นับตั้งแต่พลเอกประยุทธ์รับตำแหน่ง ผบ.ทบ. หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี (ในช่วง 2-3 ปีแรก) พล.อ.ประยุทธ์ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก ผมก็ดีใจที่ประเทศได้คนตรง ซื่อสัตย์ แม้จะขี้หงุดหงิด พูดไม่เพราะ แต่ผมก็ยังนิยมและชื่นชมในตัวพล.อ.ประยุทธ์
1 ปีเศษที่ผ่านมา พฤติกรรมและท่าทีดูจะเปลี่ยนไปบ้าง พูดตรง พูดจริงน้อยลง หงุดหงิดมากขึ้น มั่นใจและคิดถึงตัวเองมากขึ้น ขณะที่คนรอบข้างระดับรองลงไปประชาชนมองว่าเป็นพิษและเสื่อมศรัทธามากขึ้น
พฤติกรรม ทั้งคำพูดและท่าที เริ่มชัดว่าพล.อ.ประยุทธ์คงต้องการเป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งต่อไป ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ที่หลังเลือกตั้งและเมื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ แล้ว ท่านจะบริหารประเทศต่อด้วยความสง่างาม ไม่สะดุดหยุดลง ท่านจะต้องใส่ใจและสำเหนียกเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่คนจำได้และอาจจะใช้ทิ่มแทงท่านต่อไปในอนาคต ดังต่อไปนี้
1. คสช.ที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้า ส่งคนไปร่างรัฐธรรมนูญร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มี ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน แล้วก็ไม่พอใจ เปลี่ยนมาเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีอาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์
เป็นประธาน
2. รัฐธรรมนูญที่ออกมาในปี 2560 ได้วางหมากกลทางกฎหมายที่พิสดาร 5 ปีแรก มี สว. 250 คน ซึ่งทำทีมีการสรรหา แต่ในที่สุด คสช.เลือกเกือบทั้งหมด และเลือกหลังจากรู้ตัว สส.ที่ประชาชนเลือกประกาศเป็นทางการแล้ว 3 วัน ซึ่งเข้าใจได้ว่า กฎเกณฑ์นี้ถูกร่างขึ้นเพื่อความได้เปรียบทางการเมืองในการกำหนดตัว สว. และรัฐธรรมนูญยังกำหนดให้ สว.มีสิทธิร่วมกับ สส.เลือกนายกรัฐมนตรี
3.รัฐธรรมนูญกำหนดให้คนจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง สส. เพียงให้พรรคเสนอชื่อ 3 รายชื่อก็พอ และกรณีรัฐสภาเลือกนายกฯตามรายชื่อไม่ได้ ก็มีวิธีการเลือกคนนอกได้
4. รัฐธรรมนูญกำหนดล็อกไว้อีกว่า ถ้ายังไม่ได้รัฐบาลใหม่ นายกฯใหม่ รัฐบาลประยุทธ์ก็เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา ไม่ต้องเป็นรัฐบาลรักษาการที่ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะบางอย่างที่ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งและสืบทอดอำนาจ
5. นายกฯ ประยุทธ์ไม่ต้องลาออกจากรัฐมนตรี แม้มีพรรคการเมืองเสนอชื่อ 1 ใน 3 รายชื่อ เพื่อไปเลือกตั้ง รัฐมนตรีอีก 4 คน ที่ไปจัดตั้งพรรคการเมือง เป็นถึงระดับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรค ก็ไม่ต้องลาออก
6. รัฐบาลประยุทธ์จึงเดินสาย ครม.สัญจร ทำโครงการต่างๆ ลงพื้นที่ได้ ออกเยี่ยมเยียนเดินสายได้ โดยอ้างมาในฐานะนายกฯ และรัฐมนตรีรัฐบาลปัจจุบัน ใช้เงินภาษีประชาชนทำงานการได้ต่อไป
7. รัฐมนตรีในรัฐบาลประยุทธ์ไปตั้งพรรคการเมืองชื่อเดียวกับโครงการ “ประชารัฐ” ที่ได้ใช้เงินงบประมาณจากภาษี ทำโครงการในท้องถิ่นหลายปี และมาตั้งพรรคการเมือง “พลังประชารัฐ”
8.พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้น ใช้วิธีดึง ดูด ล่อใจให้ย้ายมาสังกัดด้วยตำแหน่ง ผลประโยชน์ และคดีความ ซึ่งไม่ต่างกับระบอบทักษิณ เมื่อแรกตั้งพรรคก็นำคนพวกเดียวกันนี้มาสังกัด และตกแต่งด้วยนักวิชาการที่ดูดีจำนวนหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเป็นฝีมือของคนออกแบบเบื้องหลังคนเดียวกันหรือไม่
9. คณะกรรมการการเลือกตั้ง อาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร ถูก คสช.ใช้มาตรา 44 ปลดออกจากองค์กรอิสระ เพราะไปทักท้วงการเดินสายทำกิจกรรมของคณะรัฐมนตรี และในที่สุดก็สรรหา กกต.ใหม่จำนวนมาก
ความทรงจำของคู่ต่อสู้การเมืองและสังคม
อย่างน้อย จุดอ่อน 9 ประการข้างต้น คงจะมีคนจดจำถึงกระบวนการทางการเมืองที่ดูจะไม่ให้ความยุติธรรม แม้จะเห็นใจและเข้าใจว่าทำไมจึงต้องสืบอยู่ในอำนาจต่อไปอีก 1-2 สมัย (ดูจาก สว.มีอายุ 5 ปี)
แต่ถ้าการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 เป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม หรือไม่ Free และ Fair อาจจะเป็นฝีมือของมหาดไทย หรือตำรวจ หรือกองทัพ หรือ กกต. ก็อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สังคมจะรับได้อีกต่อไปหรือไม่ จะถูกหยิบยกขึ้นเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลประยุทธ์ใหม่หรือไม่
เกราะกำบังของพล.อ.ประยุทธ์ลดลงและหมดไป
หลังเลือกตั้ง รัฐบาลประยุทธ์(ใหม่) ไม่มีมาตรา 44 เป็นเครื่องมือ ทหารต้องกลับไปทำหน้าที่ปกติ คือเข้ากรมกอง จะออกมาจับคนไปปรับทัศนคติไม่ได้ รัฐสภาจะมีฝ่ายตรวจสอบถ่วงดุล (ฝ่ายค้าน) ไม่เหมือนสภานิติบัญญัติ สื่อมวลชนจะเลิกเกรงใจ เลิกกลัว และจะไม่ให้ดุด่าตะคอกใส่นักข่าวอีกต่อไป การแสดงออกเรียกร้องชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตยก็ต้องสามารถทำได้
อะไรจะเกิดขึ้น... เป็นห่วงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นับจากนี้ไป จนถึงการจัดตั้งรัฐบาลผสม บทบาทของ สว.ในการเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาล จะถูกจับตา อาจเป็นฟางเส้นสุดท้าย หากการเลือกตั้งสกปรก คนของรัฐบาลและ สว.ลุแก่อำนาจ ไม่ฟังความเห็นความต้องการของประชาชน ก็อาจเกิดเหตุการณ์เช่นในอดีตอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
1) หลังเลือกตั้งปี 2500 ประชาชนเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งสกปรก ทุจริต ประชาชนไม่ยอมรับ เกิดการเดินขบวน และในที่สุด จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ปฏิวัติยึดอำนาจจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
2) จอมพลถนอมปฏิวัติรัฐบาลตนเองเพื่อต้องการยุบสภา เพราะไม่สามารถทำงานกับสภาผู้แทนราษฎรได้ และเมื่อสืบทอดอำนาจยาวนานก็เกิดเหตุการณ์ประท้วง ชุมนุมใหญ่ และเกิดเหตุการณ์ 14 ต.ค. 2516 ที่ทหารจำนวนหนึ่งก็กดดันให้จอมพลถนอมต้องออกไปอยู่ต่างประเทศ
3) หลังยึดอำนาจในปี 2519 เกิดการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2521 ที่ให้ สว.เลือกนายกฯ ได้ และ สว.สามารถร่วมพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณและ พ.ร.บ.สำคัญได้ แต่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ก็ทำงานในสภาได้ยากลำบาก เมื่อรัฐบาลขาดเสถียรภาพไปขอให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเข้าร่วมรัฐบาลก็ไม่สำเร็จ สุดท้าย จะยุบสภาเลือกตั้ง
ใหม่ ก็ถูกกลุ่มนายทหารยังเติร์กกดดันให้ลาออก และได้พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผบ.ทบ.ขณะนั้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
4) หลัง รสช.ยึดอำนาจ พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้เคยประกาศจะไม่สืบทอดอำนาจ แต่ในที่สุดจัดตั้งพรรคสามัคคีธรรม และยอมเสียสัตย์ขึ้นเป็นนายกฯ อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานก็เกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ “พฤษภาทมิฬ” ทหารปราบผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จนต้องลงจากตำแหน่ง
ที่ชวนให้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์การเมืองของรุ่นพี่ ผบ.ทบ.ทั้งหลาย ที่ยึดอำนาจแล้วสืบทอดมาเป็นนายกฯ มีจุดเปราะบางอย่างไร
ยิ่งสมัยนี้ การสื่อสารโชเชียลมีเดียทำให้ผู้คนรับรู้การเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ติดต่อเชื่อมโยงได้ทุกระดับ ทุกพื้นที่ ความทรงจำในเหตุการณ์ดีขึ้นมาก การกระทำในอดีตจะถูกขุดคุ้ยได้ง่ายและเผยแพร่อย่างรวดเร็ว
ด้วยความปรารถนาดี ก็หวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะถึงจุดเปลี่ยนของแผนงานการเข้าสู่อำนาจ ตรงไปตรงมา ตามครรลองของประชาธิปไตย ให้เสรี บริสุทธิ์ ยุติธรรม อย่าไปเดินตามนักวางแผนการตลาด ที่ทั้งดูด ทั้งดึง ทั้งหลอกล่อ อำพราง เพื่อครองตลาดและได้ส่วนแบ่งตลาดการเมือง
คนไทย การเมืองไทย ไม่ใช่สินค้าที่สามารถจัดวางตลาดได้ง่าย ขอส่งความปรารถนาดีอย่างจริงใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี