เมื่อสัปดาห์ที่แล้วบทความลงมือสู้โกง โดย แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม ได้นำเสนอเรื่อง “ดานัง ตัวอย่างเมืองเจริญได้เพราะไร้โกง” โดยอธิบายว่าเมืองดานังที่เคยอยู่ท้ายตารางในการจัดอันดับต่างๆ แทบทุกอันดับของเวียดนาม สามารถพลิกผันกลับมาเป็นผู้นำในตารางต่างๆ เหล่านั้น และเป็นตัวอย่างการพัฒนาสำหรับเมืองทั่วโลกได้ ก็เพราะความสำเร็จในการต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งมาจากความจริงใจของผู้บริหารเมือง และความร่วมมือของชาวเมืองอย่างกว้างขวาง
สำหรับประเทศไทยก็ “ดูเหมือน” ว่าโอกาสจะพลิกผันสถานการณ์ให้เหมือนกับเมืองดานังอยู่เพียงแค่เอื้อม เพราะประชาชนก็มีความพร้อมมากในการมีส่วนร่วมต่อต้านคอร์รัปชัน ดังเห็นได้จากผลสำรวจสถานการณ์คอร์รัปชันไทย โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ชี้ว่า ความสามารถที่จะทานทนต่อการทุจริตคอร์รัปชันของคนไทยมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่สุดจากการสำรวจที่ผ่านมา หรือคนไทยทนทานต่อการทุจริตได้น้อยมาก และที่สำคัญกว่าร้อยละ 86 ของกลุ่มที่สำรวจยินดีมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต ส่วนในด้านผู้บริหารประเทศ หากมองในแง่ดี ที่ผ่านมารัฐบาลก็ให้การสนับสนุนการทำงานขององค์กรภาคประชาสังคมอย่างองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT เป็นอย่างดี มีการลงโทษข้าราชการและนักการเมืองที่ทุจริตอย่างรุนแรง และมีการตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับงานต่อต้านคอร์รัปชัน โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมมาร่วมด้วยหลายคณะ แต่ก็ยังคงเป็นได้แค่ “ดูเหมือน” เพราะความจริงสถานการณ์การคอร์รัปชันในไทยในจากสายตาคนต่างชาติและคนในประเทศก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเท่าใดนัก
ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
สาเหตุหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชันของประเทศไทย นั่นคือ การขาดความต่อเนื่อง และ ความจริงจัง ในการให้ความร่วมมือของประชาชนในการต่อต้านคอร์รัปชัน จากข้อมูลของหน่วยงานที่ทำงานด้านการต่อต้านคอร์รัปชันและผู้พัฒนาเครื่องมือที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการต้านโกงต่างๆ พบว่าการเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อมูล แจ้งเบาะแส ร่วมตรวจสอบข้อมูลของคนไทยจะมีความถี่มากในช่วงแรกหรือเมื่อมีการกระตุ้นด้วยสื่อและจัดงานกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่จะลดลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา โดยที่น่าสนใจคือคนไทยจะให้ความสนใจเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องใกล้ตัวโดยตรง เช่น การโกงซื้อสินค้าออนไลน์ แต่เรื่องที่เป็นสินค้าสาธารณะ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ซึ่งแม้เกี่ยวข้องกับงบประมาณสูงกว่ามาก จะให้ความสนใจน้อย
ที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้แปลว่าคนไทยเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือมักง่ายแต่อย่างใด แต่กลับแสดงว่าคนไทยมีความมีเหตุผลสูงมากเสียอีก ในทางเศรษฐศาสตร์ ปัญหานี้เป็นปัญหาโลกแตก ที่พบกันทั่วไปกับสินค้าสาธารณะ เช่น ถนนสาธารณะ ป่าไม้ ลำคลอง ซึ่งหากไม่มีหน่วยงานใดดูแลโดยตรงอย่างดี ก็จะเสื่อมสภาพลงไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีแต่คนจะมาเอาประโยชน์
จากมัน แต่ไม่ค่อยมีคนมาดูแลบำรุงรักษา เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
เช่นเดียวกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างภาครัฐขนาดใหญ่ ที่คนมักมองว่าเป็นสินค้าสาธารณะ ไม่ใช่หน้าที่ของตนที่ต้องไปดูแล แต่ถ้าสร้างเสร็จแล้วก็จะไปใช้ประโยชน์ด้วย และถึงแม้ประชาชนจะเป็นเจ้าของโดยตรงเพราะใช้เงินภาษีมาสร้าง แต่พอนำจำนวนผู้ที่จะได้ประโยชน์ทุกคนมาหารเฉลี่ยค่าก่อสร้างหลายล้านบาท ก็จะเหลือเพียงคนละไม่กี่บาท เลยไม่รู้สึกว่ากระทบกับผลประโยชน์ของตัวเองเท่าไหร่ ไม่เหมือนสินค้าออนไลน์ชิ้นละไม่กี่ร้อยบาทที่เพิ่งสั่งซื้อไป พอมาส่งปรากฏว่าของจริงไม่เหมือนกับที่แสดงในเว็บ ต้องยอมเสียเงินเสียเวลาร้องเรียน ถึงขั้นจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันทีเดียว ดังนั้นต่อให้มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการร้องเรียนการคอร์รัปชันดีแค่ไหน ถ้าประชาชนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียหายมากเท่าไหร่ พลเมืองดีเหล่านี้ก็อาจจะเพียงเข้าร่วมพิธีแสดงพลังร่วมต้านโกงตอนเริ่มต้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐอย่างจริงจังและต่อเนื่องอยู่ดี
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าคนไทยมีเหตุผลสูงมากตามทฤษฎีเลย โจทย์จึงไม่ใช่การทำอย่างไรให้คนไทยตระหนักรู้ว่าคอร์รัปชันเป็นเรื่องใกล้ตัวตั้งแต่เริ่มต้น แต่คือ หาว่าอะไรคือสิ่งที่คนไทยรู้สึกเป็นเรื่องใกล้ตัวซึ่งเกี่ยวกับคอร์รัปชัน แล้วจึงค่อยๆพาไปสู่เรื่องที่ไกลตัวมากขึ้นเรื่อยๆ คำถามนี้มีคำตอบเบื้องต้นจากงานวิจัยส่วนพื้นที่ของโครงการวิจัยสังคมไทยไร้คอร์รัปชัน โดยคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ที่ทำร่วมกับทีมวิจัยใน 3 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ โดย ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกริก จังหวัดน่าน โดยศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดน่าน และนครราชสีมา โดยมูลนิธิชุมชนโคราช และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่พบว่าประชากรในแต่ละพื้นที่มีความเข้าใจต่อการคอร์รัปชันแตกต่างกัน และมีความพร้อมในการรวมกลุ่มเพื่อต่อต้านการคอร์รัปชันไม่เหมือนกันในแต่ละประเด็นปัญหา เช่น ชาวจังหวัดน่านมักให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว ดังนั้น กระบวนการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนจะมีความเข้มแข็งมากกว่ากระบวนการต่อสู้ในเรื่องอื่นๆ เช่น หากมีการคอร์รัปชันในการสร้างถนนก็จะได้รับความสนใจน้อยกว่าการรุกที่ป่า
ดังนั้น การสร้างความร่วมมือจากประชาชนเพื่อต่อต้านคอร์รัปชันให้ได้ผลนั้นจึงมีอยู่ 2 แนวทาง หนึ่ง ออกแบบเครื่องมือที่ส่งเสริมและสนับสนุนการต่อต้านคอร์รัปชันในประเด็นที่ชาวบ้านในพื้นที่นั้นๆ ให้ความสนใจเป็นรายพื้นที่ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างมีความรู้ความเข้าใจในพื้นที่อย่างลึกซึ้งกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันและนักออกแบบพัฒนาระบบสนับสนุน แนวทางนี้จะต้องมีการติดตามและประเมินผลการต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงระบบให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่มากที่สุด และค่อยๆขยายประเด็นไปสู่เรื่องที่ไกลตัวมากขึ้นอย่างแยบยล ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากจึงจะสามารถขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
แนวทางที่สอง คือ การแสวงหากิจกรรมที่มีความคล้ายกันและกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ที่ประชาชนในแต่ละพื้นที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว และมีความใกล้ชิดเกี่ยวข้องกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและสินค้าสาธารณะ คิดตามเร็วๆ อาจจะนึกไม่ออกว่ามีกิจกรรมเช่นนี้อยู่จริง เพราะสามารถรวมเอาคุณลักษณะที่ต้องการไว้ทั้งหมดในที่เดียว แต่ถ้าพิจารณาดีๆ แล้วจะนึกออกว่าประเทศไทยนั้นมีกิจกรรมทางธุรกิจเช่นนี้อยู่จริงและเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญของประเทศด้วย นั่นคือ ภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวชุมชน
ลองนึกตามดูนะครับ การท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่จะรุ่งเรืองได้หากมีสภาพแวดล้อมที่ดีและสวยงาม เช่น ป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ทะเลใสสะอาด ถนนในเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าสาธารณะทั้งนั้น แต่กลับมีผลกระทบโดยตรงต่อชาวบ้านที่ประกอบกิจการหรือเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอย่างมาก ดังนั้นชาวบ้านเหล่านี้จึงมีความต้องการที่จะรับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ แม่น้ำ ลำธารในพื้นที่ซึ่งมีผลต่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้น ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากที่พร้อมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมสนับสนุนการป้องกันปัญหาเหล่านี้ของชาวบ้าน นั่นคือ นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พร้อมเขียนคำชมหรือวิจารณ์สภาพที่เขาเห็นเมื่อมาเที่ยว ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปเชื่อมโยงกับข้อมูลสาธารณะที่ภาครัฐจัดเก็บไว้ เช่น สัญญาสัมปทานทรัพยากรธรรมชาติ ข้อกำหนดรายละเอียดรูปแบบการก่อสร้าง และรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันและนำไปสู่ข้อร้องเรียนที่ชาวบ้านได้รับจากนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ทำให้สินค้าสาธารณะได้รับผลกระทบทางลบและชาวบ้านเสียประโยชน์จากการท่องเที่ยวที่ลดลง
เมื่อมีทั้งผู้พร้อมส่งสารและผู้รับสารจำนวนมาก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงโดยมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด ปัญหาการขาดความต่อเนื่องและความจริงจังในการต่อต้านคอร์รัปชันก็จะหายไป เหมือนกับเมืองดานังที่เปิดแอพพลิเคชั่นให้นักท่องเที่ยวติชมและแนะนำการพัฒนาการท่องเที่ยวของเมือง แล้วสรุปผลรายงานต่อสาธารณะ ปรากฏว่ามีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาร่วมให้ข้อมูลจำนวนมากและมีชาวเมืองที่พร้อมเป็นหูเป็นตาป้องกันการคอร์รัปชันที่จะทำให้คุณภาพถนนไม่ดีหรือเกิดการรุกล้ำป่า จนสามารถพัฒนากลายเป็นตัวอย่างเมืองที่เจริญอย่างต่อเนื่องได้เช่นปัจจุบัน
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี