บทความครั้งนี้เป็นความต่อเนื่องจากครั้งที่ผ่านมาที่คณะทำงานด้านวิชาการของผมได้นำประเด็นสำคัญ (Keynote) จากปาฐกถาพิเศษหัวข้อ Higher Education in Transition ที่ผมได้นำเสนอที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2561 มาวิเคราะห์และนำเสนอประเด็นการปรับตัวของการอุดมศึกษาของไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านไปแล้ว โดยรายละเอียดของบทความครั้งนี้ คณะทำงานได้ร่วมวิเคราะห์กระบวนการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะที่ศูนย์พัทยา เพื่อยกระดับเป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสนับสนุนและพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งมีประเด็นน่าสนใจรวมถึงเกร็ดอดีตของศูนย์พัทยาที่คนทั่วไปหรือแม้แต่ชาวธรรมศาสตร์เองก็อาจไม่เคยรับรู้ มาฝากท่านผู้อ่านครับ
วิสัยทัศน์ธรรมศาสตร์กับบทบาทสนับสนุน EEC ที่ศูนย์พัทยา
พิชญ์ภูรี จันทรกมล / วราพร ชูภักดี
ในช่วงเวลาที่วงการอุดมศึกษาของไทย (Higher Education) กำลังเผชิญความท้าทาย โดยต้องบริหารจัดการความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผัน(Change disruptive Management) ของโลกปัจจุบัน ทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความจำเป็นและแทรกซึมเข้าไปในทุกวงการ และการปรับการศึกษาให้สอดรับกับพฤติกรรมของคนในแต่ละเจเนอเรชั่น ที่มีความต้องการแตกต่างกันออกไป ทั้งการที่คนรุ่นใหม่มีแนวคิดและการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมถึงปัจจัยด้านประชากรศาสตร์ ที่ประชากรวัยเรียนลดลง ขณะผู้สูงอายุมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น สภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้ คือประเด็นที่วงการอุดมศึกษาไทยต้องปรับตัวเพื่อรับมือในฐานะแหล่งผลิตบุคลากรที่มีความรู้ที่หลากหลายและรู้เท่าทันเทคโนโลยีเข้าสู่สังคม รวมถึง
ภารกิจในการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Start up& Entrepreneur) เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 อีกด้วย
บทความนี้มีที่มาจากการร่วมสนทนากับท่าน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์เพื่อวิเคราะห์กระบวนการขับเคลื่อนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครั้งใหญ่ที่ศูนย์พัทยา ด้วยการพัฒนาจากรากฐานเดิมอันเป็นมรดกล้ำค่าที่ผู้บริหารยุคก่อนได้ก่อร่างไว้ให้ โดยท่านอาจารย์จีระได้เล่าเกร็ดอดีตที่มาของศูนย์พัทยาตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจนทวีความสำคัญเช่นในปัจจุบัน เป็นกรณีศึกษาต่อยอดให้เห็นกระบวนการคิดและวิธีการทำงานเพื่อสร้างรายได้ หรือการสร้างมูลค่าใหม่ๆ ด้วยวิสัยทัศน์และความสามารถของผู้นำ และการใช้ยุทธศาสตร์เรื่องทุนมนุษย์อย่างเต็มที่ ทั้งการเลือกคนให้เหมาะกับภารกิจงานและที่สำคัญคือการใช้กลยุทธ์การบริหารเครือข่าย ระหว่าง Stakeholders คือเจ้าของที่ดิน มหาวิทยาลัย นักศึกษา และประชาชนโดยรวม เพื่อสร้างประโยชน์สุขร่วมกันแบบ win - win รวมถึงกลยุทธ์เพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ด้วยหลักการยกย่องให้เกียรติและศักดิ์ศรี ซึ่งภายหลังท่านได้นำมาเขียนเป็นทฤษฎีบริหารจัดการทุนมนุษย์ HRDS (Happiness Respect Dignity Sustainable) ที่ยังใช้ได้ผลกับทุกสถานการณ์เช่นในปัจจุบัน
การขับเคลื่อนครั้งใหญ่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คือการใช้โอกาสร่วมกับยุทธศาสตร์ประเทศยกระดับเป็นสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเริ่มโครงการความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ซึ่งมี 15 กลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ 12 คลัสเตอร์ เพื่อสร้างหลักสูตรและเชื่อมโยงการเรียนการสอนระหว่างกัน โดยให้ศูนย์พัทยาซึ่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางวิจัยพัฒนารองรับการเติบโตของ EEC ในอนาคตเป็นฐาน ด้วยระบบการเรียนการสอนในปัจจุบันที่มีความสอดรับกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ทั้งสาขาวิศวกรรมเทคโนโลยียานยนต์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนั้น ด้วยจุดเด่นที่ธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยามีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 565 ไร่เศษ ซึ่งนอกจากจะใช้เพื่อขยายฐานการผลิตบุคลากรสาขาวิชาที่ขาดแคลนสอดรับกับความต้องการของตลาดแล้ว ยังสามารถใช้พื้นที่เป็นศูนย์สร้างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพด้านสุขภาพ (Thammasat Valley ofWellness) โดยมหาวิทยาลัยตั้งเป้าหมายไว้ปีละ 1,000 ราย โดยวางแผนจะคัดเลือกสตาร์ทอัพด้านสุขภาพจากทั่วโลก ให้มาทำงานร่วมกัน ประกอบด้วยศูนย์ฝึกอบรมหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การจัดโปรแกรมสุขภาพสำหรับการดูแลผู้สูงวัย แผนการสร้างโรงพยาบาล โครงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพด้านต่างๆ โดยจะมีห้องแล็บและ Co-Working Space รวมถึงโครงการพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์ที่มีอยู่ให้เป็นสวนสมุนไพรที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น
ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยจังหวะที่เหมาะสม และโอกาสที่เอื้ออำนวยของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ประกอบกับวิสัยทัศน์ของคณะผู้บริหารในปัจจุบัน นำโดยอธิการบดี รศ.ดร.เกศินี วิฑูรชาติ ซึ่งท่านอาจารย์จีระชื่นชมว่าท่านเป็นผู้หญิงที่เก่ง มีวิสัยทัศน์ และมีความสามารถสูง รวมถึงชัยภูมิของธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยาที่อยู่ในทำเลทอง ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา ทั้งเป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 565 ไร่เศษอีกด้วย
ท่านอาจารย์ดร.จีระชื่นชมความสำเร็จของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในสองยุคที่มีอธิการบดีเป็นสตรีสองท่าน และมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับศูนย์พัทยาเป็นพิเศษ ความโดดเด่นภายใต้การบริหารของอธิการบดีสตรีท่านปัจจุบัน คือ รศ.ดร.เกศินี วิฑูรชาติ ในวันนี้ ทำให้ท่านอาจารย์ดร.จีระได้เล่าย้อนถึงอดีตอธิการบดีสตรีอีกท่านหนึ่ง คือ ศ.คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรีในด้านหนึ่งด้วยความชื่นชมในภาวะผู้นำที่มุ่งมั่น และความสามารถในการบริหารคนให้เหมาะสมกับงาน ส่วนอีกด้านหนึ่งคือความทรงจำและความภาคภูมิใจที่ภารกิจของท่านอาจารย์ดร.จีระ โดยการมอบหมายของศ.คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี ประสบความสำเร็จเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยา
ท่านอาจารย์ดร.จีระได้เล่าประวัติความเป็นมาของธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยา โดยเริ่มขึ้นจากเหตุการณ์กว่า 30 ปีมาแล้ว ด้วยปัญหาด้านพื้นที่อันคับแคบแออัดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ที่ไม่สามารถขยายหรือต่อเติมได้อีก เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์เขตเกาะรัตนโกสินทร์ ไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน การวิจัยและพัฒนา ส่วนที่ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตนั้นเป็นพื้นที่ใกล้ชุมชนและมีแนวโน้มเป็นชุมชนเมือง ไม่สะดวกกับการจัดการเรียนการสอน การวิจัยและพัฒนาในด้านเทคโนโลยีเชื่อมโยงกับการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งหากต้องการให้ได้ผลดังกล่าวจะต้องใช้พื้นที่อันเหมาะสมที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับการปฏิบัติการจริงอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้
คณะผู้บริหารนำโดยอดีตอธิการบดี ศ.ประภาศน์ อวยชัย ได้พิจารณาพื้นที่ใน จ.ชลบุรี โดยริเริ่มเจรจาเรื่องการบริจาคที่ดินจาก ดร.ถาวร พรประภาผู้ก่อตั้งบริษัท สยามกลการ จำกัด และบริษัท ทองถาวร อุตสาหกรรม จำกัดและเรื่องได้ดำเนินมาจนถึงสมัย ศ.คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี ที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีท่านต่อมาโดยในช่วงแรกได้มอบหมายให้รองอธิการบดีหลายท่านดำเนินการเจรจาต่อกับดร.ถาวร พรประภา แต่ก็ยังไม่สำเร็จ
กระทั่งวันหนึ่งศ.คุณหญิงนงเยาว์ได้มอบหมายให้ท่านอาจารย์ดร.จีระซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริหารทางวิชาการอยู่ในขณะนั้น รับผิดชอบดำเนินการต่อในปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้ คือมหาวิทยาลัยยังไม่สามารถตอบคำถามของ ดร.ถาวร พรประภา ได้ว่าเมื่อรับบริจาคที่ดินไปแล้วจะนำไปดำเนินการอย่างไร? เพราะท่านมีความกังวลใจว่าหากธรรมศาสตร์นำที่ดินไปใช้เพื่อการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี คงไม่สำเร็จ เพราะในยุคนั้นการจะปฏิบัติให้ได้ผลจริงเป็นเรื่องที่ยากมาก
เมื่อท่านอาจารย์ดร.จีระต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องไปปรึกษากับคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ซึ่งเป็นบุตรสาวที่ท่านถาวรไว้ใจมากโดยหาแนวทางแสดงแผนงานที่จะปฏิบัติได้จริง จนกระทั่งคุณหญิงพรทิพย์เห็นชอบกับแผนงานเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่คนในภาคตะวันออก โดยจะมีกิจกรรมบริการทางวิชาการ เช่น การฝึกอบรม และการวิจัยเพื่อรองรับความเจริญภาคตะวันออก ซึ่งนับว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่ล้ำหน้ามากในยุคสมัยนั้นท่านอาจารย์ดร.จีระเล่าว่าในขณะนั้น แผนงานของท่านระบุจะสร้างอาคารมูลค่าเพียง 20 ล้านบาท ขณะที่ที่ดินละแวกนั้นยังมีมูลค่าไร่ละ 10,000 บาทเท่านั้น
คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ได้กรุณานำแผนดังกล่าวไปหารือกับคุณพ่อ ดร.ถาวร พรประภา โดยช่วยสนับสนุนแผนงานดังกล่าวจนสำเร็จ ทำให้ดร.ถาวร พรประภา ตัดสินใจบริจาคพื้นที่จำนวน 565 ไร่เศษ บริเวณ กม.ที่ 12 ริมถนนสายชลบุรี-ระยอง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อใช้ในราชการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเน้นให้มีบริการทางวิชาการเป็นพิเศษ หลังจากนั้นไม่นาน ในยุคของอธิการบดี ศาตราจารย์คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี และท่านอาจารย์ดร.จีระ รองอธิการบดี ก็ได้จัดพิธีรับบริจาคจากท่าน ดร.ถาวร พรประภา อย่างเป็นทางการ อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จในวันนั้นได้สร้างมรดกอันล้ำค่า ที่เป็นรากฐานให้ธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยาสามารถยกระดับขึ้นเป็นผู้นำด้านการศึกษาสอดรับกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ในปัจจุบัน
ในฐานะของผู้มีส่วนสำคัญในการเจรจาและรับมอบการบริจาคที่ดินบนพื้นที่ทำเลทอง เช่น ที่ศูนย์พัทยาเป็นจำนวนถึง 565 ไร่เศษ ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าของทรัพย์สินรวมกันกว่าสองพันล้านบาท และนับวันจะยิ่งทวีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และคุณค่าทางวิชาการอย่างไม่อาจประเมินค่าได้ท่านอาจารย์ดร.จีระได้กล่าวเชิดชูความดีงามของ ดร.ถาวร พรประภา และ คุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ผู้บริจาคที่ดินธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยาศ.ประภาศน์ อวยชัย และศาสตราจารย์ คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี สองอธิการบดีในยุคที่ได้ริเริ่มเจรจาและยุคที่ได้สานต่อจนสำเร็จ สร้างคุณูปการใหญ่หลวงแก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ใช้เป็นสถานศึกษา และเป็นสาธารณสมบัติของชาติสืบต่อไป
ท่านอาจารย์ดร.จีระหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสำเร็จของธรรมศาสตร์ศูนย์พัทยาในบทบาทสนับสนุนและพัฒนาโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และภาคอุตสาหกรรมใน EEC ครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มเพื่อการยกระดับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้มีบทบาทสำคัญในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีของสังคม มีจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ (Spirit of Thammasat) คือรักประชาชน รับผิดชอบต่อสังคม คิดถึงประโยชน์สาธารณะ คิดถึงส่วนรวม ประชาธิปไตย เสรีภาพและความเป็นธรรม สมดังเจตนารมณ์ “ให้การศึกษาส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง เป็นศูนย์การวิจัยและการฝึกอบรม การให้บริการและวิชาการแก่สังคม และดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ” ของท่านดร.ถาวร พรประภา ผู้บริจาคที่ดินผืนนี้ได้อย่างยั่งยืนสืบต่อไป
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี