รายงานข่าวเกี่ยวกับสหภาพยุโรปหารือเตรียมเสนอกฎหมายเพื่อห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มอย่างสมบูรณ์ หรือห้ามนำเข้า 100% ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ได้ส่งผลสะเทือนต่อประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียอย่างรุนแรง และเป็นที่แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วย
มาเลเซียและอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ปลูกปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มเพื่อการส่งออกมากที่สุดของโลก เพราะสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และภูมิศาสตร์ของทั้งสองประเทศนี้เอื้ออำนวยอย่างยิ่งต่อการปลูกต้นปาล์ม และสภาพเช่นนั้นก็เป็นอยู่ในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทยด้วย
ดังนั้นชาวภาคใต้ตั้งแต่ตอนกลางลงไปจนถึงสุดชายแดนประเทศไทยจึงปลูกต้นปาล์มกันเป็นอันมาก แม้บางพื้นที่ที่เคยปลูกต้นยางมาแต่ก่อน ครั้นปลูกปาล์มได้ราคาดีก็โค่นสวนยางทิ้งแล้วหันมาปลูกปาล์ม ทำให้พื้นที่การปลูกปาล์มในภาคใต้ขยายตัวไปในหลายพื้นที่ และนั่นหมายถึงการหมดสภาพสวนยางที่เป็นมาแต่เดิมด้วย
การปลูกสวนยางก็ดี ปลูกปาล์มก็ดี เป็นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ที่เกษตรกรจะมีรายได้อย่างเดียวก็จากผลิตผลของปาล์มเท่านั้น ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู่จึงขึ้นอยู่กับการได้ผลของปาล์มในแต่ละปี และราคาปาล์มในแต่ละปีด้วย
มาเลเซียและอินโดนีเซียนั้นมีผลผลิตมาก และมีโรงงานแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มเอง จึงเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันปาล์มไปจำหน่ายทั่วโลก รวมทั้งบางส่วนก็ส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย
แต่เดิมมานั้นประเทศไทยไม่ได้ปลูกปาล์ม ส่วนใหญ่ก็ปลูกมะพร้าว และใช้น้ำมันมะพร้าวในการบริโภค และในการทำอาหารทั้งคาวหวาน รวมทั้งได้ใช้น้ำมันหมูทำเป็นอาหารทั้งคาวหวานด้วย ประเทศไทยและคนไทยก็มีความสุขและปราศจากโรคภัยแปลกประหลาดมาเป็นเวลาช้านาน
ต่อมาก็มีพวกหัวก้าวหน้าแต่ใจเป็นขี้ข้าต่างชาติ แต่มีบทบาทในวงราชการ ได้ทำการรณรงค์ความรู้ใหม่ ความคิดใหม่ ที่ประเทศผู้ผลิตส่งออกน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์ม โดยรณรงค์ให้คนไทยเลิกกินเลิกบริโภคทั้งน้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าว
โดยอ้างว่าทั้งน้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าวมีไขมันที่ไม่อิ่มตัว สู้น้ำมันถั่วหรือน้ำมันปาล์มไม่ได้เพราะเป็นน้ำมันอิ่มตัว ใครฟังแล้วก็เข้าใจหลงเชื่อว่าความไม่อิ่มตัวนั้นเป็นอันตราย และความอิ่มตัวนั้นเป็นผลดีต่อสุขภาพ ทั้งลักษณะของน้ำมันก็ทำให้หลงเชื่อได้เช่นนั้น
เพราะน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์มนั้นแม้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปก็มีสภาพเหมือนเดิม แม้เก็บไว้นานสักหน่อยก็ไม่มีกลิ่นเน่าบูด ต่างกับน้ำมันหมูหรือน้ำมันมะพร้าว พออากาศร้อนก็ใส พออากาศเย็นก็ขุ่นหรือเป็นไข พอนานไปหน่อยก็มีกลิ่นหืน จึงทำให้เกิดความเข้าใจว่าหากบริโภคเข้าไปในร่างกายแล้วก็จะเกาะเป็นก้อนไขมัน ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ทำให้เป็นสารพัดโรค ดังนั้นจึงพากันเลิกกินเลิกบริโภคน้ำมันหมูและน้ำมันมะพร้าว หันมากินและบริโภคน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์มแทน
ความจริงที่เรียกว่า “อิ่มตัว” หรือ “ไม่อิ่มตัว” นั้น เป็นการเรียกแบบส่งเดช และมีเชิงหลอกลวงอยู่ในที เพราะที่ว่าอิ่มตัวหมายถึงโมเลกุลของน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์มที่มีโครงสร้างยาว เมื่อถูกอุณหภูมิร้อนก็จะบิดตัวและเกาะติดผนังหลอดเลือด และที่ว่าไม่อิ่มตัวนั้นก็หมายถึงโมเลกุลสั้นและไม่บิดตัว ไม่เกาะกับผนังหลอดเลือด แต่คำว่าอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวโดยปราศจากคำอธิบายจึงทำให้เข้าใจผิด หลงผิด และบริโภคผิดๆ
เพราะหลงบริโภคน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์มมาเป็นเวลานาน ดังนั้นในวันนี้ความจริงได้ปรากฏต่อโลกแล้วว่า ลักษณะไขมันอิ่มตัวของน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์มนั้น เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดของร่างกาย เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดไขมันเกาะผนังเส้นเลือดตั้งแต่เส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดในสมอง และสารพัดเส้นเลือดในร่างกายนี้ และเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเส้นเลือดตีบ แตก ตัน
เป็นต้นเหตุโดยตรงของโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งส่งผลต่อโรคไต โรคเบาหวานและโรคหัวใจ เป็นโคตรเหง้าศักราชที่รักษาไม่หาย และเป็นเหตุให้คนถึงแก่ความตาย ด้วยความพิกลพิการ ทั้งๆ ที่ในอดีตคนไทยไม่ได้เป็นเช่นนั้น และในที่สุดทั้งคนไทยและชาวโลกก็ต้องตกเป็นทาสกินยาความดัน กินยาเบาหวาน กินยาขยายหลอดเลือด กินยาแก้โรคไต และโรคหัวใจกันจนเป็นบ้าเป็นบอกันไปทั้งประเทศ
เท่านั้นยังไม่หนำแก่ใจ พวกจัญไรมนุษย์ที่มีความโลภไม่มีที่สิ้นสุดก็ได้ปรับมาตรฐานความดันโลหิตและความเป็นโรคเบาหวานให้ต่ำลงจากมาตรฐานเดิม จึงยิ่งเร่งและเป็นผลให้คนเป็นโรคความดัน โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ เร็วขึ้นกว่ากำหนด กระทั่งอายุ 40 กว่าๆ ก็เป็นโรคเหล่านี้กันแล้ว
สหภาพยุโรปเป็นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีความรู้ความเข้าใจอย่างดี ดังนั้นเมื่อความจริงปรากฏ เขาจึงเตรียมการยกเลิกการนำเข้าน้ำมันปาล์ม จึงมีผลกระทบต่อบรรดาประเทศผู้ผลิตต้นปาล์มและน้ำมันปาล์มด้วย
แต่นั่นยังเป็นเรื่องเล็ก ถ้าหากจะเทียบกับสุขภาพอนามัยของคนไทยและประชาคมโลก และต้องจับตาดูกันว่าประเทศไทยจะยกเลิกหรือห้ามการใช้น้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์ม ตามชาวโลกเขาไปหรือไม่?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี