หัวข้อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศาลแพ่งสั่งให้ บริษัทรถยนต์รายหนึ่งจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าผู้เสียหาย นะครับ
แต่ว่าก็เกี่ยวกับรถยนต์เหมือนกัน ซึ่งผมเก็บข้อมูล ในงานสัมมนาของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือสคบ.ในโครงการ “ตรวจจับปรับจริง เต็นท์รถยนต์มือสอง” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและต้องมีปัญหาตามมาอีก แต่ก็มีทางป้องกันได้ถ้าศึกษารายละเอียดตามนี้
ปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว พบว่าผู้ประกอบธุรกิจส่วนหนึ่งไม่ให้ความสำคัญในการจัดทำฉลากสินค้าและไม่มีการส่งมอบหลักฐานการรับเงินตามที่กฎหมายกำหนดให้แก่ผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญในการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์และอาจนำไปสู่ปัญหา การหลอกลวงต่างๆ โดยในช่วงปี 2556-2559 ทาง สคบ.ได้รับข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหารถยนต์ใช้แล้วจากผู้บริโภค จำนวน 129 ราย มาถึงปีนี้ 2561 ก็คงพบปัญหาเพิ่มขึ้นอีกมาก
ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์มีความชำรุดบกพร่อง ระบุระยะทางในการใช้รถยนต์ไม่ตรงต่อความเป็นจริง เครื่องยนต์ไม่ตรงกับคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ รถยนต์ผ่านการประสบภัยต่างๆ เช่น รถยนต์เคยถูกชน ไฟไหม้ น้ำท่วม
ซึ่ง สคบ.โดยคณะกรรมการว่าด้วยฉลากและคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ได้ออกกฎหมาย จำนวน 2 ฉบับ เพื่อนำมาใช้บังคับในการประกอบธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้ว ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 35 (พ.ศ.2556 เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
ได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดทำฉลากสินค้าโดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทหรือชนิดของสินค้า เช่น ชื่อและสถานที่ประกอบการของผู้ขาย ขนาดหรือน้ำหนัก สมุดคู่มือการบํารุงรักษารถ (ถ้ามี) รุ่นปี วันจดทะเบียน เลขทะเบียน เลขทะเบียน เลขตัวรถ เลขเครื่องยนต์ ข้อมูลการประสบภัย (ถ้ามี)
และประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องจัดให้มีหลักฐานการรับเงินมอบให้กับผู้บริโภคหลังจากที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ใช้แล้ว โดยหลักฐานการรับเงินจะต้องมีการระบุรายละเอียด เช่น ชื่อและที่อยู่ของผู้ประกอบธุรกิจ และของผู้มีอำนาจออกหลักฐานการรับเงิน ชื่อและที่อยู่ของผู้บริโภค รายละเอียดของรถยนต์ใช้แล้วเกี่ยวกับ ยี่ห้อ รุ่น ปี สี หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถัง หมายเลขทะเบียน ระยะทางการใช้ของรถยนต์ ภาระผูกพันของรถยนต์ และชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองรถยนต์ จำนวนเงินกำหนดวัน เดือน ปี ที่ส่งมอบรถยนต์
เรื่องนี้ สคบ.ได้ประชุมขอร้องให้ การสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วให้ได้รับทราบการปฏิบัติที่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีผู้ประกอบธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้ว โดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่การแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้องจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และกรณีไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีรายการและข้อความตามที่กฎหมายกำหนดให้แก่ผู้บริโภคต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าสามารถร้องเรียนไปยัง สายด่วน สคบ. 1166 ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th และระบบร้องทุกข์ผู้บริโภค (OCPB Complain Mobile Application) หรือร้องเรียนด้วยตนเองที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมรับฟังปัญหาและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับข้อร้องเรียนต่างๆ
จะซื้อรถมือสองก็ต้องตรวจสอบให้รอบคอบนะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี