ความพยายามของภาคประชาชนที่เรียกร้องต้องการให้ปลดล็อกกัญชาและพืชกระท่อมเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์ โดยเฉพาะการเยียวยารักษาโรคมะเร็ง โรคพาร์กินสัน โรคลมชัก โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคเครียด โรคซึมเศร้า ได้ขยายตัวไปอย่างกว้างขวาง และมีการตื่นตัวในเรื่องนี้กันทั่วประเทศแล้ว
เหตุที่คนทั้งหลายดิ้นรนเรียกร้องต้องการให้ปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนใช้ในทางการแพทย์ดังกล่าวก็เพราะความจริงได้ปรากฏชัดเจนแล้วว่า วิธีการรักษาด้วยการฉีดคีโมหรือฉายแสงนั้นไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะรักษาโรคมะเร็งให้หายขาดได้ และส่วนใหญ่ก็ตายอย่างทุกข์ทรมาน
ที่สำคัญคือจะตายทางเศรษฐกิจก่อน บ้านใดครอบครัวใดที่มีผู้ป่วยเป็นมะเร็ง 1 คน ก็จะทำให้ทุกคนในครอบครัวนั้นประสบชะตากรรมราวกับเป็นมะเร็งด้วยกันทั้งครอบครัว เพราะจะมีแต่ความเครียด ความวิตกกังวล ความหวาดกลัว และที่สำคัญต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายที่สู้เก็บหอมรอบริบไว้ทั้งชีวิต บางครอบครัวจ่ายกันจนหมดตัว ในที่สุดผู้ป่วยก็ตาย และตายอย่างทุกข์ทรมาน
มิหนำซ้ำ ทำให้ครอบครัวคนอยู่ข้างหลังเป็นภาระต้องชดใช้หนี้สินกระทั่งสิ้นเนื้อประดาตัวหมดอนาคตตามๆ กัน
แต่ถึงกระนั้น พวกคนใจดำ ใจแคบ และเห็นแก่ตัว ก็ยังพยายามผูกมัดให้ประชาชนต้องเดินสู่หนทางแห่งการรักษาแบบนี้ มิหนำซ้ำ มากเรื่องหลายกรณียาหลายประเภทที่ได้ขึ้นตำรับยาให้ใช้อย่างเป็นทางการได้ก่อพิษและอันตรายแก่ชีวิตคนไทยอย่างอำมหิตเลือดเย็น เช่น ยาบางชนิดมีสารก่อมะเร็ง บางชนิดก็ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคไต โรคตับ และโรคหลอดเลือดสารพัดติดตามมา
กว่าจะสำนึกตัวเพิกถอนตำรับยาเหล่านั้น คนไทยก็บริโภคพิษและเป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพกันมากมาย ถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรับผิดชอบในเภทภัยที่เกิดขึ้นจากการขึ้นตำรับยาและต้องเพิกถอนเพราะเป็นยาพิษนั้นเลย
ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากถูกปฏิเสธการให้การรักษา อ้างว่าไม่มีทางรักษาแล้วบ้าง อ้างว่าเข้าสู่ระยะสุดท้ายที่รอเวลาเสียชีวิตเท่านั้นบ้าง และปล่อยให้คนป่วยต้องไปนอนรอความตายอยู่ที่บ้าน โดยไร้การเหลียวแลใดๆ
แต่เป็นวิสัยทุกชีวิตที่ต้องรักชีวิตและดิ้นรนรักษาชีวิตจนถึงที่สุด ดังนั้นอันใดก็ตามที่เชื่อว่าจะบรรเทาเยียวยารักษาความป่วยเจ็บได้ แม้กระทั่งการไหว้จอมปลวก การบนบานศาลกล่าว การดื่มน้ำมนต์ การกินของแปลกๆ และการแสวงหายาที่เชื่อว่าจะช่วยเยียวยารักษาจึงเกิดขึ้นโดยทั่วไป
นั่นเป็นอาการของการดิ้นรนต่อสู้กับความตายเพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอดนานที่สุด ชะตากรรมของคนไทยเป็นอยู่เช่นนั้น
จนกระทั่งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคเกาต์ โรคซึมเศร้า โรคเครียดและอีกสารพัดโรค ทั้งต่างประเทศและในประเทศเป็นที่ยอมรับนับถือและประเทศต่างๆ ก็ได้ปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์ รวมทั้งใช้เพื่อการบันเทิงจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วไปทั้งโลก
คงเป็นเวรกรรมของประเทศไทยของเราที่มีคนจำพวกหนึ่งมีฐานะเป็นผู้วิเศษที่จะคอยชี้ขาดว่าอะไรเป็นยารักษาโรคได้หรือไม่ได้ โดยที่ไม่เคยรับผิดชอบใดๆ และคนกลุ่มนี้แหละที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่ปฏิเสธและขัดขวางการปลดล็อกกัญชาทุกรูปแบบ
ในระยะเริ่มแรก ก็เกิดการรณรงค์ต่อสู้กันในทางความรู้ ความคิดและความเข้าใจว่าประเทศไทยสมควรปลดล็อกกัญชาและพืชกระท่อม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์ได้หรือไม่ การต่อสู้ทางความรู้ความคิดในเรื่องนี้เป็นไปอย่างเข้มข้นดุเดือดเลือดพล่าน
ในที่สุดกระแสแห่งสัจจะก็ย่อมเป็นสัจจะอยู่วันยังค่ำ สถานการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศประกอบขึ้นพร้อมกันยืนยันมั่นคงว่ากัญชาและกระท่อมสามารถทำเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด และหลายประเทศก็ช่วงชิงกันที่จะเป็นที่หนึ่งในการผลิตแปรรูปและส่งออกกัญชาและผลิตภัณฑ์กัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์
ภาคประชาชนไทยก็ตื่นตัวอย่างกว้างขวาง เกิดเครือข่ายต่อสู้ในเรื่องนี้ขึ้นเป็นอันมาก ทำให้ผู้ป่วยและเครือญาติผู้ป่วยทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน และผู้ที่มีน้ำใจเป็นธรรมเห็นแก่ความทุกข์เข็ญของเพื่อนมนุษย์ได้ให้การสนับสนุน จึงก่อเกิดเป็นกระแสเรียกร้องต้องการครั้งใหญ่ที่สุด
ภาคประชาชนเหล่านี้ได้ประกาศเจตนารมณ์และรณรงค์ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศว่า การปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์หรือไม่เรื่องเดียวนี้จะเป็นสิ่งพิสูจน์และชี้ขาดได้ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดเป็นทาสทุนต่างชาติ หรือขายชาติ ทรยศชาติ หรือว่าพิทักษ์รักษาชาติและประชาชน
จึงเกิดการรณรงค์ทางการเมืองที่ขยายไปเป็นวงกว้าง ประกาศเจตนารมณ์ที่จะไม่เลือกพรรคการเมืองใดๆ ที่ไม่มีนโยบายปลดล็อกกัญชาและพืชกระท่อมเพื่อให้ประชาชนใช้ในทางการแพทย์
ผู้มีใจเป็นธรรมมีทั่วไปในแผ่นดิน และได้เห็นความจริงที่มะเร็งนั้นไม่ไว้หน้าใคร แม้กระทั่งผู้มีอำนาจหรือสมาชิก สนช. ก็ป่วยเจ็บและตายด้วยมะเร็งเป็นระยะๆ มโนธรรมสำนึกได้ปลุกเร้าให้เผื่อแผ่เมตตาแก่ประชาชน แล้วนำเสนอกฎหมายให้ปลดล็อกกัญชา และนำโดยนายสมชาย แสวงการ และคณะ
ความจริงมีการเสนอกฎหมายกัญชาอยู่ฉบับหนึ่งแล้ว แต่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนและเหยียบเบรกกันไว้จนเวลาผ่านไปกว่า 6 เดือนแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนั้นก็ไม่ได้ไปถึงไหน ทั้งๆ ที่ได้ซ่อนขวากหนามไว้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชาที่เสนอโดยนายสมชาย แสวงการ และคณะจึงได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้น ดังเช่นการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องนี้ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ปรากฏว่ามีประชาชนมาลงมติออกความเห็นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และผลการรับฟังความเห็นปรากฏว่าร้อยละ 99 เรียกร้องให้ปลดล็อกกัญชาตามร่างกฎหมายฉบับนี้
ในช่วงเดียวกันนั้น ภาคประชาชนซึ่งผิดหวังไร้ที่พึ่งจากการไม่นำพาของผู้มีอำนาจหน้าที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทั้งสี่เครือข่าย คือเครือข่ายผู้ป่วยมะเร็ง เครือข่ายแพทย์แผนไทย เครือข่ายเวชกรรมและเครือข่ายเภสัชกรรม ได้ตั้งตัวแทนขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง ปลดล็อกกัญชาและพืชกระท่อมให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์
คณะผู้แทนดังกล่าวได้เข้าไปยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ณ ศาลาลูกขุนในพระบรมมหาราชวังและรอพึ่งพระบารมี ด้วยความเชื่อมั่นในพระเมตตาคุณ พระมหากรุณาธิคุณ และพระปัญญาทัศนะแห่งพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยได้ถือเป็นที่พึ่งสุดท้ายตลอดมา
ล่าสุดพรรคการเมืองสามพรรคได้ประกาศจุดยืนเรียกร้องให้ปลดล็อกกัญชาและพืชกระท่อม คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคเพื่อไทย
ล่าสุดกว่าล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดปลดล็อกกัญชาให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์ ไม่ว่าจะออกเป็นกฎหมายหรือประกาศหรือคำสั่งใดๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นท่าทีที่สอดคล้องกับความปรารถนาของปวงชน
โอ้พระสยามเทวาธิราชเป็นเจ้า อาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนทุกข์เข็ญทุกหย่อมหญ้า คงจะได้คลายทุกข์ คลายร้อน และสร่างสิ้นทุกข์เข็ญเป็นแน่แท้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี