มีรายงานเข้ามาครับว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน “หายวูบ”
วูบในระดับไหน ต้องถือว่าสูงเพราะว่าเมื่อเทียบเป็นสัดส่วน % แล้วสูงแต่เลขสองหลัก เรื่องนี้ปกติจะเป็นการรายงานจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ หรือททท.เป็นหลัก แต่รอบนี้เป็นความกังวลจากการเก็บตัวเลขของแบงก์ชาติ หรือธนาคารแห่งประเทศไทยเอง เลยด้วยซ้ำไป และที่แน่ๆ ปล่อยเอาไว้นานไม่ดีแน่ครับ
จากรายงานของแบงก์ชาติบอกว่า สิงหาคมที่ผ่านมา การท่องเที่ยวชะลอตัวลง โดยเฉพาะตัวเลขจากนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นพระเอกหลักมาตลอด หดตัวลง 11.8% นับเป็น จำนวนเกือบ 9 แสนคน ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาเดียวกันยอดนักท่องเที่ยวรวมทุกชาติจะยังโต 3% ก็ตาม
เรื่องนี้สำคัญนะครับ เพราะเมื่อย้อนดูในหลายๆ เหตุผลแล้ว มีเหตุเชื่อมโยงที่เข้าใจได้ว่า ต้นเหตุเกิดจากเรื่องภายในของเราล้วนๆ ที่กระทบต่อรายได้หลักของเรา
ในตอนนี้
นักวิชาการระหว่างประเทศอาจจะมีการวิเคราะห์กันไปบ้างว่า อาจเป็นเพราะว่า เศรษฐกิจของจีนเองก็มีปัญหาจากสงครามการค้า ซึ่งก็มีส่วนเกี่ยวบ้าง เพราะผลของมันคือจีนโดนโจมตีการค้าจนกระทบค่าเงินอย่างค่อนข้างหนักเช่นเดียวกัน สมัยก่อนจีนมาไทย 1 หยวนแลกได้ 5 บาทนิดๆ ตอนนี้ เหลือ 4 บาทปลายๆ อาจเป็นได้ว่า นักท่องเที่ยวจีนก็ชะลอการเที่ยวต่างประเทศ
ลงไป เพราะความไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจของบ้านตัวเอง และค่าเงินที่ไม่สู้ดีนัก
รวมไปถึง ทางการจีนเองก็มีแคมเปญ จีนเที่ยวจีน เองเยอะขึ้นมากเช่นเดียวกัน สอดรับกับกระแส Urbanisation ของคนจีนที่มีชีวิตความเป็นอยู่และมีระดับรายได้ที่เป็นฐานะแบบคนชั้นกลางมากขึ้น บริโภคมากขึ้น กินดีอยู่ดีขึ้นและนำมาสู่การ “เที่ยว” มากยิ่งขึ้น รัฐบาลจีนเองเล็งเห็นจุดนี้ก็สนับสนุนให้จีนเที่ยวจีนกันมากขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนี้กำลังซื้อที่จะหลั่งไหลไปต่างประเทศก็อาจหดตัว
จุดนี้เมื่อมองลงไปในตัวเลขประเทศเทียบเคียงแล้วพบว่า จีนมาอาเซียนลดลงหมด แต่กลับไปญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น นั่นอาจหมายความว่า จีนพรีเมียมยังคงมีกำลังอยู่ แต่จีนที่กำลังซื้อน้อย ใช้จ่ายน้อยลงหน่อย อาจถึงช่วงที่หนักขึ้น
แต่กระนั้นก็ตามที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรหนักหน่วงเท่าปัญหาที่เกิดจากเนื้อในของไทยเราเองที่ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้ชาวจีนตะขิดตะขวงใจในหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นตลอดปีที่ผ่านมานี้
เรื่องแรกเลยครับ ในช่วงที่ไทยเรามีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ระดับโลกอย่าง ถ้ำหลวง และการทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมของท่านผู้ว่าฯ เชียงราย ในขณะนั้นก็มีเหตุการณ์สำคัญเช่นเดียวกันอย่างโศกนาฏกรรมเรือฟินิกซ์ล่มที่ภูเก็ต และทุกคนที่เสียชีวิตและได้รับผลกระทบทุกคนคือ “คนจีน” การรับมือของทางการในช่วงนั้น การให้สัมภาษณ์ของคนใหญ่คนโตที่อาจผิดพลาดไป รวมไปถึงการรับมือของ ผู้ว่าฯ ภูเก็ตเมื่อเทียบกับ ผู้ว่าฯ เชียงรายที่เมื่อดูแล้วไม่น่าวางใจ เอาไม่อยู่ได้เท่าเชียงรายในตอนนั้น ทำให้เกิดความ “ขุ่นข้องหมองใจ” เป็นอย่างมากต่อ “ชาวจีน” ทั้งประเทศ ที่จับตาอยู่ว่าทางการไทยจะเอาอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ใครเคยไปจีน หรือทำมาค้าขายกับจีน หรือแม้แต่เป็นเชื้อสายจีนจะทราบดีครับว่า การเป็นแขกของกันและกันสำคัญมากๆ และการดูแลแขกของคนจีนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญสุดๆ เมื่อเขามาเที่ยวบ้านเราแล้ว เสมือนว่าเป็นแขกคนสำคัญของเรา แต่ถ้าเราดูแลไม่ดี เขาจะมาอีกไหมล่ะครับ
ตอนนี้การรับมือเรื่องนี้ยังคงเงียบมาก และกระทบกับความรู้สึกของหลายต่อหลายคนแน่นอน ยังไม่เห็นการขอโทษแบบกิจจะลักษณะ ไม่มีการทำบุญให้ผู้เสียชีวิตแบบจริงจัง ยังไม่มีการสรุปเหตุ และที่สำคัญเรือที่ล่มยังไม่กู้เลยครับ แบบนี้ผมเป็นคนจีน ผมก็ตะขิดตะขวงใจมากเช่นกัน
อีกเรื่องหนึ่งที่ในโลกโซเชียลแบบนี้จะปล่อยไม่ได้เลยคือ กระแสการทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวจีน โดยรปภ.ของสนามบินดอนเมือง
เรื่องนี้ใหญ่ในด้านความรู้สึกมากครับ เมื่อคุณวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อหารือกับ นายลั่ว ซู่กัง รัฐมนตรีวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของจีน และได้รับทราบความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อเมืองไทย
ท่านก็สรุปว่าขณะนี้มีข้อกังวล 3 ด้าน คือ
1.โกรธการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย หลังเรือฟินิกซ์ล่มที่ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิต ว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลไทยไม่มีควมคืบหน้า อย่างที่ผมได้ว่าไปก่อนหน้านี้
2. ข่าวโรคไข้เลือดออกระบาด จนกังวลว่าเที่ยวแล้วจะได้รับเชื้อโรคไข้เลือดออก และทางจีนดูจะตระหนกกับวิธีการรับมือกับข่าวไข้เลือดออกระบาดของไทยว่า ทำไมดูชิวเหลือเกิน เป็นโรคที่ทำให้คนตายได้
3.ความแคลงใจ เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินของไทยทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงการเรียกเก็บเงินค่าทำวีซ่า ณ จุดเข้าเมือง (Visa On Arrival) จากนักท่องเที่ยวจีน
รัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯบอกว่า ความรู้สึกเหมือนเขาชักใบเหลืองใส่เรา จากกรณีคนจีนมาเสียชีวิตในไทย โดย รมว.วัฒนธรรมและท่องเที่ยวของจีน บอกว่า ในช่วงโกลเด้นวีค หรือวันชาติจีน 1-7 ต.ค.นี้ มีชาวจีน เที่ยวญี่ปุ่นอันดับ 1 และมาไทยอันดับ 2 แต่พอถึงสิ้นปีก็คงมาไทยเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม แต่คนจีนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่เสียชีวิต เพราะญี่ปุ่นทำงานละเอียด ต่างจากที่มาไทยแล้วเสียชีวิต
จากจำนวนคนจีนที่ไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 100 ล้านคน มาไทย 10 ล้านคน หรือ 10% แต่ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางท่องเที่ยวและเสียชีวิต ในจำนวนนั้นเสียชีวิตในไทย 40% และในช่วง 7 เดือนแรก ของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตในไทยมากกว่าปี 2560 ทั้งปี ตอนนี้รัฐบาลจีนสั่งว่า หากนักท่องเที่ยวเสียชีวิต 2 คน ในต่างประเทศให้รายงานผู้ว่ามณฑล แต่ถ้า 10 คนให้รายงานรัฐบาลกลาง เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดในไทยถูกรายงานถึงรัฐบาลทั้งหมด
นี่แหละครับคุณก็ดูกันว่า มันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ได้ไง และทำไมทางการไทยถึงยังคง “ดูชิว” กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งๆ ที่พวกเขาคือลูกค้าใหญ่รายสำคัญที่สุดของบ้านเราในตอนนี้
ในอีกมุมหนึ่งที่แย่ที่สุดคือ การเก็บค่าติ๊ป เสี่ยวเฟ่ยจากนักท่องเที่ยวจีน คือเขาเอาเงินมาให้เราแล้ว แต่ข้าราชการตัวร้ายๆ ก็ทำตัวเป็นอุปสรรคต่อชาติบ้านเมืองตั้งแต่หน้าบ้านเลย แบบนี้ถ้าผู้มีอำนาจไม่แก้แล้วใครจะมาบ้านเราล่ะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี