เรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมากสำหรับประเทศไทยที่กำลังจะเป็นเสือตัวที่หกของเอเชียในอนาคตอันใกล้อีกแค่ 3-4 ปีเท่านั้น แต่อีกด้านหนึ่งก็อาจจะกลายเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจของกลุ่มทุนจากมหาเศรษฐีจีนตามไปด้วย ล่าสุด จากข้อมูลสถิติของการวิจัยประชากรศาสตร์ของอาจารย์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งที่ได้นำมาวิเคราะห์แล้วจะพบว่า
ประชากรเด็กและเยาวชนของไทยเพิ่มขึ้นน้อยมากในช่วง 1 ทศวรรษ ด้วยเหตุผลความจำเป็นในการดูแลครอบครัวยังผลให้ไทยต้องพึ่งแรงงานจากชาติเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนมาใช้แทนแรงงานใหม่ๆ จากเมียนมา,กัมพูชา และสปป.ลาว ถึง 5 ล้านคนต่อปี
ถ้าดูประชากรไทยในระหว่างปี 2550 ถึง 2560ใน 1 ทศวรรษที่ผ่านมามีเด็กเกิดใหม่น้อยมากเช่นเดียวกับปี 2540 ถึง 2549 การเปรียบเทียบข้อมูลจะพบว่าปี 2550 นั้นไทยมีจำนวนเยาวชนอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมา จำนวน 12,924,777 คนคิดเป็นร้อยละ 20.50 ในขณะที่มีประชากรสูงอายุที่เกินกว่า 60 ปีจำนวน 6,705,061 คนคิดเป็นร้อยละ 10.64 ของประชากรทั้งหมด
ในปี 2560 ที่ผ่านมาไทยมีประชากรที่เป็นเยาวชนอายุน้อยกว่า 15 ปี จำนวน 11,304,871 คนคิดเป็นร้อยละ 17.08 ในขณะที่มีประชากรสูงอายุที่วัยเกิน 60 ปี จำนวน 10,225,322 คน คิดเป็นร้อยละ 15.45 จุดนี้เป็นจุดน่าห่วงเพราะจะมีปัญหามากเหมือนญี่ปุ่นที่มีประชากรสูงวัยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ถึงร้อยละ 27.30 คิดเป็นจำนวนประชากรถึง 35.49 ล้านคน
สำหรับปัญหาประชากรไทยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน 1 ทศวรรษ จะพบข้อมูลดังนี้ปี 2550 มี 63,038,247 คน ปี 2551 มี 63,389,730 คนปี 2552 มีประชากร 63,525,062 คน ปี 2553มีประชากร 63,878,267 คน ปี 2554 มีประชากร 64,076,033 คน ปี 2555 มีประชากร 64,456,695 คน ปี 2556 มีประชากร64,785,909 คน ปี 2557 มีประชากร 65,124,716 คน ปี 2558 มีประชากร 65,729,098 คนปี 2559 มีประชากร 65,931,550 คน ปี 2560มีประชากร 66,188,503 คน จะพบเห็นตัวเลขที่น่ากลัวว่า 1 ทศวรรษไทยมีประชากรเพิ่มแค่ 3,150,256 คน หรือร้อยละ 4.99 เท่านั้นเอง
ด้วยโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไทยมีปัญหาโรงเรียนชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษาไม่มีนักเรียนเข้าเรียนมาร่วม 10 ปีแล้วจนกระทรวงศึกษาธิการ,กระทรวงมหาดไทย,กระทรวงแรงงานและกระทรวงสาธารณสุขต้องประชุมแก้ไขปัญหาด้วยการยุบรวมโรงเรียนทำให้มีปัญหาการขนส่งนักเรียนในแต่ละพื้นที่
ตอนนี้หน่วยราชการในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการทุกๆ ระดับมีที่ดินรกร้างว่างเปล่าเป็นจำนวนมากทีเดียวตั้งแต่ระดับอุดมศึกษาเรื่อยลงมาถึงชั้นประถมศึกษาถ้าหากนำเอาที่ดินที่รกร้างมาดัดแปลงใช้ประโยชน์สร้างเป็นคลังสินค้าเกษตรหรือยุ้งฉางกลางของชุมชนก็จะทำให้มีการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์เพิ่มมากขึ้น
อีกปัญหาหนึ่งที่พบเห็นมากจนน่าห่วงมากในระยะนี้คือมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐบาลเองและของภาคเอกชนที่สร้างขึ้นมาเพิ่มโดยนโยบายของนักการเมืองในท้องถิ่นในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อนแบบไม่มีหลักเกณฑ์ มีผลให้สภาพของมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่ขาดแคลนนักศึกษา เพราะมหาวิทยาลัยที่คนต้องการแย่งเข้าเรียนมีเพียง5 - 6 แห่ง จึงมีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่า มีกลุ่มทุนจีนของบรรษัทเงินทุนขนาดใหญ่ได้เข้ามากว้านซื้อมหาวิทยาลัยของภาคเอกชนหลายๆแห่งเพื่อตั้งให้เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติเพื่อนำเอาชาวจีนเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนของไทย
ข่าวนี้เป็นเรื่องจริงแล้วเพราะจีนมีประชากรมาก มีมหาวิทยาลัยรองรับนิสิตนักศึกษาได้เพียง 6 ล้านคนเท่านั้นเอง การมาเปิดมหาวิทยาลัยใหม่ๆ ในไทยก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับเยาวชนจีนที่ต้องการเรียนระดับมหาวิทยาลัยอีกถึง 3 ล้านคนต่อปี จึงเป็นโอกาสในการมีเงินตราต่างประเทศหมุนเวียนในประเทศไทยมากขึ้นคนไทยมีรายได้เช่นเดียวกับการมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในไทยปีละ 12-13 ล้านคน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ส.ค. 2561 มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กระทรวงการอุดมศึกษา พ.ศ. … ไปแล้วซึ่งจะต้องกำกับดูแลและวางแผนด้านการอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยทั้งหมด อย่าได้ละเลยเกี่ยวกับปัญหาสถาบันการศึกษาที่เกิดขึ้นในขณะนี้
โดยเฉพาะในส่วนของเอกชน และควรพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ให้การสนับสนุน อย่าปล่อยมหาวิทยาลัยถูกโดดเดียวและล้มหายไป อีกทั้งต้องกำกับควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในวันข้างหน้า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี