ในขณะที่ทุกองคาพยพการเมืองไทย กำลังเร่งเคลื่อนไหวเพื่อให้ทันการเลือกตั้งในต้นปีหน้า แต่ทุกคนลืมไปว่าเลือกตั้งแล้วไม่รู้จะประชุมกันที่ไหน เพราะการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่จะแล้วเสร็จให้ใช้ประชุมได้ก็เดือนมิถุนายน ดังนั้นถ้าเลือกตั้งเดือนพ.ค.ก็ไม่เป็นไร เพราะเลือกตั้งตอนไหนก็ได้เหล้าเก่าในขวดใหม่ คือได้อำนาจนิยมอิงประชานิยมกลับมา ดังที่สื่อและนักวิชาการ
คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
นายโจชัว เคอร์แลนต์ซิก นักวิชาการด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือ ซีเอฟอาร์ (Council of foreign relations=CFR) สรุปรายงานของสื่อมวลชนทั่วโลกไว้ในหัวข้อ “ประชานิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แตกต่างที่แฝงไว้ด้วยอันตรายว่า..” อาเซียนเติบโตอย่างก้าวกระโดดแต่ประชาธิปไตยเปราะบางอ่อนไหวต่ออำนาจนิยมอิงประชานิยม ที่ถูกผลักดันให้เกิดขึ้นจากความกังวลเรื่องอาชญากรรม และความล้มเหลวของรัฐบาลเลือกตั้งเสรีประชาธิปไตย
รายงานบรรยายว่า ขณะที่ประชานิยมกวาดชัยชนะทั่วยุโรป อเมริกาเหนือ และล่าสุดในประเทศบราซิล อำนาจอิงประชานิยมกำลังคืบหน้าในอาเซียนเช่นกันในกลุ่มประเทศในอาเซียน ผู้นำอำนาจนิยมที่อิงประชานิยม ทั้งผู้ที่อยู่ในอำนาจและผู้ที่พยายามเข้าสู่อำนาจ ได้ใช้ยุทธศาสตร์เดียวกัน คือวางบทบาทให้ตัวเองเป็นผู้สามารถแก้ปัญหาที่รัฐบาลเสรีประชาธิปไตยทำไม่ได้ โดยใช้วิธีการรุนแรงเฉียบขาดกับอาชญากร แก้ปัญหาสังคมโดยใช้อำนาจพิเศษ เช่น ม.44 อำนาจนิยมอิงประชานิยมในอาเซียนจึงแตกต่างจากภูมิภาคอื่น
ฟิลิปปินส์กับไทย 2 ใน 6 ประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีรัฐบาลอำนาจนิยมอิงประชานิยมแล้ว อินโดนีเซียกำลังจะเป็นประเทศที่สาม คาดว่าหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้า จะมีผู้นำอำนาจนิยมโผล่หน้ามาทำให้ประชาธิปไตยเสื่อมถอยลงไปอีก ประชานิยมในฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อินโดนีเซีย “แตกต่างกับแนวทางประชานิยมในยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่ทำให้ผู้อพยพลดน้อยลง เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจเสื่อมถอย..” แต่ในอาเซียนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังเข้มแข็ง การอพยพจึงไม่ใช่ประเด็นนำทางการเมือง เพราะฟิลิปปินส์มีพลเมืองไปทำงานในต่างประเทศมากกว่าประเทศอื่นๆ
อำนาจอิงประชานิยม ในอาเซียนจึงเน้นไปที่ การระบาดของยาเสพติด ความแตกแยกเชื้อชาติ และการเอาใจคนชั้นแรงงานกับคนชั้นกลางที่เบื่อหน่ายการปกครองเสรีประชาธิปไตย เพราะคนส่วนใหญ่ “ไม่เชื่อว่าเสรีประชาธิปไตยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาอาชญากรรม และทำให้บริการของรัฐไม่มีประสิทธิภาพได้” ในอาเซียน มีบ่อยครั้งที่รัฐบาลประชาธิปไตยทำลายสถาบันและขบวนประชาธิปไตยเสียเอง บางประเทศมีพรรคการเมืองไม่ได้เป็นแบบอย่างของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้บางประเทศประชาธิปไตยก้าวหน้า แต่ก็ด้อยกว่ายุโรป และอเมริกาเหนือ เพราะพรรคการเมืองในอาเซียนถูกครอบงำโดยระบบอุปถัมภ์ พรรคการเมืองถูกครอบงำโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
ความอ่อนแอของพรรคการเมืองในเอเซียน ทำให้ง่ายต่อการแทรกตัวเข้ามาของอำนาจนิยม พรรคการเมืองที่ชัยชนะเลือกตั้งเข้ามาควบคุม ครอบงำสถาบันต่างๆของรัฐ และใช้อำนาจโดยมิชอบ ที่น่าสังเกตหลังชนะเลือกตั้งในปี 2559 ประธานาธิบดีดูเตอร์เต ได้ทำลายระบบการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ และเพิ่มอำนาจเด็ดขาดให้กับตัวเองในวงกว้างนายดูเตอร์เต กำกับการทำสงครามยาเสพติดอย่างโหดเหี้ยมที่สังหารผู้คนไปแล้วกว่า 12,000 ศพ* ส่วนใหญ่เป็นวิสามัญฆาตกรรม (*สถิติของฮิวแมนไรท์วอทช์)
ที่น่าสนใจ มาตรการโหดเหี้ยมและวาจาโผงผางของนายดูเตอร์เต เป็นที่ถูกใจและได้รับการสนับสนุนจากคนชั้นกลางที่เบื่อหน่ายความล้มเหลวในการแก้ปัญหาของรัฐบาลเสรีประชาธิปไตยในอดีต ชาวฟิลิปปินส์ก็เหมือนกับคนชั้นสูงและคนชั้นกลางทั่วไปในเอเซียน ที่เบื่อหน่ายรัฐบาลเสรีประชาธิปไตย
อย่างไรก็ตาม ยังมีความขัดแย้งกันในหมู่คนชั้นสูง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนร่ำรวยมากกว่ามองหาลู่ทางเปลี่ยนผู้นำใหม่ โดยปกติพวกเขากวาดสายตาไปที่ผู้มีอำนาจสูงสุด ที่เรียกกันว่า “บุรุษเหล็ก” อาทิ ผู้บัญชาการทหาร เพราะเชื่อว่าบุรุษเหล็กสามารถใช้อำนาจพิเศษ แก้ปัญหาหมักหมมได้ดีกว่า หรือถ้าเสรีนิยมประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้ง แล้วมีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงคนชั้นสูงหรือคนรวยกว่า พวกเขาก็จะตอบโต้ด้วยการหาบุรุษเหล็กมายึดอำนาจดังตัวอย่างในฟิลิปปินส์และประเทศไทย
ยังมีอีกสามประเทศในอาเซียนที่ต้องจับตามอง การเพิ่มขึ้นของอำนาจนิยมอิงประชานิยม ประเทศไทยกับพม่าซึ่งมีประวัติการปกครองโดยอำนาจนิยมยาวนานและมีความเชื่ออย่างแพร่หลาย ว่าเสรีประชาธิปไตยไม่ทำให้การพัฒนาก้าวหน้า ประเทศอินโดนีเซีย เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดในการพัฒนาประชาธิปไตยในสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีปีหน้าประธานาธิบดีโจโกวี จะถูกท้าทายทั้งภายในและต่างประเทศ
เหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามิในสุลาเวสี ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความบกพร่องในการรับมืออุบัติภัยจากธรรมชาติ ถึงแม้ว่าอินโดนีเซียเคยถูกสึนามิถล่มทำลายพินาศมาก่อน นอกจากนั้นชาวอินโดนีเซีย เริ่มมีความกังวลมากขึ้นจากภาวะค่าเงินตกต่ำ การเทขายเงินตราได้มีคำถามถึงความสามารถและเครดิตเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด และการตื่นตระหนกในภาวะเศรษฐกิจถดถอย ค่าเงินตกต่ำสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ พลโทพราโบโว สุเบียนโต นายทหารนอกราชการที่แพ้เลือกตั้งครั้งที่แล้ว คู่แข่งคนสำคัญของนายโจโกวี จึงอยู่ในฐานะได้เปรียบทางการเมือง นายสุเบียนโต นักการเมืองขวาจัดที่เหยียดหยามอินโดนีเซียเชื้อสายจีน และไม่สนใจในหลักการพื้นฐานประชาธิปไตย
ประเทศพม่า ที่รัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของนางออง ซาน ซู จี ไม่ได้ทำตามสัญญาที่นำพาประเทศสู่ประชาธิปไตย ทหารยังคงเป็นตัวแสดงสำคัญและมีอำนาจสูงสุด นางออง ซาน ซู จี ถูกคณะสอบสวนของยูเอ็น ตำหนิว่า ไม่มีคุณธรรมพอที่จะหยุดยั้งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรัฐยะไข่ กลุ่มชาติพันธุ์หลากหลายอาจถอนตัวจากพรรคสันนิบาตประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ในการเลือกตั้ง
ครั้งหน้า ความอดทนประชาคมนานาชาติที่มีน้อยลงทุกขณะต่อความรุนแรงกับโรฮีนจาและชนเผ่าอื่นๆ ประกอบกับเอ็นแอลดี ล้มเหลวในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ อาจเป็นแนวทางให้ทหารถอดเครื่องแบบและเริ่มแผนการอำนาจนิยมอิงประชานิยม เช่นเดียวกับที่กลุ่มฝ่ายขวาจัดรณรงค์ให้กองทัพหนุนหลังนายทหารนอกราชการ เหมือนกับสถานการณ์ในบราซิลที่นาย Jair Bolsonaro ได้รับการเลือกตั้ง เร็วๆ นี้
ประเทศไทยที่มีฐานเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอินโดนีเซีย การปกครองในแบบเสรีประชาธิปไตยเปราะบางและอ่อนไหวภายใต้การคุกคามของอำนาจนิยมอิงประชานิยม สองทศวรรษที่ผ่านมารัฐบาลประชาธิปไตยอำนาจนิยมที่คุกคามต่อความมั่นคงของคนชั้นสูงและคนชั้นกลาง มักถูกตอบโต้ล้มล้างด้วยผู้นำทหารผ่านโดยการยึดอำนาจ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้นำรัฐบาลอำนาจนิยมอิงประชานิยม ที่ทุ่มงบประมาณประชานิยมครั้งมโหฬารที่สุดในประเทศไทย ทำให้ชนะใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ในชนบท แต่ความโหดเหี้ยมในอำนาจนิยมที่เขาทำสงครามยาเสพติดทำให้มีคนตายกว่า 2,500 ศพ เป็นรอยด่างพร้อยที่ยังลบล้างไม่ได้
รัฐบาลอำนาจนิยมอิงประชานิยมของนายทักษิณถูกโค่นล้มโดยการยึดอำนาจในปี 2549 แต่หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาพรรคการเมืองของเขาชนะเลือกตั้งทุกครั้ง ในปี 2557 พลเอกประยุทธ์ จันโอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้นยึดอำนาจจากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวและเป็นหุ่นเชิดที่นายทักษิณไว้ใจมากที่สุด หลังจากยึดอำนาจพลเอกประยุทธ์ ใช้อำนาจนิยมอิงประชานิยม สร้างความสงบขึ้นในบ้านเมืองที่ตกอยู่ในภาวะมิคสัญญีมานานหลายปี จนเป็นที่ถูกใจของคนชั้นกลางและคนชั้นสูงซึ่งเบื่อหน่ายประชาธิปไตยเสรี ซึ่งมีแต่ความวุ่นวาย ความกลัวและเบื่อหน่ายต่อการปกครองเสรีประชาธิปไตย ได้เพิ่มความชอบธรรมให้ฝ่ายอำนาจนิยมในการปกครองประเทศตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมา
พลเอกประยุทธ์สัญญา ว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งในปีหน้า การเลือกตั้งในขณะที่ความนิยมในพรรคการเมืองในเครือข่ายนายทักษิณยังไม่เสื่อมคลาย พรรคการเมืองฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ก็ทำทุกวิถีทางให้ชนะเลือกตั้งให้ได้ แต่ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะเลือกตั้ง “อำนาจนิยมอิงประชานิยมก็ถูกนำมาใช้” และนี้คือกงจักรอุบาทว์ตัวใหม่ที่ฝังกลบเสรีประชาธิปไตยได้อย่างถาวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี