มองบ้านเมืองของเราขณะนี้แล้วบอกได้ว่า ดูจะทรุดลงทุกด้าน เพราะคนที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารจัดการทำงานกันไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราว รวมทั้งไม่ค่อยรับฟังความเห็นของคนอื่น นอกจากพวกของตัวและคนของตัว
เข้าปีที่ห้าของการได้อำนาจมาใช้จากปากกระบอกปืน เป็นห้าปีที่ทำงานกันอย่าง “พลาดเป้า พลาดโอกาส” อย่างน่าเสียดาย ประชาชนในระดับฐานรากข้างล่างและประชาชนในระดับกลาง ยังดำรงชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก ทำมาหากินกันไม่ค่อยจะได้ผล
บ้านเมืองกำลังวกกลับวงจรเดิมๆที่เคยผ่านมา คือ “ปฏิบัติรัฐประหาร เลือกตั้ง ตั้งรัฐบาล แล้วปฏิวัติรัฐประหาร” กันอีก เหมือนพายเรือในอ่าง วนไปวนมา
“ผลประโยชน์แห่งชาติ” ของส่วนรวม ถูกคนกลุ่มน้อยที่เป็นเศรษฐี นายทุน ครอบงำเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะทิศทางของเศรษฐกิจขณะนี้อยู่ในมือของกลุ่มทุนรายใหญ่ ให้น้ำหนักโครงการขนาดใหญ่หมื่นล้านแสนล้านบาท เป็นที่ตั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวถ้ายังทำงานกันด้วยฝีมือโหลยโท่ยอย่างนี้ จะเป็นการสร้างภาระหนี้สินในอนาคตให้กับบ้านเมือง
กลุ่มทุนรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ที่ควบคุมเศรษฐกิจสาขาใหญ่ๆ ที่สำคัญได้แก่ ระบบผลิตอาหารเกษตรกรรม ระบบที่อยู่อาศัย บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ระบบการเงิน การธนาคาร ระบบค้าปลีก ค้าส่ง และระบบพลังงาน เป็นต้น
คนเดินดินที่กินข้าวแกง ต้องกินอาหารราคาแพง กำลังซื้อของคนระดับล่าง และระดับกลาง ย่ำแย่ลงไปอีกหลังรัฐประหาร
ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย ขยายตัวมากขึ้น ตามมาด้วยการทุจริตคดโกงในรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้นจากคนมีอำนาจหน้าที่ในการทำงาน
ในปี พ.ศ.2557 ที่เกิดรัฐประหารครั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำของไทยติดอันดับ 6 ของโลก แต่ในขณะนี้แย่ลงอีกเพราะติดอันดับ 3 ของบรรดาประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก
ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นในโลก ในปี 2559 ประเทศไทยได้คะแนนลดลง ได้แค่ 35 คะแนน จาก 100 คือสอบตก
สรุปมุมมองของสากลแล้วแย่ลงทุกอย่าง
การบริหารงานที่ผ่านมาเกือบห้าปี โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจสำคัญ ไม่ได้ยึดหลักคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงแนะนำไว้ และไม่ได้ใช้หลักความรอบรู้ทางวิชาการอย่างเพียงพอ รอบคอบ และระมัดระวังในการตัดสินใจ ไม่ใช้หลักแห่งคุณธรรมและหลักธรรมาภิบาลที่ตรวจสอบได้เต็มที่และทั่วถึง รวมทั้งไม่สร้างภูมิคุ้มกันรองรับ
ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนของไทย มากเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย และเป็นอันดับ 3 ของโลก และหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 การกำหนดนโยบายสาธารณะต่างๆของผู้บริหารประเทศ เปิดทางให้คนได้เปรียบในสังคมฉวยโอกาส เอาประโยชน์จากคนที่อ่อนด้อยกว่า ทำให้ประชาชนจำนวนมากเหมือนคนด้อยสิทธิ ขาดสิทธิ ขาดโอกาส นำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำในสังคมเกิดมากขึ้นอย่างซ้ำซาก
โอกาสที่เศรษฐกิจฐานรากถูกคุกคาม ถูกควบคุม โอกาสเข้าถึงทรัพยากรถูกกีดกัน หากินไม่ได้และไม่พอ แต่กลุ่มทุนใหญ่ พวกต่างชาติ ปลอดโปร่งโล่งตลอด
รัฐใช้อำนาจและกลไกรัฐพรากสิทธิเพื่อนำเอาทรัพยากรและที่ดินของรัฐ ไปให้เอกชนและต่างชาติเช่า ราคาถูกในระยะยาว 99 ปี อย่างนี้แล้ว การปฏิรูปประเทศเพื่อมุ่งสู่ “ความมั่นคง ความมั่งคั่ง ความยั่งยืน” จะเกิดขึ้นได้จริงอย่างไร
การบริหารและการพัฒนาดูจะผิดทิศ ผิดทาง
ประชาชนถูกทำให้ไม่มีส่วนร่วมในการพัฒนา
ถ้าหากรัฐบาลกำหนดนโยบายสาธารณะ ทำโครงการที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ตลอดจนไม่ทำนโยบายเพื่อนายทุนใหญ่เป็นหลัก ประชาชนย่อมสนับสนุนและเชื่อถือ
รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร เป็น “รัฐราชการ” ฟังแต่ราชการ ไม่ค่อยจะฟังเสียงชาวบ้าน กีดกัน ปิดกั้น การมีส่วนร่วมของประชาชน จึงได้ข้อมูลด้านเดียว การออกกฎหมายและการบริหารที่ไม่รอบคอบ ไม่รอบด้าน และประสบปัญหาอยู่เนืองๆ ต้องใช้อำนาจพิเศษ ม.44บ่อยครั้ง ซึ่งประชาชนไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เพราะไม่อยากเห็นการใช้อำนาจพิเศษแบบพร่ำเพรื่อ ละเลยปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ของประเทศ และอยากให้มีการบริหารงานโดยหลักนิติรัฐ นิติธรรม ด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องอย่างนี้ ก็ยากที่จะทำให้ประชาชนศรัทธาเชื่อถือ
เรื่องที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในการตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการทำงานของภาครัฐ ความคุ้มค่าในการจัดซื้อจัดหาต่างๆ เช่น การซื้อเรือดำน้ำจีน รถถังจีน การทำรถไฟความเร็วสูงที่ต้องใช้ภาษีจำนวนสูงที่เป็นของประชาชน ผูกพันงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้มักไม่ได้รับความใส่ใจจากผู้บริหารประเทศ
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี