ตามทฤษฎีว่าด้วยลัทธิสังคมนิยมประชาธิปไตยนั้นยึดถือหลักเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ หลักการสังคมนิยมประชาธิปไตย มีอยู่ว่า การจัดระบบให้คนแต่ละคนได้พัฒนาสมรรถภาพของตนอย่างเต็มที่พร้อมๆ กับเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน ส่งเสริมเสรีภาพเพื่อสร้างความเท่าเทียมของคนในสังคม ประเทศหรือสังคมใดที่ลัทธิสังคมนิยมประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้นั้นในทางปฏิบัติจะใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสมทุนนิยมและการเมืองแบบสังคมนิยม โดยมีหลักการดังนี้ คือ ใช้วิธีการร่วมมือกันระหว่างชนชั้น กล่าวคือ ใช้ระบบสังคมนิยมในทางการเมืองและระบบทุนนิยมในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้เครื่องมือสำคัญของรัฐ คือ การออกกติกาในการแบ่งสรรความมั่งคั่ง ได้แก่ มาตรการด้านภาษีเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำผลกำไรกลับมาลงทุนโดยไม่หักภาษี จะเก็บภาษีเมื่อเอาผลกำไรนั้นมาแบ่งกัน
นโยบายที่เรียกว่าสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า “รัฐสวัสดิการ” ซึ่งหมายความว่าจุดมุ่งหมายของรัฐประเภทนี้ คือ ใช้วิธีการที่เรียกว่า “เฉลี่ยสุข” จุดมุ่งหมายของนโยบายนี้มีสองประการ คือ สร้างความเสมอภาคทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด หมายความว่า พยายามลดชนชั้นในทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด โดยใช้ระบบการประกันความมั่นคงในทางสังคม ได้แก่ การสร้างระบบการช่วยเหลือประชาชนในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่พ้นจากวัยทำงาน การให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนทุกคน การขยายการศึกษาภาคบังคับ การให้การศึกษาโดยไม่คิดมูลค่าแก่ประชาชนทุกคน และการให้การศึกษาตลอดชีวิต ฯลฯ เป็นต้น
อุดมการณ์สังคมนิยมประชาธิปไตยเป็นของทุกคนในสังคม ทุกพรรคการเมืองอาจมีนโยบายในเรื่องนี้คล้ายๆ กัน คือ ทุกพรรคการเมืองอาจยอมรับหลักการรัฐสวัสดิการ ยอมรับนโยบายเฉลี่ยสุข การกระทำใดๆ ก็เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งมวล และของประเทศ ความแตกต่างในนโยบายของพรรคการเมืองแต่ละพรรคอาจแตกต่างกันในรายละเอียดและมาตรการในทางปฏิบัติ
สำหรับประเทศไทยนั้น พรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองที่มีจุดมุ่งหมายที่มีนโยบายที่จะสร้างความสุขให้แก่ประชาชน ที่มีจุดมุ่งหมายทำงานการเมืองเพื่อให้ได้อำนาจรัฐและนำความผาสุกมาสู่ประชาชนก็คงจะยอมรับแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น ยกเว้นพรรคการเมืองที่ต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ที่ลงทุนเพื่อได้อำนาจแล้วเข้ามาถอนทุนบวกกำไร และสร้างสังคมอำมาตยาธิปไตยดังที่ปรากฏตลอดมานับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เรียกว่า“สังคมประชาธิปไตยจอมปลอม”
สรุปรวมความว่า ตราบใดที่สังคมไทยยังถือว่าการทำงานการเมืองก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งเป็นแหล่งทำมาหากินและเป็นการสร้างระบบชนชั้นดังที่ผ่านมา ผลจะทำให้สังคมไทยไม่มีวันหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองดังเช่นที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
สุดท้ายนี้ ใคร่ขอฝากประชาชนชาวไทยทุกคนว่าในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยกำลังเดินทางเข้าสู่แสงสว่างแห่งประชาธิปไตย แม้จะเป็นประชาธิปไตยฟันปลอมก็ตามและมีกลุ่มคนที่รวมตัวกันทำงานการเมืองจำนวนมากเสนอตัวเข้ามาทำงานการเมือง คือ พรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ เมื่อถึงวันเลือกตั้งขอให้ช่วยกันเลือกพรรคที่เป็นตัวแทนของประชาชน โปรดอย่าเลือกพรรคเพราะคำมั่นสัญญาหรืออามิสสินจ้าง ครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่ใช้สิทธิในฐานะเจ้าของประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี