วันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันพระปิยมหาราช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือบูชาของประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ในพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่ได้ทรงสร้างไว้แก่แผ่นดินไทย ยากที่ผู้คนในบ้านเมืองจะลืมได้
ขอนำคำบรรยายบางส่วนของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้ทรงบรรยายในวันเสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการพิเศษ เนื่องในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เรื่อง “สองพระมหาราชนักพัฒนา” ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2531 ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราช มาให้ได้อ่านกันในวันนี้
“...การพัฒนาน่าจะหมายถึงการกระทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้เกิดความก้าวหน้าไปในทางที่เจริญ ทำให้บ้านเมืองอยู่อย่างสงบ เกิดความมั่นคง คนที่อยู่ในเขตปกครองนั้นมีความสุข มีระเบียบเรียบร้อย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ กับ รัชกาลที่ 9 ก็ได้ทำในลักษณะเดียวกัน จะมีความแตกต่างบ้างเพราะเงื่อนไข สิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน...
...บ้านเมืองตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่มีคนมาอยู่รวมกัน ตั้งเป็นบ้านเป็นเมืองนั้น ก็มีผู้สามารถวางระบบการปกครอง ระบบเศรษฐกิจ ที่จะทำให้คนในสังคมนั้นอยู่อย่างมั่นคง และมีความเจริญรุ่งเรือง แต่มองย้อนไปในอดีตเป็นระยะๆ มีหลายระยะที่การปกครองหรือการดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีระบบอยู่แล้ว แต่ว่าเหตุการณ์สิ่งแวดล้อมนั้น เปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าความเปลี่ยนแปลงของระบบที่ตั้งไว้เป็นกฎเกณฑ์หรือหลักต่างๆ
ฉะนั้นถ้าจะให้คนอยู่กันได้อย่างมีความสุข ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เสริมสิ่งใดสิ่งหนึ่งบางอย่างให้ดีขึ้น ให้เหมาะสมกับกาลสมัย ยกตัวอย่างเช่น การปกครอง ถ้าปกครองประชาชนที่มีจำนวนน้อย วิธีการปกครองก็จะเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เช่น การที่บอกว่าสมัยพ่อขุนรามคำแหง ปกครองกันอย่างพ่อปกครองลูก ใครมีความเจ็บท้อง ข้องใจ อย่างไรก็มาสั่นกระดิ่งหน้าพระราชวัง ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ก็อาจจะสั่นกระดิ่งไม่ได้ เพราะว่าคนเป็นล้านๆ คนจะมาสั่นกระดิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงพระราชทานบริการให้ไม่ได้ ก็ต้องตั้งระบบขึ้นมา ถ้าเป็นเรื่องข้อความคดี ก็ต้องตั้งผู้แทนพระองค์เป็นระบบการศาลพิจารณาคดีไป
รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ นอกจากจะมีความจำเป็นภายในประเทศที่ว่า จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ บันดาลให้ความต้องการ ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป การที่จะให้บริการให้ประชาชนมีความสุขนั้นต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วย กับอีกประการหนึ่งที่มักจะเรียกว่าเป็นเหตุการณ์ หรือเป็นปัจจัยภายนอก คือ เหตุการณ์ที่สมัยนั้นเรียกว่าเป็นสมัยจักรวรรดินิยม โดยที่มหาอำนาจจากตะวันตก ได้เข้ามาในเขตประเทศทางด้านเอเชียนี้ เพื่อที่จะมายึดดินแดนเป็นอาณานิคม อันนี้ก็เป็นภัยที่ถือได้ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ที่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย
วิธีการที่จะทำให้เกิดความมั่นคงก็มีหลายๆอย่าง แต่มีเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้คำ เช่นว่า ยุทธการในการพัฒนา แต่ก็มีหลายคนบอกว่าการใช้คำอย่างนี้ มีกลยุทธ์ มียุทธศาสตร์ ทำให้เห็นว่าดุเดือดเกินไป คือเป็นเรื่องของการทหาร แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกระทำอะไรด้วยพระเมตตาด้วยทศพิธราชธรรม ไม่ใช่มีกลยุทธ์ หรือกลอุบาย หรือกลวิธียอกย้อนเหมือนกับจะไปทำลายใคร
คนเรานั้นจะทำอะไรต้องมีวิธีการ คำที่ดีน่าจะใช้ว่า “แผนงาน” หรือ “วิธีการ” ที่กรมกองต่างๆ ในประเทศเราเข้าใจ ปฏิบัติได้สอดคล้องกัน แม้ตัวเราเองจะพูดจะทำอะไรก็ต้องมีวิธีการ บางครั้งที่พูด ถึงแม้ว่าเป็นสิ่งถูกต้อง ถ้าทำไปโดยขาดวิธีการ ก็อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้ง และการกระทำนั้นไม่สำเร็จได้
...ที่ยกเอาเรื่องสมัยรัชกาลที่ 5 มาพูดนั้น เพราะเป็นเรื่องน่าสนใจว่า คนแต่ก่อนเขาทำอย่างไร จนทำให้กิจการต่างๆก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ อย่างปัจจุบันเรามีของบางอย่างในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งละเลยต่อการที่จะคิดว่า สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร กว่าจะเกิดขึ้น มีปัญหาอุปสรรคเรื่องราวมากมาย เราบ่นกันว่า การพัฒนาสมัยนี้พัฒนาไม่ขึ้น คนไม่ดี คนมันร้าย แม้ว่าสมัยก่อน หรือทุกๆสมัย ก็มีปัญหาเหมือนกันหมด แล้วเขาแก้ไขได้อย่างไร
กับอีกประการหนึ่งคือ งานพัฒนาเป็นงานระยะยาว ชั่วชีวิตคนหนึ่งก็ทำไม่สำเร็จก็มี ต้องช่วยกันทำไปแต่ละช่วง คนใหม่ก็ต้องฟังจากคนเก่า
เรื่องเก่าๆที่ทำขึ้นในสมัย ร.5 นั้น ก็อาจเป็นแนวทางพิจารณาได้
…การที่จะได้ข้อมูลต่างๆนั้น เป็นการเสด็จฯทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง การเสด็จประพาสต่างประเทศนั้นก็ได้ข้อคิดเห็น หรือสิ่งที่เมืองไทยยังไม่มี แต่เมืองนอกมี เอามาคิดดัดแปลงทำในเมืองไทยในสิ่งที่พอจะทำได้ หรือการเสด็จประพาสต่างๆในบ้านเมือง เป็นทางการก็ดี หรือการเสด็จประพาสต้นที่ปลอมพระองค์ไปนั้น ก็ทำให้พระองค์ทรงรู้จักภูมิประเทศ รู้จักประชาชนในเขตต่างๆ เห็นกิจกรรมที่เป็นไป
เป็นข้อมูลที่ทรงนำมาพระราชวินิจฉัยในเรื่องที่ต้องการจะพัฒนา เพราะเป็นแบบอย่างได้...”
นี่คือคำบรรยายบางส่วนของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งได้ทรงบรรยายในวันเสด็จฯ ทรงเปิดงานนิทรรศการพิเศษ เนื่องในงานพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เรื่อง “สองพระมหากษัตริย์นักพัฒนา” ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2531 ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
นำมาให้อ่านกันในวันพระปิยมหาราชวันนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี