ผมเป็นคนอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความภาคภูมิใจหนึ่งคือ ทุกๆ เช้า วิทยุกรมประชาสัมพันธ์จะต้องประกาศว่า “ราคามะพร้าวทับสะแก” วันนี้ ราคาเท่าไหร่
มะพร้าวทับสะแกได้รับการยอมรับมานาน ว่าเป็นมะพร้าวสายพันธุ์ดี เนื้อหนา กะลาบาง ให้กะทิคุณภาพดี
ต่อมาภายหลัง มีกระบวนการโปรโมทมะพร้าวเกาะสมุยขึ้นมาดังแทนที่ และอุตสาหกรรม “กะทิกล่อง” ก็บังเกิด
ไม่มีใครมานั่งขูดนั่งคั้นมะพร้าวกันนักแล้ว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารของเมืองใหญ่ นั่นไม่ได้แปลว่ามะพร้าวจะขาดโอกาสไป เพราะอย่างไรเสีย โรงงานผลิตกะทิก็ต้องใช้มะพร้าวเป็นวัตถุดิบตั้งต้น
ทว่าหลายปีมานี้ เกิดภัยแล้งต่อเนื่อง และแมลงศัตรูพืชเข้ากัดกินมะพร้าวทับสะแก-บางสะพานเสียหายไปเป็นจำนวนมาก ผลผลิตตกต่ำ ต้นมะพร้าวตาย เปิดช่องให้มีการ “ขอนำเข้า”
นำเข้าไม่ใช่ปัญหา หากมีการควบคุมปริมาณให้เหมาะสม แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับ กระบวนการมันหละหลวมมาก มีทั้งเกินโควตา ไม่ดูตัวเลขผลผลิตภายใน และมี “มะพร้าวเถื่อน” เข้าออกประเทศไทยอย่างเพลิดเพลินด้วย เพราะพอผลผลิตในประเทศน้อย ราคามันก็สูง มะพร้าวเพื่อนบ้านเลยอยากจะเข้ามา และคนไทยจำนวนหนึ่งก็หากินกับวิธีนี้
ต่อมาฝนฟ้าดีขึ้น การแก้ปัญหาแมลงศัตรูพืชดีขึ้น ผลผลิตก็ฟื้นตัวขึ้นมา แต่กระบวนการนำเข้ากับมะพร้าวเถื่อนยังติดลม ส่งผลให้เกิดมะพร้าว “คาล้ง” จนงอก ล้งก็ไม่ซื้อจากชาวสวน ราคาหน้าสวนก็ตกต่ำ
พอเกษตรกรออกมาขอร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ก็จะถูกผู้คนทั่วไปด่าว่า ว่าจะเรียกร้องอะไรกันวะ ฉันซื้อมะพร้าวลูกละตั้งหลายตังค์ ฉันซื้อกะทิ กะทิโคตรแพง ฯลฯ
คนพวกนี้ไม่เข้าใจหรอกว่า ไอ้ที่ซื้อๆ กันนั้น เป็น “ส่วนน้อย” ของอุตสาหกรรมมะพร้าว คุณเป็นแค่ผู้ซื้อปลีก แต่ส่วนใหญ่มันคืออุตสาหกรรมแปรรูป เป็นกะทิ กับน้ำมัน ราคามะพร้าวหน้าสวนฝากไว้กับกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ไม่ใช่ครัวเรือนทั่วไปซื้อไปแกงไปทำขนม
ก็เหมือนเวลาสับปะรดราคาต่ำไง คนทั่วไปก็ด่าเกษตรกรว่าเรียกร้องอะไร ฉันซื้อจากรถเข็นผลไม้ ชิ้นละ 10 บาท 20 บาท 25 บาท เออ! ช่วยเข้าใจกันหน่อยนะ ว่าเธอไม่มีปัญญากินสับปะรดหมดสวนหรอก สับปะรดมันได้ราคาเพราะโรงงานซื้อไปแปรรูป เป็นสับปะรดกระป๋องบ้าง เป็นน้ำสับปะรดบ้าง ไอ้ที่ซื้อจากรถเข็นผลไม้ มันเป็นตลาดปลีกย่อย และเขาไม่มีวันลดราคาให้คุณ ที่คุณจ่ายไป ก็ไม่ได้มาถึงมือเกษตรกร
กลับมาที่มะพร้าว พี่น้องเกษตรกรสวนมะพร้าวนั้นแสนจะอดทน ก้มหน้าก้มตาต่อสู้กันไป จะเห็นว่าน้อยครั้งมาก ที่ได้ข่าวชาวสวนมะพร้าวเรียกร้องอะไร หรือเตรียมจะก่อการชุมนุม
แต่ในที่สุด ความเดือดร้อนและข้อเสนอที่ถูกเพิกเฉยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็นำมาสู่การประกาศจะชุมนุม จะเคลื่อนขบวนจากประจวบคีรีขันธ์เข้ากรุงเทพฯ ซึ่งจริงๆ วันนี้แหละ คือวันดีเดย์
ผมทำนายไว้ในรายการ “จิตกร ออนแอร์” ซึ่งออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทางเอฟเอ็ม 105 ว่า สไตล์พลเอกประยุทธ์ ไม่ปล่อยให้ม็อบมาถึงกรุงเทพฯหรอก ท่านจะส่งคนลงไปเจรจา
แล้วก็จริง!!
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2561 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการจังหวัด (รอง ผวจ.) ประจวบคีรีขันธ์, นายสุรจิตร อินทรชิต รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอาณัติ วิเศษรจนา ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ, นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์, นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายกิตติ สุทธิสัมพันธ์ รองอธิบดีกรมศุลกากร, พล.ต.ประสาร รวยดี ผบ.ศร.ค่ายธนะรัชต์, พ.ต.อ.นิรันดร ศิริสังข์ไชย รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมแกนนำเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับฟังข้อเรียกร้อง
แก้ไขปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำ นำโดย นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯและเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวกว่า 500 คน
หลังจากที่ประชุมได้เจรจานานกว่า 3 ชั่วโมง ล่าสุดมีข้อยุติเป็นที่น่าพอใจโดยตัวแทนเครือข่ายได้ประกาศยกเลิกการเดินทางเข้า กทม.เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17-19 ต.ค.นี้ จากนั้นจะติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเรียกร้องโดยมีการลงนามร่วมกันเป็นมติเพื่อการแก้ไขปัญหาราคามะพร้าว
นายภิรมย์ นิลทยา รองผู้ว่าราชการ จังหวัดประจวบฯ กล่าวว่า หลังจากเชิญผู้แทนจาก 3 กระทรวงรับฟังข้อปัญหารวมถึงข้อเรียกร้องมีข้อสรุปให้ชะลอการนำเข้ามะพร้าวผลเป็นเวลา 7 เดือน ตามกรอบอาฟต้า (AFTA ) และศึกษาแนวทางการชะลอนำเข้ากรอบ WTO ตั้งแต่เดือน พ.ย.2561 - พ.ค.2562 เช่น การกำหนดด่านนำเข้าและมาตรการที่เกี่ยวข้อง ขอให้มีการออกกฎหมาย กำกับการเคลื่อนย้ายผลผลิตข้ามเขตจังหวัด โดยให้มีใบกำกับการเคลื่อนย้ายแก้ไขปัญหามะพร้าวเถื่อน ให้มีการแก้ไขกฎหมายให้ผู้นำเข้ามะพร้าวต้องแปรสภาพมะพร้าวเพื่อใช้ภายในโรงงานเท่านั้น ห้ามนำไปจำหน่ายภายในประเทศแก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลภายใต้กรอบอาฟตา
“ชาวสวนขอให้เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำความผิดกับผู้ผ่าฝืนโดยเพิ่มบทลงโทษเพิกถอนใบอนุญาตนำเข้าจาก 2 ปี เป็น 5 ปี นอกจากนั้นให้หาแนวทางเร่งด่วนช่วยเหลือชาวสวน โดยรับซื้อเนื้อมะพร้าวแห้ง ให้แก้ไขข้อมูลคาดการณ์จำนวนผลผลิตมะพร้าวในปีปัจจุบันและปีต่อไปเพื่อเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ขอให้เร่งหามาตรการควบคุมสินค้าที่มีผลกระทบต่อราคามะพร้าวในประเทศ และกำหนดให้สินค้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวเป็นสินค้าควบคุม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 จากนั้นจะแจ้งให้ที่ประชุมคณะกรรมการน้ำมันพืชและพืชน้ำมันที่จะมีการประชุมในวันที่ 18 ต.ค.นี้ พิจารณาดำเนินการ
ต่อไป” นายภิรมย์ กล่าว
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ บุตรรักษ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวสวนมะพร้าว กล่าวว่า จะประเมินสถานการณ์ภายหลังจากมีผลการพิจารณาของคณะกรรมการมันพืชฯหลังวันที่ 18 ต.ค.นี้ คาดว่าผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการครบตามข้อเรียกร้องทั้งหมด
ผมอ่านข่าวนี้ด้วยความรู้สึกยินดีและชื่นชม ด้วยเหตุผลหลายประการ
1) เสียงแห่งความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เป็นเสียงที่มีคน “ได้ยิน” เสียที หลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์บ้านเมืองทำให้ประชาชน “ไม่มีตัวแทน” นำความเดือดร้อน นำปัญหา เขามาถกมาเถียงเพื่อหาทางแก้ไขในสภา สนช. ไม่ได้ทำตัวเป็น “สภาผู้แทนราษฎร” โดยตรง แต่ทำตัวเป็นสภาผู้แทน คสช. เป็นหลัก หากมีสภาปกติ อย่างน้อย สส.ประจวบฯ ชุมพร ต้องเอาเรื่องนี้เข้าสภา ตั้งกระทู้ถามสดรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เป็นตัวแทนประชาชนยื่นหนังสือ ฯลฯ นี่ต้องรอให้ขู่ว่าจะมาชุมนุม รูทวารแห่งการรับฟังจึงบังเกิด ก็ยังดี ยังพอชื่นชมได้
2) ประชาชนชาวสวนมะพร้าวและตัวแทนไม่มุทะลุ มีเหตุมีผล แม้การประชุมย่อยๆ ก่อนหน้านี้ จะมีเสียงดัง ตั้งคำถามดุเดือด แต่อยู่บนรากฐานของข้อเท็จจริง ไม่โมเมยกเมฆ ข้อเรียกร้องของเขาสะท้อนความเข้าใจปัญหา ว่าเฮ้ย!! มาควบคุมโควตาการนำเข้าหน่อยซิ มาจัดการกับมะพร้าวเถื่อนหน่อยซิ มาทำนั่นทำนี่ ซึ่งสืบจากเหตุของปัญหาจริงๆ ไม่เรียกร้องว่าต้องเอาเงินมาช่วย หรือขอความช่วยเหลือส่งเดชโดยไม่บอกตัวปัญหาและทางแก้ อันนี้ผมชื่นชมด้วยใจจริง
3) ในที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดม็อบ ในช่วงที่รัฐบาลกำลังถูกจับตาว่ามีพรรค “พลังประชารัฐ” เป็นฐานสู่การเล่นการเมืองต่อในรอบหน้า การส่งคนลงไปเจรจากับตัวแทนเกษตรกรสวนมะพร้าวก็เกิดขึ้นจริงๆ
4) ให้ดูคนที่เป็นตัวแทนไปเจรจาสิครับ ครบองค์จริงๆ เกษตรฯ พาณิชย์ ศุลกากร มหาดไทย และทหาร! ในระดับที่พอจะรับปากรับคำ รับข้อเสนอได้ด้วย เช่น รองปลัด ผู้ตรวจฯ
5) คุยอะไรกันบ้าง ถึงจบได้ด้วยดี ไม่มีม็อบเข้ากรุง ก็คุยตามประเด็นที่เกษตรกรเสนอไง เมื่อฟังกันเข้าใจ เกษตรฯ ก็รู้ว่าตนต้องทำอะไร พาณิชย์รู้ ศุลกากรรู้ ปัญหามันจึงถูกแก้ได้ตรงจุด
6) อันนี้เป็นโมเดลที่ดีมาก คือ ฝ่ายเรียกร้อง ศึกษาปัญหา สะท้อนปัญหา ชี้ทางออก มาเป็นรูปธรรม ฝ่ายรับฟัง เอาคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ รู้เรื่องด้วย ลงไปรับฟัง และจี้ไปที่มาตรการที่ควรจะมีได้ตรงจุด มีฝ่ายมหาดไทยกับกองทัพช่วยกำกับบรรยากาศ
แม้ที่จริง ไม่ควรเพิกเฉยกับข้อเรียกร้องก่อนหน้า และรอให้มีปัญหาว่าจะมาชุมนุม คือ ได้ยินเสียตั้งแต่ต้นและลงไปแก้ไขกันเสีย เรื่องก็ไม่ต้องลากยาวมาถึงจุดนี้
แต่เอาเถอะ ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว ชื่นชม ให้กำลังใจ และขอให้ผู้นำที่สูงกว่าระดับคนที่ไปรับฟัง-รับข้อเสนอ จงเอามาปฏิบัติอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรผู้เดือดร้อนละเรียกร้องอย่างมีเหตุผล โดยเกษตรกรก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ ต้องติดตามกันต่อไปว่า รับข้อเสนอมา เพียงเพื่อ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” หรือตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างแท้จริง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี