คำว่าประชาธิปไตยเป็นคำที่ทำให้ผู้พูดดูดีขึ้นมาโดยทันที ถึงแม้ว่าผู้พูดคำนั้นจะเป็นเผด็จการอำนาจนิยมสักเพียงใดก็ตาม ดังนั้น จึงมีการอ้างคำว่าประชาธิปไตยกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะในหมู่นักการเมืองทรราชผู้คดโกงชาติ ทหารผู้ก่อรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งพวกนักวิชาการบนหอคอยงาช้างที่หากินด้วยการพ่นน้ำลายโดยลอกคำพูดมาจากตะวันตก หรือเหล่า NGOs ที่หากินด้วยการอ้างคนตกทุกข์ได้ยากเป็นฉากบังหน้า และไม่เว้นแม้กระทั่งคนบางจำพวกในวงการสื่อสารมวลชนที่หากินด้วยการปั้นข่าวเท็จขายเลี้ยงกระเพาะไปวันๆ
บางคนอ้างคำว่าประชาธิปไตยได้ตลอดเวลาโดยปราศจากความกระดากและละอาย ทั้งๆ ที่ไม่เคยเชื่อมั่นในความแตกต่างของมนุษย์ แถมยังไม่เคยเชื่อมั่นในความเสมอภาคของบุคคล ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะดีแต่อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่ในความเป็นจริงนั้นมีพฤติกรรมกดขี่ข่มเหงบุคคลอื่นตลอดเวลา
อีกไม่นานเมืองไทยก็คงจะกลับเข้าสู่ยุคที่ผู้คนต่างสำลักเสรีภาพ และสำลักประชาธิปไตยอีกเช่นเคย เพราะใกล้จะถึงวันเลือกตั้ง (แต่บางคนก็ลงความเห็นว่าอาจจะยังไม่มีการเลือกตั้งภายในปีหน้า) นี่ขนาดยังไม่กำหนดวันเลือกตั้งโดยชัดเจน ยังปรากฏว่ามีการสาดน้ำลายเข้าใส่กันโดยไม่เว้นแต่ละวัน แล้วลองคิดดูเอาเองก็แล้วกันว่า หากรู้แน่ชัดว่าจะมีการเลือกตั้งในวันใด น้ำลายจะท่วมสังคมไทยสูงกี่เมตร
เท่าที่พอจะดูเห็นเป็นเลาๆ ก็ปรากฏลางๆ ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ประเทศไทยของเราคงจะมีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมายถึง 150 พรรค โดยสามารถจำแนกได้โดยเบื้องต้นดังนี้ พรรคที่ประกาศตัวต่อต้านรัฐบาลคสช. (โดยอ้างว่าต่อต้านเผด็จการ) รวมถึงพรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อหวังจะใช้รัฐสภาเป็นที่ฟอกขาวล้างความผิดให้กับผู้ร้ายซึ่งกำลังหลบหนีคดีอาญาแผ่นดิน บางพรรคก็มีนายทุนร่วมมือกับนักวิชาการป่วนเมือง แต่อ้างว่าจะให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ทั้งๆ ที่นายทุนเจ้าของพรรคยังมีพฤติกรรมกดขี่กรรมกรในโรงงานของตนตลอดเวลา และก็ยังมีพรรคที่ประกาศตัวสนับสนุนรัฐบาลคสช. (โดยอ้างว่าเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง) นอกจากนั้นก็ยังมีพรรคที่ไม่ประกาศจุดยืนหรือจุดขายอะไรมากนัก พรรคจำพวกนี้มีเป้าหมายอย่างเดียวคือขอให้ฉันได้เป็นรัฐบาลด้วยเท่านั้นเป็นพอใจ เพราะการเป็นรัฐบาลแล้วทำให้กระเพาะของฉันอิ่มเอม นอกจากนั้นก็ยังมีพรรคจำพวกตัวตลกการเมือง ที่ออกมาช่วยเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแบบฝืดๆ ให้กับสังคมในยามที่บ้านเมืองค่อนข้างตึงเครียด แล้วก็ยังมีคนบางกลุ่มตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพียงเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นข่าว แม้จะรู้ดีว่าไม่มีหวังใดๆ ในการเลือกตั้ง แต่ก็ขอให้ตนเองได้เป็นข่าวก็พอใจแล้ว
หลายคนอาจเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองไทยช่วงหลังวันเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว เมืองไทยคงจะมีความหวังที่สดใสเรืองรอง และอาจจะมองว่าการเลือกตั้งคือการแสดงเจตจำนงทางการเมืองของประชาชนโดยเสรีแต่หลายคนก็มองว่า การเลือกตั้งในบ้านเมืองของเรานั้นเป็นเกมสกปรก แต่เป็นความสกปรกที่หลายคนยอมรับมันได้ เพราะเข้าใจว่าไม่ว่าใครหน้าไหนขึ้นมามีอำนาจรัฐ มันก็โกงบ้านกินเมืองไม่แตกต่างกัน
มีคำถามว่าคุณๆ เตรียมตัวรับมือกับปรากฏการณ์สำลักประชาธิปไตยในสังคมไทยแล้วหรือยัง แล้วคุณมองออกหรือไม่ว่าจะมีพรรคใดบ้างที่จงใจสร้างกระแสประชาธิปไตยจอมปลอมขึ้นมา เพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดความโกลาหล ผู้เขียนขอแนะนำว่าก่อนที่คุณจะเข้าใจดีว่าอะไรคือประชาธิปไตย คุณควรจะต้องรู้ให้ชัดก่อนว่าใครหรือพรรคไหนคือตัวการสร้างวิวาทะเรื่องประชาธิปไตย
ขึ้นมา เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในสังคมของเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี