การที่มีข่าวว่ามีการเสนอจากทหารเกณฑ์ที่เพิ่งพ้นจากสภาพทหารเกณฑ์สดๆ เสนอให้เลิกระบบเกณฑ์ทหารและใช้ระบบสมัครใจแทน โดยให้เหตุผลว่า จะเป็นการเพิ่มคุณภาพของพลทหารและตอบโจทย์ความมั่นคงของชาติในโลกยุคใหม่ เป็นเรื่องที่ผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ควรจะรับฟังด้วยความระมัดระวัง เพราะผู้เสนอเป็นผู้ที่มีประสบการณ์จากการใช้ชีวิตทหารเกณฑ์มาสดๆ ร้อน แม้จะไม่ใช่บุคคลแรกที่มาจากผู้ได้รับการศึกษาสูงที่ผ่านประสบการณ์ในการใช้ชีวิตทหารเกณฑ์ในชั่วระยะเวลาอันไม่นานนักเพราะสมัครเข้ารับราชการทหารด้วยความสมัครใจ
อย่างไรก็ดี ระบบการเข้ารับราชการทหารที่ใช้อยู่ในประเทศไทยมีมานานเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ชายไทยทุกคนเมื่อถึงวัยฉกรรจ์ คือ อายุครบ 20 ปี จะต้องเป็นทหารรับใช้ชาติ แต่มีข้อยกเว้นในบางกรณีถ้ากำลังศึกษาและศึกษาวิชาทหารแล้ว หรือกำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศก็จะได้รับการยกเว้นจนกว่าจะจบการศึกษาก็ต้องกลับเข้าสู่การเป็นทหารรับใช้ชาติ ยกเว้นถ้าสภาพร่างกายไม่เข้าเกณฑ์ หรือในกรณีที่ในวาระถูกเกณฑ์แล้วมีผู้สมัครใจรับราชการทหารมากกว่าจำนวนผู้ที่ถูกเกณฑ์จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องรับราชการทหารจึงมีสถานะเป็นทหารกองเกิน วาระที่มีการเกณฑ์ทหารในทางปฏิบัติจะมีการวิ่งเต้นเสียเงินทองเพื่อไม่ต้องเป็นทหาร มีเรื่องปรากฏในทุกฤดูการเกณฑ์ทหาร
นอกจากนี้ การเกณฑ์ทหารโดยปกติถ้าคนได้ถูกเกณฑ์ทหารจะต้องรับราชการในระยะเวลา 2 ปี แต่ถ้าผู้ถูกเกณฑ์สมัครใจเป็นทหารโดยไม่ต้องถูกเกณฑ์จะได้รับลดหย่อนในการรับราชการทหารเพียง 6 เดือน เท่านั้น ทั้งผู้ถูกเกณฑ์และผู้สมัครถ้าเป็นทหารจะมีฐานะเป็นพลทหาร และเมื่อเป็นพลทหารแล้วยังมีการวิ่งเต้นเป็นพลทหารรับใช้ หมายถึงไปทำงานที่บ้านนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะได้รับความสะดวกสบายกว่าที่จะอยู่ในกรม กอง สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเมื่อถึงวาระในการเกณฑ์ทหารทุกปี ชายฉกรรจ์ที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีจะหาทางที่ไม่ต้องเป็นทหารหรือเป็นทหารในระยะเวลาอันสั้น แต่ถ้ามาจากครอบครัวที่มีฐานะไม่ดีอาจจะภูมิใจที่เป็นทหารรับใช้ชาติโดยความสมัครใจ เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของเขากับการเป็นทหารไม่แตกต่าง ส่วนชายฉกรรจ์ที่จบการศึกษาขั้นสูงถ้าสมัครเข้ารับราชการทหารก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นว่าที่นายทหารสัญญาบัตร ซึ่งบางคนเมื่อพ้นระยะเวลาที่ทางราชการกำหนดจะปลดประจำการเป็นทหารกองหนุน สามารถสมัครรับราชการต่อเป็นทหารอาชีพ
ที่กล่าวมาทั้งหมด คือ สภาวการเกณฑ์ทหารที่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส่วนข้อเสนอใหม่จากอดีตทหารเกณฑ์ที่เพิ่งพ้นจากการสมัครรับราชการเป็นพลทหารตามกติกา คือ พลทหารพริษฐ์ วัชรสินธุ ซึ่งมีภูมิหลังเป็นผู้สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ มีข้อเสนอเปลี่ยนระบบการรับราชการทหาร จากระบบเกณฑ์มาเป็นระบบสมัครใจ โดยมีข้อเสนอและเงื่อนไข ดังนี้
1.ทำอย่างไรจะต้องทำให้กองทัพมีกำลังทหารเพียงพอสำหรับปฏิบัติหน้าที่หลักในการป้องกันประเทศ ซึ่งต้องมาจาก
1.1 การประเมินและลดยอดพลทหารที่ไม่จำเป็นต่อความมั่นคง ซึ่งไม่ใช่หน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวกับทหาร เช่นพลทหารรับใช้ ฯลฯ เป็นต้น
1.2 เพิ่มคุณภาพชีวิตพลทหารให้อาชีพทหารเป็นทหารจริงๆ และมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม มีสวัสดิการที่ดึงดูดใจ เลิกประเพณีการปฏิบัติต่อพลทหารดังที่เคยปฏิบัติ
2.ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องถึงการปฏิรูปนี้จะเป็นผลดีต่อทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องและเป็นผลประโยชน์ของชาติ โดยเฉพาะผู้มีอาชีพการเป็นทหารทุกระดับ หมายถึง
ทำให้อำนาจนิยมหมดไปจากกองทัพของชาติ เป็นดังสุภาษิตที่ว่า “ประเทศเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว” ฉะนั้น บ้านจะดีอย่างไร ถ้ารั้วไม่แข็งแรง ก็ไม่มีความปลอดภัย แล้วผู้อยู่อาศัยจะมีความสุขอย่างไร
สรุปรวมความว่า ข้อเสนอเบื้องต้นดังกล่าว ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบควรนำเอาไปพิจารณาปรับปรุงหรือไม่เพียงใด โดยพิจารณาจากสถานการณ์ของสังคมที่เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายต้องคำนึงว่า ทหารทุกคนเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นของประเทศชาติและประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี