ปัญหาเฉพาะหน้าของการบินไทย สนิมเกิดจากเนื้อในตน แน่แท้!
ผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาประจานตัวเองอยู่ ว่าทำให้ผู้โดยสารที่เหลือบนเครื่องบิน ต้องรอกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นนักบิน หรือฝ่ายภาคพื้นที่ซูริค ก็ล้วนแต่เป็นคนการบินไทย
การบินไทยจะแก้ปัญหานี้อย่างไร? จะวางระบบและมาตรการ เพื่อมิให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีกได้อย่างไร?
แต่ทางรอดจริงๆ ไม่ใช่แค่นี้ การบินไทยยังต้องแข่งขันกับสายการบินอื่นๆ เพื่อฝ่ามรสุมผลประกอบการที่ขาดทุนสะสมหลายหมื่นล้านบาทไปให้ได้ ไม่งั้นก็มีสิทธิ “น็อกมืด” ได้เหมือนกัน
1. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการการบินไทย เปิดเผยว่า จะใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างองค์กร แต่ในระยะเร่งด่วนจะต้องมีผู้รับผิดชอบ เบื้องต้นหลังประชุมแบบไม่เป็นทางการร่วมกับกรรมการและนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่(ดีดี) บริษัทการบินไทย รับฟังรายงานข้อมูลข้อเท็จจริงและสั่งให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตามกฎระเบียบรัฐวิสาหกิจ โดยให้ความสำคัญกับลูกค้า เนื่องจากงานของการบินไทยคือการให้บริการ ส่วนแผนระยะยาว แม้จะมีแผนฟื้นฟูเป็นแผนแม่บทอยู่แล้ว แต่ต้องใช้โอกาสนี้ปรับรื้อใหญ่โครงสร้างสายงาน โดยเฉพาะการปรับปรุงด้านบริการ ต่อไปนี้ให้ถือว่าลูกค้าคือหัวใจ (Customer is King) แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และอาจมีแรงต่อต้าน แต่ตนคิดว่าจำเป็นต้องทำ เพื่ออนาคตของพนักงานและองค์กรการบินไทย
2. นับว่า ประธานกรรมการการบินไทยวางท่าทีและชี้ทิศไปในทางที่ถูกต้อง
“ที่ต้องเน้นก็คืองานบริการ ลูกค้าคือหัวใจ ลูกค้าต้องมาก่อน”
ปัจจุบัน มีสายการบินให้เลือกมากมาย ทำไมลูกค้าจะต้องเลือกใช้บริการของการบินไทย?
นี่คือโจทย์ที่ผู้บริหารการบินไทย และพนักงานการบินไทยทุกคน ทุกฝ่าย จะต้องช่วยกันหาคำตอบผ่านการพัฒนาการทำงานของตนเองต่อไป
ที่ต้องพูดเช่นนี้ ก็เพราะการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่เคยเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศไทย
และยังเชื่อมั่นว่าคนการบินไทยมีศักยภาพที่พร้อมจะต่อสู้ฝ่าฟัน นำความยิ่งใหญ่กลับคืนมาจริงๆ
อยากให้ผู้บริหารการบินไทยเปิดใจรับฟังอดีตลูกค้าประจำของการบินไทยท่านหนึ่ง คือ “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” ท่านบอกว่า “...ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของการบินไทยมา 30 ปี เพิ่งเลิกไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เพราะ
1. ราคาของการบินไทยแพงกว่าสายการบินในกลุ่มตะวันออกกลางมาก
2. ที่นั่งของเครื่องบินการบินไทยแคบ นั่งไม่สบาย ชั้น BC ปรับนอนไม่สบาย
3. อาหารบนเครื่อง portion น้อยมาก และคุณภาพไม่ค่อยดี
4. ขาด signature drink ชามะขาม ก็ไม่สามารถนำไปไกลๆได้เพราะจะเสียง่าย
5. มี destinations น้อย ไม่มีบินไปอเมริกา ตอนที่ไปก็ไปแค่ LA เท่านั้น
6. พนักงานบางคนยังไม่ทิ้งกิริยาของคุณหนู คุณชาย (แต่เป็นส่วนน้อยนะคะ ส่วนใหญ่บริการดีค่ะ)
7. ภาพลักษณ์เรื่องการโกงกินในองค์กรทำให้ brand image ไม่ดี
8. ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทำให้หลายคนพร้อมที่จะซ้ำเติมในยามที่การบินไทยผิดพลาด
ต้องรีบแก้ไขจุดที่เสียเปรียบในการแข่งขันด่วน ผู้โดยสารพูดก็ฟังบ้าง ต้องใช้หลักการของ customer-centric management ในการบริหารธุรกิจถึงจะไปรอด ถ้าไม่ฟังลูกค้า เพราะคิดว่าพวกเขาไม่เก่ง ไม่รู้เรื่องธุรกิจสายการบินก็มีแต่จะเจ๊งค่ะ พวกเขาไม่รู้ธุรกิจสายการบิน แต่เขารู้ว่าเขาจะตัดสินใจเลือกสายการบินอย่างไร และรู้ว่าเขาคาดหวังอะไรจากการใช้บริการของสายการบินค่ะ พูดหลายครั้งแล้ว ฟังบ้างซิคะ ปรับปรุงบ้างซิคะ…”
3. ศึกใหญ่ของการบินไทย อยู่ตรงไหน?
เมื่อเร็วๆ นี้ ดีดีคนใหม่ “สุเมธ ดำรงชัยธรรม” เพิ่งประกาศแผนระยะยาวให้การบินไทยสามารถกลับมามีกำไร จ่ายปันผล หลังจากขาดทุนต่อเนื่อง ผลขาดทุนสะสมกว่า 2 หมื่นล้านบาท
แต่เส้นทางไม่ง่ายๆ แน่ๆ ถ้าดูจากสถานการณ์ข้อเท็จจริง ดังต่อไปนี้
3.1 รายได้หลักของการบินไทยมาจากค่าโดยสาร ในปี 2560 สัดส่วนรายได้ของการบินไทย มาจากค่าโดยสาร 82.7% ค่าขนส่งและไปรษณียภัณฑ์ 10.6% รายได้จากหน่วยธุรกิจและกิจการสนับสนุน 6.3% และรายได้อื่นๆ 0.4%
3.2 ผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง
ปี 2557 ขาดทุน 1.56 หมื่นล้านบาท
ปี 2558 ขาดทุน 1.31 หมื่นล้านบาท
ปี 2559 กำไร 15 ล้านบาท
ปี 2560 ขาดทุน 2 พันล้านบาท
3.3 ระดับรายได้ของการบินไทยทะลุแสนล้านทุกปี แต่ปัญหาที่หมักหมม สะสมเรื่อยมา ทำให้ยากจะพลิกตัว เหมือนปลาตัวใหญ่ที่ถูกก้อนหินทับครีบไว้ หรือปลายหางมีแผล ว่ายน้ำไม่ถนัด
ยกตัวอย่าง
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 การบินไทยมีเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน 105 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินของบริษัท 30 ลำ เครื่องบินภายใต้สัญญาเช่าทางการเงิน (Finance Leases) 36 ลำ และเครื่องบินภายใต้สัญญาเช่าดำเนินงาน (Operating Leases) จำนวน 39 ลำ ทั้งนี้ เครื่องบินภายใต้สัญญาเช่าทางการเงิน จำนวน 36 ลำ มูลค่าตามบัญชี 117,968 ล้านบาท มีภาระผูกพันภายใต้สัญญาเช่าทางการเงิน โดยใช้เครื่องบินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Asset-based Financing) ซึ่งกรรมสิทธิ์ในเครื่องบินจะโอนมาเป็นของบริษัท เมื่อบริษัท ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ และชำระเงินครบถ้วนตามที่ระบุในสัญญาแล้ว
นอกจากนี้ การบินไทยยังได้บันทึกรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องบิน และเครื่องยนต์อะไหล่ในงบกำไรขาดทุน สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 จำนวนเงิน 2,621.96 ล้านบาท ประกอบด้วย ผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องบิน A300-600 จำนวน 1 ลำ A330-300 จำนวน 3 ลำ A340-500 จำนวน 3 ลำ A340-600 จำนวน 6 ลำ B737-400 จำนวน 2 ลำ และ B747-400 จำนวน 2 ลำ รวม 17 ลำ จำนวนเงิน 2,548.69 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการด้อยค่าเครื่องยนต์อะไหล่ TRENT 556 จำนวน 2 เครื่องยนต์ CFM56-3C1 จำนวน 2 เครื่องยนต์ PW4158 จำนวน 4 เครื่องยนต์ รวม 8 เครื่องยนต์ จำนวนเงิน 73.27 ล้านบาท
นี่คือตัวอย่างสะท้อน “กรรมเก่า” ที่ถ่วงการบินไทยมาจนถึงปัจจุบัน
ทั้งการใช้เครื่องบินหลายรุ่น หลายประเภท ทำให้มีต้นทุนการจัดการเพิ่มขึ้น
และปัญหาที่เกิดจากการจัดซื้อเครื่องบินที่หมักหมมมาแต่เดิม ยังตามหลอกหลอนการบินไทยอยู่ แม้ปัจจุบัน เป็นเครื่องบินที่ปลดระวาง จอดรอขาย ต้องด้อยค่ามาโดยตลอด
ถ้าจำได้ สมัยรัฐบาลทักษิณ มีการผลักดันให้จัดซื้อเครื่องบิน A340-500 และ A340-600 เพื่อมาบินตรงเส้นทางข้ามทวีปไปสหรัฐอเมริกา ทั้งหมด 14 ลำ วงเงินลงทุนรวม 96,355 ล้านบาท ผลักดันเส้นทางบินตรงนิวยอร์ก เปิดเที่ยวบินแรก 1 พฤษภาคม 2548 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นขาดทุน แม้จะมีเสียงทักท้วงจากพนักงาน แต่ก็ไม่อาจต้านแรงผลักดันจากฝ่ายการเมืองได้ ในที่สุดก็เจ๊งไม่เป็นท่า ผลขาดทุนรวมเบ็ดเสร็จจากเครื่องบินฝูงนี้ น่าจะหลายหมื่นล้านบาท
ปัจจุบัน จอดไว้ให้ดูต่างหน้าที่สนามบินอู่ตะเภา
ถึงวันนี้ ยังไม่มีการเช็คบิล สะสาง ตรงไปตรงมา
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี