ขออภัยคุณผู้อ่านที่อาจจะคอยติดตามอ่านเรื่อง การบินไทยเละเทะ ใครเป็นคนทำ ในตอนต่อจากตอนที่แล้ว แต่ผู้เขียนขออภัยที่มิได้นำเสนอเรื่องเละของการบินไทยต่อเนื่องตามสัญญา เนื่องจากติดขัดในปัญหาบางประการ ดังนั้น สัปดาห์นี้จึงขอนำเสนอเรื่องพื้นๆ ที่ทุกคนทราบกันดีมาโดยตลอดว่านี่คือตัวการที่ก่อให้เกิดปัญหาสาหัสในสังคมไทย แม้เรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้กันดีมาโดยตลอด แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถกำจัดให้ปัญหาหมดไปจากสังคมไทยได้
ท่านพุทธทาสภิกขุ แห่งสวนโมกขพลาราม เคยบอกไว้ว่า ปัญหาสังคมไทยเกิดมาจากสิ่งต่อไปนี้ทั้งหมดที่เป็นปัญหา เพราะการศึกษาไม่ถูกต้อง ศีลธรรมแฟบ การศึกษาเฟ็ด ประชาธิปไตยเฟ้อ
ยุวชนฟุ้งการปกครองเฟือน การเมืองฟุบ สังคมเฟ้อ เศรษฐกิจฟ่ามศาสนาฟั่น วัฒนธรรมเฟี้ยว ประเทศชาติฟอน รัฐธรรมนูญฟาง ความเป็นไทยก็เฟื้อย
การศึกษาของไทยไม่ถูกต้อง
สังคมไทยมีโรงเรียนมากมายกว่าเดิมจนนับไม่ มีมหาวิทยาลัยหลายเป็นร้อย มีคนจบปริญญาตรีหลายสิบล้านจบปริญญาโทหลายล้าน และจบปริญญาเอกก็หลายล้านน่าประหลาดที่สังคมไทยมีปริญญาบัตรเต็มเมือง แต่ก็ยากที่จะหาปัญญาชนแท้จริงได้ในสังคมไทย เพราะส่วนมากมีแต่คนบ้าปริญญาบัตร บางคนมีปริญญาบัตรหลายใบ แต่ทว่าปริญญาบัตรไม่ได้ช่วยทำให้มีสติปัญญาขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นว่าได้เกิดสังคมขายปริญญาบัตรตามมา เจ้าของมหาวิทยาลัยรวยล้นฟ้า คนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่น่าอัศจรรย์ใจที่คนมีปริญญาบัตรของไทยจำนวนไม่น้อยมิได้มีความรู้โดยแท้จริง
ศีลธรรมแฟบ
ประเทศไทยมีวัดวาอาราม และมีศาสนสถานของทุกศาสนากระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง และที่สำคัญคือเมืองไทยมีวัดของพุทธศาสนามากมาย เนื่องจากเราบอกกับตัวเองว่าเราเป็นเมืองพุทธที่สำคัญของโลก แต่บ้านเราก็มีปัญหาลักวิ่งชิงปล้น ฉ้อฉล คอร์รัปชันใหญ่น้อย รวมถึงมีการตีกัน และฆ่ากันตายด้วยเหตุทะเลาะวิวาทเป็นประจำทุกวัน แต่ที่น่าหนักใจคือในบ้านเรายังมีผู้ที่ประกาศตัวเป็นพระสงฆ์ แต่กลับประพฤติตัวทุศีลยิ่งกว่าคนที่มิได้ประกาศตัวเป็นพระสงฆ์ พระสงฆ์ของเราจำนวนหนึ่งทำตัวไม่ต่างไปจากพ่อค้าผู้ทุศีล รับเงินรับทองจากญาติโยมแล้วเอาเงินนั้นเข้าพกเข้าห่อของตนเอง พระสงฆ์บางรายมีเงินฝากในบัญชีธนาคารหลายสิบล้าน ทั้งๆ ที่ตนเองเป็นสงฆ์มาหลายสิบปี นั่นหมายความว่าสงฆ์นั้นยักยอกเอาเงินของพระศาสนาเข้าเป็นเงินทองของตนใช่หรือไม่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องประณามคนบางกลุ่มที่มีจำนวนไม่น้อยในสังคมไทยด้วย เพราะคนกลุ่มนี้คือตัวการสนับสนุนให้พระสงฆ์กลายเป็นอลัชชี เนื่องจากคนกลุ่มดังกล่าวมักหลงใหลในสงฆ์ที่เสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ดูดวง ทำนายโชคชะตาราศี ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ และทำไสยศาสตร์มนต์ดำ แล้วหันหลังให้กับสงฆ์ผู้สั่งสอนเตือนสติด้วยพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
การศึกษาเฟ็ด
พูดกันตรงๆ หลายคนไม่รู้ว่าเฟ็ดคืออะไร เฟ็ดคือคำวิเศษณ์ แปลว่าแฟบ หด สั้น ถกให้สูงขึ้น (ใช้กับการถกผ้านุ่งให้สูงขึ้น) มีผู้รู้หลายรายในวงการศึกษาด้านการเมืองของไทยวิจารณ์ว่า การศึกษาของไทยนั้นเข้าข่าย ปริญญาตรีกลวงโบ๋ ปริญญาโทโง่สนิท เพราะยิ่งเรียนๆ ไป คนก็กลับยิ่งไม่มีความคิด แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือมีผู้วิจารณ์ระบบการศึกษาไทยว่า ยิ่งอ้างว่าได้เรียนรู้ในระบบการศึกษาสูงๆ ก็ยิ่งทำให้คนผู้นั้นลืมกำพืด ลืมความเป็นมาของตนเอง แถมยังดูถูกโคตรเหง้าของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ลูกหลานชาวไร่ชาวนาที่ได้มีโอกาสร่ำเรียนสูงๆ แต่สุดท้ายกลับดูถูกอาชีพของปู่ยาตายาย และพ่อแม่ของตนเอง ดูถูกว่าอาชีพชาวไร่ชาวนาเป็นอาชีพที่ต่ำต้อย ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี ทุกคนเลยบ้ากับการหลงอยู่ในความคิดที่ว่า เรียนแล้วต้องเป็นใหญ่เป็นโต เป็นเจ้าคนนายคน ยิ่งเรียนๆ ไปมากๆ ก็ยิ่งทำให้คนละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดภูมิลำเนาเดิมของตนเอง แล้วเข้าไปตกคลักอยู่ในเมืองใหญ่ และเมืองหลวง ปล่อยให้บ้านเกิดของตนเองกลายเป็นดินแดนของคนเฒ่าคนแก่ น่าประหลาดที่การศึกษาไทยไม่สอนให้คนเรียนกลับไปพัฒนาบ้านเกิด แต่กลับกลายเป็นเครื่องกระตุ้นให้คนละทิ้งบ้านเกิด
ประชาธิปไตยเฟ้อ
คนไทยจำนวนมากหลงไปกับคำว่าอิสรภาพ เสรีภาพ หลายคนหลงเสรีภาพของตนเองมากเสียจนลืมไปว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในสังคมเดียวกับตนเองก็มีเสรีภาพ บางคนอ้างเสรีภาพในการปิดถนนประท้วง แต่กลับไม่นำพาว่ากำลังละเมิดเสรีภาพของผู้อื่น บางคนอ้างเสรีภาพในการพูด แต่ลืมไปว่ากำลังพูดเพื่อทำลาย และทำร้ายผู้อื่น คนจำพวกนี้อ้างว่าประชาธิปไตยคือสิ่งดีวิเศษสุด แต่เป็นการอ้างเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง เพราะในขณะที่ตัวเองเพ้อถึงประชาธิปไตย แต่ตัวเองก็กลับลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นโดยไร้ยางอาย หลายคนอ้างประชาธิปไตยจนนำไปสู่การเผชิญหน้า จนเกิดการฆ่าฟันกันเอง แล้วเกิดการเผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว หลายคนอ้างประชาธิปไตย ไม่เคยเชื่อมั่นในเรื่องความเห็นที่แตกต่าง ไม่มีความอดทนอดกลั่นในความแตกต่างของสังคม ถือเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ แต่ก็ยังอ้างว่าตนเองยึดมั่นในประชาธิปไตย ส่วนสื่อมวลชนบางจำพวกก็อ้างประชาธิปไตยเสมอๆ แต่กลับใช้ข้ออ้างดังกล่าวสาดสีสาดโคลนใส่ความและด่าทอผู้อื่นโดยปราศจากความรับผิดชอบ และปราศจากข้อเท็จจริง สื่อบางชนิดบางจำพวกไร้จรรยาบรรณวิชาชีพ เพราะทำทุกอย่างเพื่อเงินโดยมิได้คำนึงถึงความถูกต้องและผลประโยชน์สาธารณะแม้แต่น้อย ข้ออ้างที่น่าขยะแขยงของสื่อจำพวกดังกล่าวคือ ธุรกิจสื่อจะอยู่รอดได้ก็ด้วยเงิน แล้วก็น่าสังเวชที่สังคมไทยมีสื่อชนิดนี้อยู่มิใช่น้อย
เยาวชนฟุ้ง
เด็กและเยาวชนของไทยในยุคหลังๆ นี้มีความฟุ้งเฟ้อมากเสียจนไร้ขอบเขตเกินความพอดี เด็กและเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ติดความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนั้นมาจากครอบครัวที่ยากจน แต่กลับทำตัวหรูหราฟู่ฟ่า ตกเป็นทาสของการบริโภคนิยม และวัตถุนิยม เด็กบางคนทำตัวเป็นจับจด เหยียบขี่ไก่ไม่ฟ่อ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ รักความสบาย ไม่ยอมทนกับความยากลำบากใดๆ แม้ความยากลำบากที่อาจจะต้องเผชิญนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา เด็กบางคนเพ้อฝันว่าจะต้องมีชีวิตแบบ slow life เพ้อว่าไม่ต้องการเป็นลูกจ้างของใคร บ้างก็เพ้อหนักว่าจะเป็นนายของตัวเอง จะทำธุรกิจใหญ่โต และจะเกษียณอายุการทำงานเมื่อตนเองมีอายุ 40 ปี อันที่จริงความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่อาจจะน่าสนับสนุนอยู่บ้าง ถ้าหากเด็กที่คิดในเรื่องดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ในการทำงานที่ชัดเจน แต่ในความจริงที่ได้พบเห็นนั้นกลับกลายเป็นว่า เพ้อฝันเสียมากกว่า โดยมักฝันตามแบบคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าก่อนที่เขาเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จได้นั้น เขาต้องประสบอุปสรรคใดมาก่อน แล้วใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะแก้ไขและเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นได้
ส่วนประเด็นเรื่อง การปกครองเฟือน การเมืองฟุบ สังคมเฟ้อ เศรษฐกิจฟ่าม ศาสนาฟั่น วัฒนธรรมเฟี้ยว ประเทศชาติฟอน รัฐธรรมนูญฟาง ความเป็นไทยก็เฟื้อย
ผู้เขียนเชื่อว่าคุณผู้อ่านสามารถเข้าใจได้โดยทันทีว่า อะไรคือการปกครองเฟือน การเมืองฟุบ สังคมเฟ้อ เศรษฐกิจฟ่าม ศาสนาฟั่น วัฒนธรรมเฟี้ยว ประเทศฟอน รัฐธรรมนูญฟาง ความเป็นไทยก็เฟื้อย เพราะคุณคงได้ประจักษ์แล้วว่าการเมืองการปกครองไทยนั้นยังเลอะๆ เลือนๆ ยังไม่เฟื่องฟู แถมยังดูเสมือนว่าพร้อมจะกลับมาเกิดปัญหาได้ทุกเมื่อ เพราะปัญหาเดิมๆ ยังคงดำรงอยู่ ส่วนเรื่องสังคมเฟ้อและเศรษฐกิจฟ่ามนั้น ก็เป็นความจริงเชิงประจักษ์อีกเช่นกัน เพราะผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาเรื่องปากท้อง หลายคนบ่นว่าค้าขายไม่ดี และหลายคนบ่นว่าไม่มีเงินเพียงพอสำหรับดำรงชีวิตให้มีความสุขตามอัตภาพ ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญของไทยนั้น แม้จะมีรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ปี พ.ศ. 2560 แต่ก็ดูเสมือนว่าในสังคมของเรานั้นยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะเปิดศึกเข้าใส่กันด้วยความไม่พอใจในสาระของรัฐธรรมนูญ เมื่อปัญหาหลักๆ ของสังคมไทย โดยเฉพาะเรื่องความแตกแยก ความขัดแย้งที่พร้อมจะทำให้ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตายยังคงดำรงอยู่ จึงทำให้ประเทศไทยยังคงต้องวนเวียนว่ายวนอยู่ในเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ อีกยาวนาน ซึ่งเรียกว่ายาวเฟื้อย ยาวจน
ไม่แน่ใจว่าจะหาทางออกที่ลงตัวได้ในวันใด
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้เขียนชวนคุณๆ มาร่วมกันคิดในวันนี้ก็คือ อยากให้คุณเห็นว่าปัญหาของสังคมไทยอยู่ตรงไป เมื่อรู้ปัญหาแล้วก็หาทางช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ได้ต้องการทำให้คุณหนักอกหนักใจกับปัญหาจนไม่เป็นอันกินอันนอน เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ มิได้มีไว้ให้แบก ถ้าแก้ได้ก็ช่วยกันแก้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องยอมรับมัน เพราะเราคือส่วนหนึ่งที่เป็นผู้ร่วมสร้างปัญหา ดังนั้นก็ต้องยอมรับมัน จริงไหมครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี