ชนเผ่าเป็นปรากฏการณ์ของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์มาแต่โบราณกาล และก็ยังมีหลงเหลืออยู่ในโลกยุคโลกาภิวัตน์แห่งเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ โดยกระจัดกระจายกันไปในซีกโลกต่างๆ ในทุกทวีป ไปจนถึงแถบขั้วโลกเหนือ หลายเผ่าพันธุ์ก็ยังคงยึดมั่นอยู่กับคติความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมอย่างแข็งขัน แต่ส่วนใหญ่ก็จัดได้ว่า ได้ปรับตัวผสมผสานวิถีชีวิตดั้งเดิมกับอารยธรรมร่วมสมัยไปแล้ว
การรวมตัวกันเป็นชนเผ่าในอดีตนั้น โดยทั่วไปแล้ว มักจะมีลักษณะของการมุ่งเข้าหาตัวเป็นหลัก และเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง และไม่ยอมโอนอ่อน จนถึงขั้นชิงดีชิงเด่นกับผู้อยู่นอกเผ่า หรือเผ่าอื่นๆ ซึ่งที่กล่าวมาก็เป็นเรื่องของชนเผ่าโบร่ำโบราณ ซึ่งต่างมีความเฉพาะในเรื่องชาติพันธุ์ ผิวสี การแต่งกาย ที่อยู่อาศัย อาชีพ ความเชื่อถือและขนบธรรมเนียมประเพณี โดยในหลายประเทศ นอกจากรับรองอัตลักษณ์ของชนเผ่าแล้ว ยังมีการส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ และส่งเสริมให้มีที่ยืนในสังคมอย่างสง่างาม และทัดเทียมกันกับพลเมืองส่วนใหญ่
แต่ในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของเรานี้ ก็ยังคงมีการเกิดขึ้นของชนเผ่า หรือก๊กเหล่าแบบใหม่ โดยเป็นการรวมตัวกันตามความเชื่อถือ ตามความสนอกสนใจ ตามผลประโยชน์ร่วม ตามรสนิยม ตามถิ่นฐาน ตามแหล่งที่เรียนรู้ หรือการมีประสบการณ์ร่วมกันบ้าง ซึ่งเมื่อรวมตัวกันแล้ว ก็มักจะมีกฎเกณฑ์กติกา มีประเพณีปฏิบัติ มีจุดยืน ต่อเรื่องหนึ่งใดเป็นการเฉพาะอย่างชัดเจน
ซึ่งการรวมตัวกันเป็นองค์การ ชนเผ่าสมัยใหม่นี้ มักมีขึ้นทั้งเพื่อสาธารณประโยชน์ และเพื่อกลุ่มตนเองเป็นการเฉพาะ โดยบทบาทของชนเผ่าร่วมสมัยนี้อาจจะมีการดำเนินการที่มีผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ในทางสร้างสรรค์ หรือบ่อนทำลายก็ได้ ก่อให้เกิดเห็นความต่าง สร้างความแตกแยก หรือกระชับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันก็ได้
แต่ประเด็นปัญหาของการเป็นองค์การชนเผ่านิยมกันนั้น มักจะโน้มไปในทิศทางของการยกตนข่มท่าน หรือเอาก๊ก หรือเผ่าตนเป็นใหญ่ แล้วคุกคามผู้อื่น เช่น กลุ่มขวาจัดซ้ายจัด หรือสุดโต่ง หัวรุนแรงจัดต่างๆ
ในสังคมไทยที่ผ่านมา ความเป็นชนเผ่า หรือการเป็นหมู่ก๊กเฉพาะ ก็เห็นได้ชัดจากการเป็นเพื่อนร่วมรุ่น (โรงเรียน) ก็จะมีการโยงใยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้กระทั่งชมรมเชียร์ทีมฟุตบอลหนึ่งใด ก็จัดได้ว่าเป็นชนเผ่าอย่างหนึ่ง หรือการจัดตั้งสมาคมท้องถิ่น(คนบ้านเดียวกัน) ก็ต้องช่วยเหลือดูแลกัน หรือองค์การอิงศาสนา และหรือองค์การของผู้เคยมีกิจการหนึ่งใดร่วมกันมา เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็ยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ก็มาตั้งเวทีร่วมกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์และมีฐานันดรในสังคม
ทั้งหมดนี้ก็จะมีกฎเกณฑ์ ประเพณีปฏิบัติและความเชื่อถือเฉพาะของตน และร่วมกันทำการหนึ่งใดอย่างพร้อมเพรียง เป็นเสมือนการนับถือศาสนา หรือการมีความเชื่อถือร่วมกันอย่างศักดิ์สิทธิ์
พฤติกรรมของชนเผ่าร่วมสมัย ที่มีพื้นฐานจากการยึดมั่น ถือมั่น และความรู้สึก “เหนือกว่า” ก็จะมุ่งเอาชนะ เพื่อทำตามแต่ใจตนเอง โดยมักจะลืมไปว่า สังคมนั้นมีความหลากหลาย และมนุษย์ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ท่ามกลางความหลากหลายนั้น ด้วยการยอมรับซึ่งกันและกัน และคิดถึงส่วนรวมเป็นหลัก
ชนเผ่าร่วมสมัยที่โดดเด่นเป็นสง่า และทรงพลัง ก็คือ เผ่า จปร. ที่มีความคิดและความเชื่อว่า เผ่าข้าเท่านั้นที่ต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และเหตุนี้เผ่านี้จึงมักจะเป็นอุปสรรคต่อสังคมไทยที่มีเผ่าเดียว คือ เผ่าไท
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี