คนไทยจำนวนมาก เพิ่งทราบว่าจะการแข่งขันยูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 หรือกีฬาโอลิมปิกเยาวชน ฤดูร้อน 2018 ระหว่างวันที่ 6-18 ตุลาคมนี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
บางคนเพิ่งทราบเรื่องยูธโอลิมปิกเกมส์ เพราะข่าวว่าทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี ได้รับเชิญจาก โธมัส บาค ประธานกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี ให้น้องๆ ไปร่วมในพิธีเปิด และชมการแข่งขันในครั้งนี้ ยิ่งกว่านั้น จะจัดฟุตซอลหรือฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนักกีฬาเยาวชนโอลิมปิก กับทีมหมูป่าอะคาเดมีด้วย
1. ขอแสดงความยินดี และสนับสนุนน้องๆ ทีมหมูป่าอะคาเดมี สำหรับโอกาสดีๆ ที่ไอโอซี หยิบยื่นให้
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ชาวไทย ยืนยันว่า ไอโอซีจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทาง ที่พัก และอาหาร ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของหมูป่าทั้ง 13 คน พร้อมด้วยพ่อแม่และทีมงานจากหน่วยงานรัฐ
“ประธานไอโอซีเชิญทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 13 คน พ่อแม่ผู้ปกครองของทั้ง 13 คน และคณะ ให้ได้รับโอกาสในการเข้าพักใช้ชีวิตในหมู่บ้านนักกีฬาร่วมกับนักกีฬาเยาวชนจากทั่วโลก หมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกเยาวชน เป็นสถานที่ปิด บุคคลภายนอกและสื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า และไม่มีสื่อมวลชนได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตัวน้องๆ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง และจะจัดให้ทั้งคณะเข้าชมการแข่งขันกีฬาชนิดต่างๆ จะจัดให้มีการแข่งขันฟุตซอลหรือฟุตบอลเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างนักกีฬาเยาวชนโอลิมปิก กับนักกีฬาเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี”
2. โอกาสดีๆ อย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปกระแนะกระแหน
กิจกรรมเช่นนี้ แตกต่างกันมากกับการเดินสายออกทีวีที่เมืองไทย
ยูธโอลิมปิกเกมส์ คือ มหกรรมกีฬาระดับสุดยอดของเยาวชนทั่วโลก
รวมเอานักกีฬาอายุระหว่าง 15-18 ปี จากประเทศชั้นนำทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน นักกีฬาอายุระดับนี้ บางคนมีชื่อเสียงเกินระดับเยาวชนไปแล้ว
ไม่ใช่กิจกรรมที่จะทำให้น้องๆ หมูป่า ตัวพองขึ้น หรือจองหองขึ้น แต่จะน่าจะให้แรงบันดาลใจมากกว่า
3. ขณะเดียวกัน การประชุม ครม.เมื่อวานซืน ก็มีประเด็นเกี่ยวกับ การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026)
เรื่องนี้ จะต้องแยกพิจารณาต่างหาก
คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2561 มีมติเห็นชอบในหลักการ ให้ประเทศไทยแสดงความสนใจที่จะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ
สังเกตว่า เป็นการเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยแสดงความสนใจที่จะเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ
ยังไม่ใช่การยื่นข้อเสนอ
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับภาระงบประมาณในการจัดการแข่งขันเห็น ครม.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างคุ้มค่าและประหยัด แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
นับว่า ครม.เอง ก็ยังแสดงความรัดกุมอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เพราะแม้ว่าการจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) จะเป็นการแข่งขันที่มีความสำคัญ จะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นคณะนักกีฬาระดับเยาวชนและเจ้าหน้าที่ จากประเทศสมาชิกทั่วโลก กว่า 200 ประเทศ และประเทศไทยก็มีศักยภาพทั้งในด้านมาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬา คุณภาพของบุคลากรกีฬาในภาคส่วนต่างๆ ความพร้อมของสถานที่จัดการแข่งขัน ซึ่งมีระยะเวลาเตรียมการเพียงพอ ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ในปี พ.ศ. 2569 ได้
ข้อพิจารณาเบื้องต้น ที่นำเสนอในที่ประชุม ครม. ระบุว่า การเป็นเจ้าภาพ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาประชาคมโลก สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติ ให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะสามารถสร้างรายได้และเงินหมุนเวียนในระบบให้กับประเทศ กว่า 1,000 ล้านบาท
ระบุว่า ประเทศไทยจะมีรายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ผู้แทนองค์กรกีฬาต่างๆ ผู้สังเกตการณ์ กว่า 10,000 คน เป็นเงินกว่า 165 ล้านบาท
ประเทศไทยจะมีรายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อท่องเที่ยวและสนใจติดตามชมการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ กว่า 20,000 คน เป็นเงินกว่า 660 ล้านบาท
ได้แสดงความเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้ง ยังสร้างชื่อเสียงในฐานะเป็นประเทศที่มีการจัดกิจกรรมการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ระดับนานาชาติ ขึ้นในแถบภูมิภาคอาเซียน เป็นโอกาสในการนำเสนอความสวยงามของประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยว วัฒนธรรมอันดีงาม ผ่านการถ่ายทอดสดการแข่งขันไปทั่วโลก
นั่นคือด้านบวก
แต่การจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องพิจารณาในประเด็นความคุ้มค่าด้วย
หากต้องการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา สร้างกระแสและปลูกฝังค่านิยมในการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาสำหรับเยาวชน หรือส่งเสริมให้เกิดความสุขจากการชมและเชียร์กีฬา ก็จะพบว่า เรามีทางเลือกหลายทางเลือกที่มีต้นทุนการดำเนินงานแตกต่างกัน และมีผลแตกต่างกัน
ด้วยต้นทุนเท่ากัน หรือน้อยกว่า หากมุ่งพัฒนาระบบการแข่งขันกีฬาระดับยุวชน-เยาวชน-ต่อเนื่องถึงระดับอาชีพในบ้านเรา พร้อมกลไกการสนับสนุนด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา ระบบโค้ช ผู้ฝึกสอนที่มีประสบการณ์สูง การสร้างกระแสนิยมกีฬาจากภายใน จากท้องถิ่น แผ่ขยายขึ้นมาสู่ระดับชาติ เพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ อย่างต่อเนื่อง และเอาจริงเอาจัง จะเกิดผลบวกที่ยั่งยืนกว่า หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี