พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ทำหน้าที่เป็นกรรมการห้ามทัพของสองฝ่ายที่กำลังจะทำให้ประเทศไทยเกือบจะกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลวเข้ามาทำหน้าที่เป็นองค์อธิปัตย์ตลอดมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี ประสบความสำเร็จที่กล่าวได้ว่าทำให้สังคมไทยมีความสงบปราศจากความแตกแยก (ถึงแม้จะมีแต่ไม่ปรากฏในทางปฏิบัติ)
หลังจากสร้างกติกาที่เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2560 และกำลังจะคลายอำนาจในฐานะคนกลางกลายเป็นผู้เล่นเสียเองในไม่ช้าหลังจากทำหน้าที่องค์อธิปัตย์เป็นเวลา 4 ปีกว่า นอกจากผ่อนคลายอำนาจเพื่อปูทางไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยตนเองจะเป็นผู้เล่นเสียเองดังกล่าวแล้ว และอาจจะมีโอกาสที่จะได้รับฉันทาอนุมัติจากประชาชนที่รวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองหลายกลุ่มตามที่ปรากฏให้เห็นจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในทางการเมือง โดยสร้างกติกาที่เปรียบเสมือนคู่ต่อสู้จะถูกมัดมือข้างหนึ่งไว้ก็ตาม หรือใช้กองเชียร์ หรือผู้ที่สนับสนุนจากกลุ่มที่ตนเคยประณามว่าสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเอามาเป็นลูกสมุน รวมทั้งสร้างภาพโดยสื่อ
แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมาสร้างจุดอ่อนจากผู้ที่อยู่ใกล้ตัวทำให้เกิดความสงสัยถึงอนาคตของสังคมการเมืองว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีตฮีโร่สีเขียว ไม่ว่าเหตุการณ์ พ.ศ. 2489 ที่จบลงเมื่อ พ.ศ. 2500 เลือกตั้งสกปรก หรือเหตุการณ์ พ.ศ. 2543 เรื่องตระบัดสัตย์ และ พ.ศ. 2516 ที่เกิดจากการลุกฮือของขบวนการนิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนขับไล่องค์อธิปัตย์สีเดียวกับองค์อธิปัตย์ในปัจจุบัน ปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้มีความแตกต่างกับปัญหาในปัจจุบัน กล่าวคือ เกิดขึ้นกับองค์อธิปัตย์สีเขียวทุกครั้งและ
ผู้ขับไล่ก็เป็นผู้มาจากสีเดียวกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าว แม้ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ปรารถนาที่จะให้เกิดขึ้น แต่เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 สังคมไทยต้องการให้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถจะสลัดพ้นบ่วงมารที่ก่อให้เกิด “วงจรอุบาทว์” ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีผู้กล่าวว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ว่าผู้มีอำนาจหรือนักการเมืองและแม้แต่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจและซาบซึ้งในการปกครองระบอบนี้ โดยไม่สลัดออกจากสังคมอำมาตยาธิปไตย หรือธนาธิปไตยได้ โดยเฉพาะในสังคมที่ยังมีเจ้านาย - ลูกน้อง เจ้านาย - ผู้รับใช้ คำว่าอำมาตยาธิปไตยไม่ใช่ใช้เฉพาะในหมู่ข้าราชการเท่านั้น แม้แต่ในวงการธุรกิจก็ไม่ต่างกัน
ฉะนั้น ตราบเท่าที่สังคมไทยยังไม่สามารถล้มล้างอำมาตยาธิปไตย หรือธนาธิปไตยสำเร็จ ก็ไม่มีวันที่ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ หลักการประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อาจกล่าวได้ว่ามีสองระบบ สังคมหนึ่งประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ประเทศนอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก ญี่ปุ่น ฯลฯ เป็นต้น อีกระบอบหนึ่งที่ประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฯลฯ เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยนั้น นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา ได้ออกแบบประชาธิปไตยที่มีองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งระบอบนี้เหมาะสมกับสังคมไทย จึงอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าผู้นำทางการเมืองไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใด ต้องมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ประชาชนเข้าใจและซาบซึ้งในการปกครองระบอบนี้ ไม่ใช่แต่จะแสวงหาอำนาจในการบริหารประเทศเพื่อตนเองดังที่ผ่านมา ถ้ารัฐบาลใดสามารถสร้างพฤติกรรมให้ประชาชนเข้าใจและซาบซึ้งเฉกเช่นประชาชนในสังคมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดังที่กล่าวข้างต้น รัฐบาลนั้นจะได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างแน่นอน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการการปกครองระบอบดังกล่าวและเป็นไปตามสังคมโลก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี