศ นี่ไงทางออก! เป็นแนวทางที่ไม่ถูก เป็นแนวทางที่ผิด แต่ถามว่าทำได้ไหม ทำได้ ทำไมจะทำไม่ได้ แต่เราไม่ทำ” (พลเอกชวลิตกล่าว)
ผู้คนก็ดูจะคุ้นชินกับยี่ห้อ จิ๋วหวานเจี๊ยบ กับเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งพฤษภาทมิฬและอื่นๆ
2. 19 เม.ย. 2553 พลเอกชวลิต และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ 2 คน ร่วมแถลงการณ์ (ขณะที่พรรคของตนเป็นฝ่ายค้าน) แก้ปัญหาวิกฤติของประเทศ เรียกร้อง 5 ข้อ
(1) ให้รัฐบาลหยุดใช้ความรุนแรง
(2) ต้องประกันว่าจะไม่มีคนเสียชีวิตจากการชุมนุมอีก
(3) ต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที
(4) ยุติบิดเบือนข่าวสาร ปิดกั้นสื่อมวลชน
(5) คืนอำนาจให้ประชาชน ยุบสภาทันที
นอกจากนี้ ยังแถลงว่า ขณะนี้หวังในพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะพระราชทานแก่คนไทย เพื่อยุติความขัดแย้งเกรงว่าจะเกิดความสูญเสียในช่วง 1-2 วันนี้ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงานกับสำนักพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หลังการแถลงข่าวของพลเอกชวลิตร่วมกับนายสมชาย ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการไม่บังควรที่จะแถลงต่อสาธารณชนว่าได้ขอเข้าเฝ้า เพราะจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และเป็นการสร้างเงื่อนไขการที่จะได้พระราชทานให้เข้าเฝ้าฯหรือไม่
3. สังคมรู้ทันบิ๊กจิ๋ว ว่าท่าทีและช่วงเวลาที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ สอดคล้องกับความเพลี่ยงพล้ำของพรรคเพื่อไทย หากจะมีการเลือกตั้งในเร็ววันนี้ จึงได้ออกมาเปิดประเด็นเลื่อนการเลือกตั้ง โดยมีรัฐบาลรักษาการ และดึงสถาบันลงมาเกี่ยวข้องกับการเมือง
สอดรับกับท่าที ทั้งชวนพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยยกตำแหน่งนายกฯ ให้ประชาธิปัตย์ และการปลุกพระ ปลุกขวัญกำลังใจให้อดีต สส.ยังอยู่กับพรรคโดยเสนาะ เทียนทอง
รูดม่านลิเกการเมืองน้ำเน่า
การเมืองน้ำเน่า ประชาชนไม่ควรสนใจท่าที ลิเกการเมือง แต่ควรตั้งสติ พิจารณาว่า ประเทศไทยกำลังจะมีเหตุใหญ่ และปัญหาใหญ่ที่จะต้องเลือกคนมาบริหารประเทศให้สอดคล้อง คือ
(1) เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร อย่างรวดเร็ว รุนแรง จะต้องได้ผู้บริหารประเทศที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และสามารถปรับโครงสร้างของสังคม รวมทั้งรัฐบาลได้ทันกับการปั่นป่วนทางเทคโนโลยีที่จะเกิดอย่างแน่นอน
(2) “สังคมสูงวัย” ที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สภาวะสังคมที่จะมีผู้สูงอายุในสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อยๆ เด็กเกิดน้อยลง คนพร้อมไม่ท้อง แต่คนท้องไม่พร้อม อนาคตคนวัยทำงานจะน้อยลง คุณภาพจะแย่ลง ใครจะจ่ายภาษี ขณะที่สวัสดิการคนไทยต้องดีขึ้น
(3) โลกไร้พรมแดนมากขึ้น เหตุที่เกิดในโลกจุดหนึ่งย่อมกระทบประเทศอื่นๆ อย่างรวดเร็ว เราต้องการคนรู้ ผู้รอบรู้ เพื่อรู้ทันการเปลี่ยนแปลงของประเทศต่างๆ ในโลก
(4) ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก คนจนจนติดดินมาก แต่คนรวยล้นฟ้ากระจุกไม่กี่ตระกูล สังคมจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่แก้ไข จะต้องเลือกผู้บริหารเพื่อกระจายอำนาจ กระจายความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างไร
อย่าเลือกเพียงเพราะเบื่อหน่าย ต้องการเปลี่ยน
ต้องการหาอัศวินม้าขาว
หรือเลือกตามที่ผู้มีบุญคุณต้องการ
เลือกใคร เลือกพรรคใด ต้องดูแนวคิด อุดมการณ์ และความสามารถที่เข้าใจปัญหาสังคมไทย
เลือกตั้งครั้งนี้ พลิกแผ่นดิน เปลี่ยนโฉมประเทศไทยสักครั้งได้ไหมครับ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี