ตลอดระยะเวลานับเดือนมานี้มีเสียงบ่น เสียงร้องครวญครางจากทุกภูมิภาคของประเทศว่านักท่องเที่ยวหายไปไหน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนได้หายไปอย่างน่าแปลกประหลาดใจ
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหรือที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั่วประเทศได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้โดยเร็วที่สุด เพราะสภาพขาดทุน สภาพโหวงเหวง ร้างโรย กำลังปรากฏขึ้นในทุกหนแห่ง หลายแห่งได้ถ่ายภาพหรือทำคลิปออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งเห็นแล้วก็น่าเวทนายิ่งนัก
แต่กระนั้นถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะแก้ไขกันได้อย่างไร มิหนำซ้ำ ในวงการโซเชียลมีเดียได้เกิดปรากฏการณ์ประหนึ่งว่ามีการจัดตั้งแนวรบสื่อขึ้นแนวรบหนึ่ง ที่ทำภารกิจในการต่อต้านนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและสร้างความเกลียดชังระหว่างไทย-จีน รวมทั้งเข้าโจมตีโซเชียลมีเดียที่นำเสนอข้อความให้แก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวด้วย
สภาพเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา แต่เป็นกระบวนการที่มีเงื้อมเงาความขัดแย้งของการเมืองระหว่างประเทศแทรกซึมอยู่ด้วยและแผ่ปกคลุมอยู่ด้วย ดังนั้น จึงพ้นวิสัยไปจากที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศจะสามารถแก้ไขฟื้นฟูกันเองได้
ทว่าการแก้ไขปัญหานี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความขัดแย้งระหว่างประเทศในโลกทุกวันนี้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โลกได้แบ่งออกเป็นสองค่ายไม่ต่างกับอดีต คือค่ายนาโต้ กับค่ายองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
ในช่วงหลัง 22 พฤษภาคม 2557 ค่ายนาโตตั้งป้อมต่อต้านกดดันแทรกแซง คสช. อย่างทั่วด้าน แต่รัฐบาลและ คสช. ก็สามารถยืนหยัดรับมือกับการต่อต้านและแรงกดดันแทรกแซงทั้งหลายได้อย่างเต็มภาคภูมิ
คงจำกันได้ว่าในครั้งนั้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแนวทางนโยบายต่างประเทศสองเรื่อง คือ
เรื่องแรก ประเทศไทยจะไม่เป็นศัตรูกับประเทศใด แต่เราก็ไม่ยอมค้อมหัวให้กับชาติใดกดขี่ข่มเหง
เรื่องที่สอง ประเทศไทยจะต้องรักษาตลาดการค้าเดิมเอาไว้ให้ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยต้องขยายตลาดการค้าใหม่ไปทั่วโลกด้วย
แม้เป็นห้วงเวลาสั้นๆ หลัง 22 พฤษภาคม 2557 แต่ความถูกต้องของวิเทโศบายนี้ได้ทำให้ประเทศไทยยืนหยัดได้ มิหนำซ้ำยังสามารถเป็นแกนกลางผนึกประเทศอาเซียน 10 ประเทศให้เป็นเอกภาพ โดยรัฐมนตรีกลาโหมของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางประสานงานที่สำคัญของกลุ่มรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ยิ่งถูกกดดันมากขึ้น ประเทศไทยก็เปิดการค้ากับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้มากขึ้น แม้กระทั่งขยายความร่วมมือในทางไมตรีระหว่างประเทศและการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย จึงก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนขึ้นในฝ่ายนาโต ที่จะต้องทบทวนนโยบายเดิม เพราะถ้าหากกดดันไทยต่อไป ในที่สุดประเทศไทยก็จะไปยืนข้างกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้
และทำให้กลุ่มนาโตสูญเสียพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่เชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก สูญเสียแหล่งตลาดอาเซียน 650 ล้านคน ดังนั้นจึงมีการปรับนโยบายมาเออออห่อหมกกันใหม่
นับแต่นั้นมาสถานการณ์ก็พลิกผันไป จากที่เคยดำเนินมาหลัง 22 พฤษภาคม 2557 การร่วมมือกับกลุ่มประเทศนาโต รวมทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นได้ขยายวงอย่างลึกซึ้ง จนบางครั้งเกิดเสียงติฉินนินทาว่าเป็นความร่วมมือที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นในอนาคต โดยเราจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแลนด์ล็อก และมีทางออกทะเลเฉพาะที่แหลมฉบังมาบตาพุด เพื่อมเชื่อมต่อกับญี่ปุ่นเป็นหลัก
นอกจากนั้น ข่าวคราวการเกิดปัญหาเรื่องรถไฟไทย-จีน ที่ไม่ไปถึงไหนก็ดี การไม่ลงนามในแผนปฏิบัติการลุ่มแม่น้ำโขงตามปฏิญญาซันย่าก็ดี จึงเกิดขึ้นและเกิดเรื่องราวระหองระแหงเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนตามมา จนกระทั่งสถานการณ์เป็นดังที่เห็นในวันนี้
ในช่วงเดือนตุลาคมเป็นช่วงวันหยุดยาวของจีนเนื่องในเทศกาลวันชาติ ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศราว 500 ล้านคน แต่ทั้งหมดนี้ไม่มาประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ในขณะที่ญี่ปุ่น เวียดนาม เมียนมา ลาว และกัมพูชา แน่นขนัดไปด้วยนักท่องเที่ยวจากจีน
นี่คือปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา และหากปล่อยไปนานวันเข้าในที่สุดปัญหาก็จะขยายเป็นวงกว้างล้ำลึกยิ่งกว่านี้
ระวังให้ดีว่าประเทศไทยกำลังจะเดินตามหนทางของซาอุดีอาระเบีย คือหันไปร่วมมือกับประเทศแดนไกล แต่เป็นคนละฝักฝ่ายกับประเทศที่มีดินแดนใกล้กัน และมีผลกระทบถึงกันอย่างรุนแรง
อย่าทำเป็นเล่นไป สักวันหนึ่งประเทศไทยอาจจะมีฐานะไม่ต่างกับจังหวัดของญี่ปุ่นก็ได้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี