20 ปี ผ่านไป...
ผมกลับไปเยือนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์อีกครั้ง หลังจากที่ครั้งแรก ผมต้องมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและผู้คนท้องถิ่นอย่างไม่ลืมเลือน
ตั้งใจว่าจะได้เปรียบเทียบว่า 20 ปีผ่านมา อะไรได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง เกาะใต้ของนิวซีแลนด์จะยังเป็นดินแดนที่อุดมด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ ผู้คนน่ารัก เป็นมิตร มีระบบที่เอื้อเฟื้อ ต้อนรับอาคันตุกะแดนไกล เหมือนเดิมอยู่หรือไม่?
20 ปีที่แล้ว ผมนำครอบครัวตระเวนขับรถในเกาะใต้ นิวซีแลนด์ 13 วัน ค่ำไหน นอนนั่น ได้ระยะทาง 3,000 กม. ขณะนั้นลูกสาวอายุได้ประมาณ 10 ขวบ ไปครั้งนี้ ลูกสาวคนเดียวของผมเป็นผู้นำการเดินทาง ตั้งแต่ขับรถ เลือกเส้นทาง หาที่พัก อาหาร และอื่นๆ ทั้งหมด ในช่วง 11 วัน ขับรถไป 2,424 กม.
วัฏจักรของชีวิตผันแปรตามกฎแห่งกรรมที่น่าสนใจ
ครั้งนี้ ผมและภรรยาแก่เฒ่ามากขึ้น ลูกสาวจึงเป็นผู้นำทาง เขาเลือกเส้นทางย้อนรอยที่พ่อเคยพาไป เดิมเราเคยวนซ้าย จากไครสต์เชิร์ช มุ่งไปยัง Lake Tekapo เม้าท์คุก ควีนส์ทาวน์ มิวฟอร์ดซาว ฟอล์คการ์เชีย และเมืองตามฝั่งทะเลตะวันตก กลับมาไครสต์เชิร์ช แต่ครั้งนี้ ลูกสาวเลือกเส้นทางกลับวนขวา เริ่มจากฝั่งทะเลตะวันตก จนย้อนเส้นทางเดิม
20 ปีที่แล้ว ผมเป็นคนขับรถ ลูกเป็นผู้ช่วย ฝึกหัดดูแผนที่ มาครั้งนี้ ลูกเป็นคนขับรถ ผมก็ไม่ต้องดูแผนที่กระดาษ เพราะมีระบบ GPS นำทาง จึงสะดวก ปลอดภัย และไม่พลัดหลงทาง
แต่เทคโนโลยีที่ดีขึ้น ก็ทำให้เราขาดการประสาน พูดคุย ติดต่อ ถามทางกับคนพื้นที่ไป เพราะครั้งก่อนจะต้องจอดรถถามทาง และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่มีรูปตัว “i” เพื่อขอแผ่นที่ละเอียด และถามไถ่แหล่งท่องเที่ยวที่ควรจะไปและพักผ่อนเรียนรู้ ไปครั้งนี้ลูกสาวค้นคว้าจาก internet รู้สถานที่ไป แม้กระทั่งที่จอดรถ ร้านอาหาร ก็สะดวก แต่ไม่ได้พบผู้คนชาวนิวซีแลนด์ที่ใจดีมากนัก
ขับรถในนิวซีแลนด์ เขาขับด้านซ้ายเหมือนบ้านเราที่พวกเราคุ้นเคย ใบขับขี่ประเทศไทยที่มีภาษาอังกฤษกำกับก็ใช้ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเสียเงินไปทำใบขับขี่ระหว่างประเทศ พวกเราเช่ารถ SUV ขนาดกลางๆ ยี่ห้อ NISSAN ค่าเช่า
ถูกมาก เพียง 500 กว่าบาทต่อวัน บวกค่าประกันชั้น 1 คุ้มครองเต็มที่อีก 500 กว่าบาท ก็ขับออกถนนที่ไม่ค่อยมีรถได้แล้ว
ความสะดวกสบายอย่างหนึ่งก็คือ การจ่ายเงินเพื่อซื้อของรับประทานอาหาร เพราะราคาที่ติดอยู่กับของหรือรายการอาหารเป็นราคาสุทธิที่เราต้องจ่ายแล้ว ไม่ใช่มาถูกบวก VAT และค่าบริการอีก 10% ทีหลัง และธรรมเนียมการทิปก็ไม่มี พนักงานเขาก็ทำงานเต็มที่โดยไม่รอทิปเหมือนอเมริกา และขณะนี้ลุกลามมาประเทศไทยของเรา
ความจริง ไทยใช้ระบบเก็บภาษี VAT จากผู้ขาย ดังนั้น ราคาขายจึงรวมภาษีเรียบร้อยแล้ว เหมือนๆ กับนิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น แต่แล้วด้วยความอยากได้กำไรของบรรดาโรงแรมของเรา เป็นจุดเริ่มต้นที่ขอบวก VAT 7% จากคนต่างชาติ แล้วค่อยๆ แพร่ขยายมายังร้านอาหารดีๆ ทั่วไป ทั้งๆ ที่ ราคาก็แพง เพราะคิดภาษีที่จะต้องจ่ายรัฐอยู่แล้ว แต่ก็หวังได้เปรียบ แล้วยังบวกค่าบริการ Service Charge อีก 10% ในใบเสร็จอีกด้วย แล้วพนักงานหลายแห่งยังคงคาดหวังจะได้ทิปอีกด้วย
จะด้วยความไม่เข้าใจ หรือโลภมากก็ไม่รู้ จึงอ้างว่า อเมริกาเขาก็ทำ ซึ่งในความเป็นจริง ระบบของอเมริกัน ทางการเขากำหนดชัดว่า เขาเก็บภาษีจากผู้ซื้อ ไม่ใช่ผู้ขาย ราคาที่ร้านค้ากำหนด (ติดอยู่) เป็นราคาที่ผู้ซื้อจะต้องนำไปคำนวณจ่ายภาษีเมื่อเวลาจ่ายเงิน แต่ของไทยเราเก็บภาษีจากผู้ขาย ร้านค้าทั่วไปก็ไม่ได้เอาเปรียบ เว้นแต่โรงแรมร้านอาหารที่ดูหรูจะถือโอกาสเอาทั้ง 2 ด้าน
20 ปี ผ่านไป นิวซีแลนด์เกาะใต้ ยังคงรักษาธรรมชาติ สภาพแวดล้อมได้ดีเยี่ยม อากาศขั้วโลกใต้บริสุทธิ์
ภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำ และป่า ยังงดงาม อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม ต้องชมเชยการอนุรักษ์ดูแลธรรมชาติ แม้จะมีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มมากขึ้นบ้าง แต่ก็มีการจำกัดโซน
เส้นทางเดินป่า ขึ้นเขา ของเขา ได้พัฒนาให้สะดวก และปลอดภัยมาก มีป้ายติดข้อมูลบอกเส้นทางเดิน ระดับความยากง่าย เวลาที่ใช้เดิน (ไปและกลับ) ยิ่งกว่านั้น ยังระบุด้วยว่าเส้นทางใดที่รถเข็นวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุและพิการไปถึงได้ ตลอดจนมีห้องน้ำเป็นระยะๆ ในเส้นทางการเดินด้วย
สถานที่ท่องเที่ยว เรียนรู้ เดินป่าเดินเขาทั้งหมด ไม่เก็บค่าผ่านทางกับทุกคน (ทั้งคนนิวซีแลนด์และคน
ต่างชาติ) รวมทั้งห้องน้ำสาธารณะทุกแห่งก็ไม่มีการเก็บค่าใช้ห้องน้ำ ซึ่งต่างกับประเทศในยุโรปที่ต้องจ่ายสูงสุดถึง 40 บาทต่อครั้ง
ทำให้คิดถึงประเทศของเรา ว่าห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยวก็พัฒนาดีมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ครึ่งของคุณภาพที่พบในนิวซีแลนด์และญี่ปุ่น การเก็บค่าทำความสะอาดเพื่อพัฒนาห้องน้ำให้ดีขึ้น มีมากขึ้น หากเก็บในอัตราไม่โหดร้ายเหมือนในยุโรป คือ ครั้งละ 5 บาท ก็น่าจะทำได้ เพื่อเป็นแหล่งรายได้ของผู้ทำความสะอาด
สิ่งที่ประทับใจอย่างมากในการไปนิวซีแลนด์ คือ คนนิวซีแลนด์ เจ้าของประเทศ ที่เป็นมิตร พูดจาปราศรัย
ช่วยเหลือ ทำให้ได้รับความรู้สึกที่ดี
คงจะคล้ายกับคนไทยส่วนมากที่เรามักจะได้ยินคนต่างชาติชมว่าคนไทยใจดี Friendly ช่วยเหลือ ต้อนรับแขกดี แต่ขณะนี้ประเทศไทยของเราก็เริ่มมีการเอารัดเอาเปรียบ โกงแขกต่างชาติ และมีอาชญากรรม การใช้ความรุนแรงปรากฏให้เห็นมากขึ้น
เดินทาง 11 วัน ในนิวซีแลนด์ ไม่เคยมีคนมาชักชวนให้เข้าร้าน หรือเข้ามาขายของในที่จอดรถ หรือตามถนนทั่วไป ทำให้เรารู้สึกอิสระ เหมือนกับคนพื้นที่เจ้าของบ้าน
ส่วนดีของร้านอาหารทุกร้าน คือ เมื่อเราเข้าไปนั่งโต๊ะทานอาหาร พนักงานจะนำน้ำเย็นใส่ขวดแก้ว พร้อมแก้วน้ำใสสะอาดมาให้ทุกร้าน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางร้านฝานส้มลอยมาในน้ำเย็นให้ได้กลิ่นส้มชื่นใจ บางร้านก็มีเหยือกน้ำ ขวดน้ำ และแก้วใส วางไว้ให้ที่เคานท์เตอร์ ให้บริการตนเองฟรี
ทำให้เรารู้สึกดี คล้ายกับวัฒนธรรมไทยแต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ มีน้ำเย็นออกมาต้อนรับเลี้ยงดู เพื่อแสดงน้ำใจที่พบกัน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นกำหนดกฎเกณฑ์ของทางการให้ทุกร้านทำเช่นนั้น ซึ่งเหมือนกับประเทศอังกฤษ
แต่ของไทยอาจจะต้องคิดทบทวนกลับไปสู่วัฒนธรรมดีงามของเราแต่เดิม เพราะปัจจุบัน เราหวังจะฟันค่าน้ำ กำไรจากน้ำดื่ม ขายให้มันแพงๆ เพราะรู้ว่าน้ำดื่นคือของสำคัญที่อาคันตุกะจะต้องดื่ม จึงโก่งราคาขาย ขวดละ 20-50 บาทก็มี โดยเฉพาะในสนามบินและร้านอาหารบางแห่ง
ผมได้รับคำถามมากจากพรรคพวกเพื่อนฝูง เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านเราว่า การใช้พลาสติกและโฟมของนิวซีแลนด์เป็นอย่างไร? สภาพอากาศในฤดูไหนเป็นอย่างไร? จะต้องเตรียมตัวอย่างไร? มีนักท่องเที่ยวจากจีนที่ส่งเสียงดังมากน้อยแค่ไหน?
อาหารของเขาเป็นอย่างไร? หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาหมึก กุ้ง เนื้อวัว เนื้อแกะ นม ไอศกรีม ของเขาเป็นอย่างไร? และคำถามอื่นๆ
บทความหน้า จะเขียนเล่าให้ฟังครับ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี