มี 2 ประเด็นที่เห็นได้ชัด ว่า การเมืองบ้านเรา อยู่ในสภาพ “พายเรือในอ่าง” หรือไม่ก็ “หมาไล่งับหางตัวเอง” วนอยู่อย่างนั้น ไม่เห็น “หนทางใหม่”
1.หลอกและหลอนกับ “ผีทักษิณ”
2.หลอกและหลอนกับ “รัฐประหาร”
สงครามการเมือง วนเวียนอยู่กับ 2 ขั้วนี้ โดยมีประชาชนเป็น “ตัวแทนในการรบ” ซึ่ง 10 ปี ที่ทักษิณกับน้องสาว เข้าสู่อำนาจ ใช้อำนาจโดยขาดความเป็นธรรม ประชาชนชุมนุมขับไล่ สุดท้ายเกิดรัฐประหาร มีคดีความขึ้นสู่ศาล ศาลตัดสินจำคุกทั้งคู่ แต่ก็หนีไปก่อนทั้งคู่!! ไม่นำมาสู่การ “ตกผลึกทางความคิด” ของคนในชาติเลยเชียวหรือ
มาจับประเด็นกันครับ
1) วันที่ 18 ตุลาคม 2561 สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของญี่ปุ่น ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากมีการเลือกตั้งจริง เชื่อว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนมา
และฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยจะต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้มากกว่า 300 ที่นั่ง จากจำนวนกว่า 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าได้เสียงน้อยกว่านั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องงบประมาณ และถ้าไม่มีเสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)สนับสนุน รัฐบาลก็จะล่มลงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ นอกจากนี้นายทักษิณระบุด้วยว่า เขาไม่คาดหวังสูงนักว่าจะได้
กลับประเทศ แต่ถ้าคนที่สนับสนุนตนเองต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการให้กลับไป โดยที่ตนเองสามารถทำอะไรเพื่อเป็นการช่วยเหลือได้ ก็พร้อมที่จะทำ
19 ตุลาคม 2561 นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค แสดงความคิดเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่น ระบุหากมีการเลือกตั้งจริง เชื่อว่าประชาธิปไตยจะกลับคืนมา และฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตยจะต้องชนะการเลือกตั้งให้ได้มากกว่า 300 ที่นั่ง จากจำนวนกว่า 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้าได้เสียงน้อยกว่านั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องการตรวจสอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องงบประมาณ และถ้าไม่มีเสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)สนับสนุน รัฐบาลก็จะล่มลงได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ว่า
“ทักษิณ ต้องกลับไปอ่าน “ระบบเลือกตั้งใหม่” ให้ถ่องแท้ เห็นคุณทักษิณออกมาประกาศว่าพรรคเพื่อไทยและแนวร่วม จะชนะเลือกตั้ง 300 เสียง และยังบอกว่าพร้อมกลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เคยสัญญาไม่รู้กี่ครั้ง ว่า จะเลิกยุ่งการเมืองและจะวางมือทางการเมือง
300 เสียงของคุณทักษิณจะเอาจากที่ไหน เขตไหน บัญชีรายชื่อ แกก็ไม่ได้แจกแจงนะ แต่จำได้ว่าวันก่อนแกบอกจะกวาด 200 ที่นั่ง วันนี้เพิ่มเป็น 300 ที่นั่ง พูดครั้งหน้าคง 400 หรือจะกวาดหมดทั้งสภา 500 ที่นั่งก็เป็นไปได้ คือ พูดไปเรื่อย พูดราวกับว่า สส.ในสภามีจำนวนถึง 1,000 คนซะงั้น
แกอ่านรัฐธรรมนูญ ศึกษาระบบเลือกตั้งบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่าเป็นระบบนับจำนวน สส.แบบ “งูกินหาง” หมายความว่า ยิ่งคุณได้ สส.เขตมากๆ คุณก็จะเสียจำนวน สส.แบบบัญชีรายชื่อไปพร้อมๆ กัน พูดง่ายๆ ตรงๆ ถ้า พรรคเพื่อไทยชนะ สส.เขต 200 ที่นั่ง ปาร์ตี้ลิสต์ก็อาจไม่ได้สักที่นั่งเลย ไม่ได้เพิ่มจำนวนแบบ “เงาตามตัว” เหมือนระบบเลือกตั้งเดิม ที่สำคัญเวลาพูดว่าฝ่ายประชาธิปไตย หมายถึงใคร พรรคไหนบ้าง ช่วยบอกที ชาวบ้านจะได้ชัด จะได้เห็นหน้าค่าตานักประชาธิปไตยว่าจอมปลอมหรือแค่เปลือกนอก อ่านข่าวนี้แล้ว ผมขำๆ มากกว่า สงสัยโดนดูดหนักขึ้น ก็เลยออกมาเบ่งกล้ามว่าไม่กลัว ไม่กระทบเสียงกระมัง!”
2) วันที่ 17 ตุลาคม 2561 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก วาระพิเศษ เมื่อสื่อถามว่า สถานการณ์ในอนาคตเกิดวิกฤติกองทัพจะปฏิวัติอีกหรือไม่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงเป็น ผบ.ทบ.ยืนยันมาตลอดไม่ปฏิวัติ แต่ก็ปฏิวัติ
พล.อ.อภิรัชต์ นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า...
เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย สื่อได้มีการบันทึกภาพในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าให้เป็นเพียงแต่ภาพที่เกิดขึ้น ให้บันทึกอยู่ในสมองในความทรงจำ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคนที่เคยเห็นภาพต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทำอะไรก็ลำบาก ค้าขายก็ลำบาก ถนนถูกบล็อก คนไทยออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน วันนั้นทหารยืนอยู่ตรงไหน เราถูกรัฐบาลสั่งการให้ออกมาควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำด้วยหัวใจ ที่ไม่ได้คิดแบบนักการเมืองว่าเราจะเข้ามาบริหารประเทศ
“และผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้คิดอย่างนี้เช่นเดียวกัน แต่ความที่ท่านต้องเสียสละ ถามว่าในวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจทำรัฐประหาร ยอมรับว่าผมมีความคุ้นเคยกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่มีเรื่องส่วนตัวกับท่าน เพราะท่านใช้ผมทำงานมาโดยตลอด เดือนหนึ่งได้เจอกัน 5 ถึง 10 นาทีก็เต็มที่แล้ว ผมถึงบอกว่าความเป็นกลางก่อนผมในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ผมเจอท่านในเวลาสั้นๆ ถือว่าเก่งแล้วในชีวิตนี้เคยนั่งคุยกับท่านไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ได้เห็นความรักความรู้ ความทุ่มเทในการทำงานของท่าน ซึ่งเป็นแบบอย่างหนึ่งของผมในการดำเนินงานด้านราชการและถ้าวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจบ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น ผมว่าการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่อยู่ที่ประชาชน” ผบ.ทบ.กล่าว
และว่า ตนหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์รุนแรงในบ้านเมืองเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้นอีก ที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ก็ไม่เคยขนาดนี้ เพราะมีการแย่งแก่งแย่งชิงการเมือง การเอาชนะ ไม่รู้จักแพ้ไม่รู้จักชนะ แล้วคนที่แพ้ก็คือประเทศ ยืนยันว่ากองทัพไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างความเดือดร้อน ยั่วยุให้จุดไฟเผา มีการประกอบระเบิด นั่นคือท่านแพ้ ท่านเป็นประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้ แทนที่เราจะแข่งขันทางการค้า แล้วต้องใช้เวลากี่ปีฟื้นฟูประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว มีการยกเลิกการนำเข้าส่งออกของประเทศต่างประเทศเป็นเงินมหาศาลกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ใช้เวลาเท่าไร จุดไฟเผาในเมือง เกิดกลียุค ปีเดียวสิ่งปลูกสร้างทำได้ แต่ในทางการค้าไม่ใช่ ความมั่นใจของต่างชาติในการลงทุนต้องใช้เวลานานกว่านั้นแต่วันนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น อาจจะเห็นผลช้า ไม่ทันใจ ตนเชื่อว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ สิ่งที่สื่อถามว่าจะมีปฏิวัติหรือไม่ ตนหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองอย่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติอีก
“ผมมั่นใจว่า ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล ก็ไม่มีอะไร ประเทศไทยเคยมีปฏิวัติมา 10 กว่าครั้ง แต่ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะช่วงหลังเกิดจากการเมืองทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่เชื่อว่า นักการเมืองที่ดีก็มี และนักการเมืองที่ไม่ดีก็มี แต่ปัจจุบันคนไทยเป็นอย่างไร ผมเสียใจในหลายๆ เรื่องที่เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด การตัดสินคดีในหลายคดีกับคนทำความผิด บอกว่าไม่เป็นธรรมและประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน อะไรเป็นกลาง อะไรคือจุดยืนของประเทศ ในเมื่อบอกคนนี้ผิด ก็แย้งว่าไม่ผิดถูกแกล้ง แล้วจะอยู่อย่างไรตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันจะให้คนไทยอยู่กันอย่างไรโดยไม่มีกฎระเบียบวินัย”
เท่านั้นแหละ ทั้งวัฒนา เมืองสุข + ลิ่วล้อคู่ใจ-ไก่เจี๊ยบ +เหวง ฯลฯ ก็ดาหน้ากันออกมา ต่อว่าเหน็บแนม ว่านี่ยังคิดจะปฏิวัติรัฐประหารกันอยู่ละสิเนี่ย บลาๆๆ
18 ตุลาคม 2561 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ไม่มีใครอยากจะให้เกิดการจลาจล หนทางที่ดีที่สุดคือ การเป็นประชาธิปไตยที่ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งเป็นประชาธิปไตยที่ตอบสนองประชาชน ซึ่งตนก็พยายามที่จะทำให้พรรค ปชป.เป็นเส้นทางหลักและไม่นำประเทศกลับไปสู่จุดเดิม
“ผมมองว่าการออกมาพูดเรื่องนี้ เป็นเพราะมองตามประวัติศาสตร์การเมืองมากกว่า คิดว่าผบ.ทบ.คงอยากให้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ส่วนผมในฐานะนักการเมืองเรียกร้องมาตลอด ว่า อย่าทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก และไม่ควรชี้นิ้วต่อว่าใครเป็นต้นเหตุ แต่ควรจะย้อนดูตัวเอง”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะดังกล่าว จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่ได้อยู่ที่คำพูดของผบ.ทบ. เพราะที่ผ่านมาต่างประเทศก็ได้ติดตามการเมืองไทยมาพอสมควร จึงน่าจะคิดได้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดผลกระทบกับประเทศไทย
“การออกมาพูดครั้งนี้ ท่านพูดเพื่อชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าเกิดขึ้นเพราะอะไรอย่างไร ผมอยากให้ทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในอดีต มากกว่าชี้นิ้วกล่าวหากันไปมา พูดหลายครั้งแล้วว่า การทำรัฐประหารที่ผ่านๆ มาคนทำรัฐประหารก็ถูกต่อว่า ขณะเดียวกันคนที่สร้างเงื่อนไขทำให้เกิดรัฐประหารก็ต้องทบทวนตัวเองด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
20 ตุลาคม 2561 นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธานกรรมาธิการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค“เสรี สุวรรณภานนท์” แสดงความคิดเห็นกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ออกมาระบุไม่รับประกันว่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ว่า “เลิกคิดชั่วคิดร้าย บ้านเมืองก็ดีเอง การที่ พล.อ.อภิรัชต์ ผบ.ทบ.ออกมากล่าวเตือนสติว่า “ไม่ยืนยันว่าไม่มีการทำรัฐประหาร” ก็ต้องดูเหตุผลรายละเอียดให้ครบถ้วน”
“ผมเชื่อว่า ที่พูดอย่างนี้ ก็เพราะไม่ต้องการให้มีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีก จึงได้ออกมาเตือนสติ โดยไม่ได้มีการทำรัฐประหารอะไรสักหน่อย แค่นี้ก็ออกมาตีโพยตีพายกันยกใหญ่ ลืมไปว่าที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพอย่างที่เป็นอยู่นี้ เกิดจากการเล่นการเมืองแบบไม่มีคุณภาพ พอถูกดำเนินคดีหรือเสียประโยชน์ก็ไปแบ่งแยกนำพาชาวบ้านออกมาตีกัน บ้านเมืองจลาจลสับสนวุ่นวาย จนบาดเจ็บล้มตาย แต่พวกนักการเมืองที่เป็นแกนนำไม่เห็นเป็นอะไรสักคน ที่ผ่านมาชาวบ้านจึงเป็นเหยื่อทางการเมืองมาโดยตลอด”
“และผมก็เชื่ออีกว่า ผบ.ทบ.ก็คงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเหล่านี้เพียงแค่ออกมาเตือนสติ แทนที่จะเห็นประโยชน์ ช่วยกันแก้ปัญหาไม่ให้มีหรือไม่ทำสิ่งเหล่านี้ จะได้ไม่เป็นเงื่อนไขที่ต้องมาแก้ปัญหาบ้านเมืองด้วยการรัฐประหารอีก ก็รับกันไม่ได้”
“นี่แหละการเมืองแบบฉวยโอกาส แบบเอาความดีใส่ตัว เอาความชั่วยกให้คนอื่น ตามสูตร แบบด่าคนอื่นแล้วตัวเองได้คะแนน ไปๆ มาๆ ก็ไม่พ้นการเมืองแบบน้ำเน่าแบบเดิม ไอ้ที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง ดูที่จะยากลำบากขึ้น เพราะปัญหามันอยู่ที่คนที่ไม่ยอมปฏิรูป” นายเสรีกล่าว
สรุป :: 1. ผมคิดว่าในบ้านเมืองของเรา มีคนเกลียดวิธีการเล่นการเมืองของนายทักษิณและโคตรญาติอยู่จริง และมากพอที่จะทำให้ทักษิณหวั่นไหว ในการเอาโคตรญาติขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคที่เขาหนุนหลังอยู่ หรือบางคนบอกว่า เป็นของเขานั่นแหละ
2.แต่เวลาเดียวกัน คะแนนนิยมและการโหยหา หวังพึ่งพาทักษิณก็ไม่ได้หมดไป พรรคการเมืองบางพรรคจึงไม่ได้แยแสสนใจ ที่จะแสดงออกว่า กูคือขี้ข้าของทักษิณ
3.ทักษิณเองก็ไม่เคยวางมือ ทั้งๆ ที่พูดหลายรอบว่าวางมือแล้ว ไม่ยุ่งแล้ว แต่ก็ยังพร้อมที่จะปลุกปั่น สร้างกระแส สร้างคะแนนนิยมอยู่ต่อไป
4.พวกทักษิณจึงหลอนมากกับการถูก “รัฐประหาร” อีกด้านก็กลัวมากว่าเครือข่ายของทักษิณจะกลับมา ท่ามกลางความกลัวนี้มีคนใช้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายครับ ต่างเอาผีทักษิณ ผีรัฐประหาร มาหลอกมาหลอนกัน เพื่อดึงคะแนนนิยมมาหนุนฝ่ายตัว
5.สิบปีแล้วนะครับ ที่เรามุ่งแต่หาคำตอบทางการเมืองบนโจทย์ “ทักษิณ-ไม่ทักษิณ” แล้วเราได้คำตอบอะไรไหมครับ นอกจากความเกลียดชังต่อกันในหมู่ “ผู้รบแทน-สงครามตัวแทน” ส่วนรัฐประหาร มีครั้งไหนไหมครับ ที่รัฐบาลทำงานอยู่ดีๆ ไม่มีคดโกง ไม่มีทุจริต ไม่มีการใช้อำนาจเสียงส่วนใหญ่ในทางที่ผิด จนประชาชนออกมาคัดค้าน เกิดการทำร้ายประชาชน แล้วกองทัพอยู่ๆ ก็คึก ออกมายึดอำนาจ
6.พอเสียทีกับการเมาทักษิณ และรัฐประหาร จนทิ้งความมีหลักการและเหตุผลไปหมดสิ้น รัฐประหารไม่เกิด ถ้าไม่มีเหตุ ผบ.ทบ.ท่านพูดถูกแล้ว และทักษิณก็ไม่มีวันกลับเมืองไทย ไม่ใช่เพราะใครกีดกัน แต่เพราะมันไม่กล้าหาญพอที่จะรับผิดชอบความผิดของตัวเอง สู้ปลุกปั่น ให้คนอื่นรบแทน ตายแทน เหมือนที่ผ่านๆ มาดีกว่า ยิ่งมีคนตาย ยิ่งได้โอกาสปลุกปั่นให้คนเกลียดทหาร เกลียดรัฐประหารไปเสีย
เลือกตั้งครั้งนี้ มองประเทศชาติให้เต็มตา มองปัญหาที่กำลังถาโถมเข้ามา ทั้งปัญหาสังคมสูงวัย ปัญหาปัญญาประดิษฐ์ที่จะแย่งงานมนุษย์ ปัญหาความแปรปรวนของภูมิอากาศ กระทบต่อภาคการเกษตร ปัญหาสงครามเศรษฐกิจของสหรัฐฯ-จีน ฯลฯ
ผมเห็นคนเดียวที่พูดเรื่องนี้ ว่าจะรบกับปัญหา จะเดินออกจากวงของความขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณ-รัฐประหาร” นั่นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ปัญหาก็คือ เขาจะทำให้ประชาชนสนใจ เข้าใจ และเดินออกจาก “สนามรบ” ใน “สงครามตัวแทน” ดังกล่าว แล้วมาเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา รบกับปัญหาในอนาคตได้มากเพียงใด...เท่านั้นเอง!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี