คำพิพากษาศาลฎีกา ถือเป็นที่สุด ทุกฝ่ายต้องเคารพ
1. เมื่อวานนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1626/2557 จำเลย คือ นายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ หรือที่รู้จักกันในนาม “มือปืนป๊อปคอร์น” โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 37 ปี 4 เดือน
2. คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2559 ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน
จำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่า คดีนี้โจทก์มีพนักงานสอบสวน ได้สืบสวนทราบว่ามีคนร้ายเกี่ยวข้องกับการยิงรวม 21 คน ในจำนวนนี้มีนายวิวัฒน์รวมอยู่ด้วย ตามที่ปรากฏในภาพนิ่งที่เห็นชายชุดดำ ในสถานที่และเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุหลายรูป แม้โจทก์จะมีเทปภาพเคลื่อนไหวและภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ แต่ฝ่ายโจทก์ไม่นำสืบและนำตัวผู้ถ่ายหรือนำประจักษ์พยานมาเบิกความประกอบให้เห็นถึงความเกี่ยวข้อง หลักฐานที่มีไม่อาจยืนยันว่าเป็นตัวจำเลย มีเพียงคำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ซึ่งมีพิรุธเคลือบแคลงสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย จึงพิพากษายกฟ้อง
แต่ให้คุมขังไว้ระหว่างฎีกา
ล่าสุด ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบแล้ว เฉพาะในส่วนของประเด็นว่าจำเลยเป็นผู้ยิงหรือไม่นั้น บางตอนบอกว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ตรวจสอบอาวุธปืน ระบุว่าตามภาพที่ปรากฎเห็นลำกล้องอาวุธปืนโผล่มาจากถุงกระสอบข้าวโพด ก็น่าจะเป็นอาวุธปืนยาวเอ็ม 16 หรือ เอเค หรือปืนกลมือ ซึ่งเป็นอาวุธปืนสงครามที่มีอานุภาพร้ายแรง โดยที่เกิดเหตุก็พบปลอกกระสุน ซึ่งมีการบันทึกไว้เป็นพยานหลักฐาน นอกจากนี้ ก็มีผู้ที่เห็นเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุเบิกความว่าระหว่างที่มีการปะทะกัน เห็นชายสวมชุดสีดำที่อยู่ด้านหลังแท่งปูนแบริเออร์ บริเวณสัญญาณไฟจราจร ใกล้แยกหลักสี่ ซึ่งมีการยิงใส่อีกกลุ่มที่บริเวณไอทีสแควร์ ซึ่งแม้ไม่ปรากฏชัดว่าบุคคลใดเป็นผู้ยิง แต่การที่จำเลยกับพวกร่วมกันก็มีเจตนาร่วม การใช้อาวุธปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง ก็ย่อมเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยยกฟ้อง จากเหตุแห่งการยกประโยชน์แห่งความสงสัยยังคลาดเคลื่อนไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา จึงพิพากษากลับให้จำคุกจำเลยตามคำพิพากษาศาล
ชั้นต้น เป็นเวลา 37 ปี 4 เดือน
เมื่อวานนี้ จำเลยถูกเบิกตัวมาฟังคำพิพากษา ก่อนคุมตัวกลับเข้าเรือนจำรับโทษตามกฎหมาย
3. เรื่องในทางคดี ทุกฝ่ายต้องเคารพคำพิพากษาของศาล และใช้สิทธิในทางกฎหมายตามขั้นตอนและกระบวนการที่ถูกต้องต่อไป
แต่ที่น่าสนใจ และอยากจะเพิ่มเติมไว้ ณ ที่นี้ คือ เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จึงขอเพิ่มเติมรายละเอียดเหตุการณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ต่อสู้ในสำนวนคดีข้างต้น
แต่เป็นตำนานในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
จำได้ว่า ในวันเกิดเหตุนั้น วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557
ราวๆ บ่ายโมงวันนั้น ปรากฏว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวกัน บริเวณวัดหลักสี่
แดงฮาร์ดคอร์ตัวพ่อ คือ ‘โกตี๋’ หรือนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำ ประกาศว่า พรุ่งนี้เขตหลักสี่จะต้องมีการเลือกตั้ง (ขณะนั้นยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา กำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557)
ประกาศจะเด็ดหัว “ไอ้อิสระ”
ประกาศชัด ว่าตนเองมีกองกำลังพร้อม
ต่อมา ได้มอบให้ลูกน้องนำมวลชนแทน
วันนั้น กลุ่ม กปปส. นำโดยพระพุทธะอิสระ ไปชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้งที่หลักสี่ และมีกลุ่ม กปปส.เคลื่อนจากสี่แยกลาดพร้าวจะมาสมทบ
ปรากฏว่า เมื่อกลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนมาที่หลักสี่แล้ว จวนเจียนปะทะกันกับกลุ่ม กปปส. เริ่มมีการขว้างปา และรุนแรงขึ้น เริ่มมีการทุบรถ สถานการณ์ตึงเครียดมาก โดยเฉพาะเมื่อกองกำลังของโกตี๋ประกาศกร้าวไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะเด็ดหัวไอ้อิสระให้ได้
ทันใดนั้นเอง มือปืนป๊อปคอร์นก็ปรากฏตัว และยิงสกัดฝ่ายลูกน้องโกตี๋
เพราะถ้าตั้งใจจะฆ่าให้หมด คงจะมีคนตายจำนวนมาก
เหตุการณ์นี้ “เสธ.น้ำเงิน” เคยเขียนบันทึกถึงตำนานป๊อปคอร์นไว้หลังเหตุการณ์ไม่นานว่า
“ผ่า..ยุทธการพยัคฆ์หักเขี้ยวหมาขี้เรื้อน สู่ “นักรบถุงป๊อปคอร์น”
เมื่อแผนการชั่วต่างๆ ของรัฐแดงถูกแฉ หักหน้า และตอบโต้ ครั้งแล้วครั้งเล่า ชนิดไม่เว้นแต่ละวัน ช่างเป็นเสมือนหอกแหลมที่ “แทงข้างหลัง ทะลุถึงหัวใจ” ของระบอบชั่วอั้งยี่รัฐแดง ที่คิดคดทรยศกับพ่อผู้ซึ่งคนไทยเทิดทูน ทั้งยังคิดเข้าข้างพวกเดียวกันเองว่า การชนะเลือกตั้ง (ขี้โกง) คือ ใบอนุญาตให้สัมปทานประเทศ โกงอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา ประชาชนทั่วสารทิศทุกเพศทุกวัย ทุกศาสนา ทุกอาชีพ ไม่เว้นแม่ชาวนา ที่เป็นสันหลังอาชีพของประเทศมานานกว่า 700 ปี มาไล่ ปูเน่าก็กอดเก้าอี้ผุๆ ไว้แน่น ไม่ยอมลาออกเพียงเพื่อกอดรักษาอำนาจของตัวเองไว้ให้นานที่สุด
ต่อมา ถึงกับใช้ยุทธศาสตร์ “เช้าขู่ฆ่า – บ่ายฆ่าจริง – ค่ำจุดเทียน –ดึกลอบโจมตี” จ้างฮาร์ดคอร์ป่วนม็อบประชาชนทั้งกลางวันและกลางคืน โดยอนุมัติค่าจ้างป่วนหลักพันล้าน ให้ชายชุดดำฝ่ายชั่ว ร่วมกับ ลูกสมุนกองโจรแดงตกมันฮาร์ดคอร์กองกำลังติดอาวุธ ไม่เว้นแม้กระทั่งเอากองกำลังเขมรการ์ดฮุนเซ็น ที่ลักลอบนำเข้ามา เหมือนนำเข้าเชื้อโรคร้ายเข้าสู่ร่างกาย พร้อมลำเลียงสารพัดอาวุธสงครามร้ายแรง ทั้งหนักและเบานำเข้ากรุงเทพฯ มาโจมตีทำร้ายประชาชนของตนเอง ทั้งขว้างระเบิดร้ายแรง, ยิง M79, ปาประทัดยักษ์, ลอบยิงด้วยปืน ฯลฯ สร้างความเดือดร้อนไปทั่วกรุงเทพฯ จนมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก...
วันที่ 1 ก.พ.2557 เมื่อคราการปะทะที่หลักสี่ มวลชน กปปส.ถูกลอบยิงและปาระเบิดจากแก๊งอั้งยี่โกตี๋ก่อน ชายไร้สีนิรนามจึงต้องยอมเผยโฉมสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก ยอมเสี่ยงให้เห็นเป็นผู้ร้าย นั่นเพราะข้างหลังพวกเขา คือ พระ ผู้ชุมนุมที่บริสุทธิ์ มีทั้งคนแก่ ผู้หญิง และเด็ก ทั้งในขบวนบนถนน และในวัดหลักสี่ จึงปรากฏภาพของ “นักรบถุงป๊อปคอร์น” ออกมาต่อกรกับกองโจรแดงแบบถึงพริกถึงขิง ตามยุทธการ “พยัคฆ์หักเขี้ยวหมาขี้เรื้อน” จนเตลิดเปิดเปิงหางจุกตูดเจ็บระนาวไป
ถ้าวันนั้นไม่มีพวกเขาเหล่านักรบกล้า ประชาชนอาจเสียชีวิต บาดเจ็บ อีกนับไม่ถ้วน จากแผนจงใจสร้างสถานการณ์โจมตีของรัฐอั้งยี่แดง ประชาชนมือเปล่า จะไปสู้อะไรได้กับพวกอันธพาลเกเรพวกนี้ ขอให้ประชาชนรู้ไว้เถิดว่า“ถึงคนอื่นจะทิ้งคุณไป..แต่ ชาย 3 สี และชายชุดดำไทย ..ฝ่ายดี..ไม่เคยทิ้งคุณ”
เราไม่รังแกใคร ไม่ก่อกวนใครก่อน แต่ถ้าใครรังแกเรา และประชาชน เราจะต้องสู้เพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น… ใครไม่กล้าหลบไป “นักรบถุงป๊อปคอร์น” จะช่วยคุ้มครอง ชาติ ราชบัลลังก์ของพ่อ และประชาชน ให้ระบือลั่นโลกเอง
4.มวลชนที่เชียร์ “มือปืนป๊อปคอร์น” พึงตระหนักว่า ศาลได้ทำหน้าที่พิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย
เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับข้อหาที่มีการฟ้องร้องกันเท่านั้น
ส่วนเรื่องนอกสำนวนคดี ที่มา-ที่ไปของเหตุการณ์การเมือง ไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของศาล
ตำนาน ก็คือตำนาน
หลังจากนี้ การดำเนินการช่วยเหลือ ก็พึงเป็นไปตามขั้นตอนและช่องทางที่มีอยู่ ทำได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นสิทธิในฐานะประชาชนทั่วไป เช่นเดียวกันทุกฝ่าย
ขณะที่ประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ควรกลับไปตกอยู่ในสถานการณ์ที่คนไทยต้องจับอาวุธขึ้นมาต่อสู้กัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ อีกแล้ว
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี