ในพลันที่ความรับรู้เรื่องการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอีกหลายโรคแพร่หลายขึ้นในประเทศไทย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาเยียวยาจำนวนมากได้ประสบผลสำเร็จตามมากตามน้อยในการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยที่ใช้กัญชาเป็นตัวหลักแล้ว ก็เกิดกระแสต่อต้านขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก็เป็นพวกที่ผูกขาดการนำเข้ายาเคมีสารพัดชนิดที่ก่อพิษก่อภัยให้กับคนไทยมายาวนาน โดยไม่เคยมีความรับผิดชอบใดๆ นั่นแหละที่เป็นเจ้ากี้เจ้าการ
และใช้ตีนใหญ่ราน้ำอย่างแยบยล ใช้เล่ห์กลเพทุบายทุกเครือข่ายและทุกย่างก้าวจนประชาชนแทบตามไม่ทัน แต่เดชะบุญที่ประชาชนไทยในวันนี้ผ่านการต่อสู้กับพวกขายชาติ ปล้นชาติและโกงชาติต่อเนื่องยาวนานมาถึง 15 ปีแล้ว จึงพอที่จะรู้เท่าทันกัน
เริ่มต้นก็ตีโต้กันโดยตรงว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ไม่มีผลการทดลองวิจัยที่จะใช้ในทางการแพทย์ได้ เป็นการเอาตีนราน้ำที่โง่เขลาเบาปัญญาเพราะคิดว่าคนไทยโง่เขลาไม่รู้เรื่อง
จึงถูกความจริงฟาดกบาลอย่างจังว่ากัญชานั้นได้ใช้ในทางการแพทย์แผนไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ มีตำรับยาไทยทั้งยาหลวง ยาราษฎร์ หลายสิบขนาน รวมทั้งยารักษาโรคมะเร็งด้วย มีการใช้ยาที่ประกอบจากกัญชาทั้งยาหลวง ยาราษฎร์ยาวนาน พร้อมทั้งได้นำเอาผลวิจัยและการใช้กัญชาในการรักษาโรคในต่างประเทศมายันกันจนหน้าหงาย
ครั้นปราชัยในข้อเท็จจริงเรื่องสรรพคุณของกัญชาแล้ว จึงเอาตีนราน้ำด้วยกระบวนท่าใหม่ ทั้งด้วยเล่ห์กลอุบาย และใช้เครือข่ายฤทธิ์อิทธิพลต่างๆ รวมทั้งการใช้สื่อลวงโลกคอยเป็นปากเป็นเสียงสร้างความสับสนและความเข้าใจผิด ที่สำคัญคือสร้างความชอบธรรมให้แก่การห้ามคนไทยใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์โดยทั่วไป และส่งเสริมการผูกขาดให้กับทุนต่างชาติหรือทุนชาติ
ซึ่งก็คือสุมหัวกันกระทำการปล้นชาติ ทรยศชาติ และขายชาตินั่นเอง ไม่มีอื่นใดนอกจากนี้ และไม่ต้องพูดถึงความห่วงหาอาทรหรือนำพาต่อความทุกข์ยากของราษฎรอันเป็นต้นเหตุวิกฤติของชาติ
มีการรีบเร่งเสนอกฎหมายเพื่อจะเปลี่ยนกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 ให้เป็นประเภท 2 และเพื่อสกัดใช้รักษาโรค 4 ชนิด แบบเดียวกับที่ผู้บงการจากต่างชาติได้กำหนด ซึ่งได้กำหนดแบบนี้มาหลายประเทศแล้ว
แต่ก็มีการเตะถ่วง เพราะคิดว่าการเรียกร้องต้องการของประชาชนจะไม่ไปถึงไหน แต่ผิดคาด! เพราะความเรียกร้องต้องการของประชาชนได้ขยายตัวไปในหลายมิติและอย่างกว้างขวาง บรรดาผู้ป่วยเจ็บและญาติมิตรหลายล้านคน รวมทั้งผู้มีใจเป็นธรรม ได้สนับสนุนให้มีการปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์โดยทั่วไป ไม่ใช่ให้ผูกขาดอยู่กับพวกใดพวกหนึ่ง
จนกระทั่งนายสมชาย แสวงการ และคณะได้เสนอร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชาขึ้น ตามเจตนารมณ์ของประชาชนโดยมิได้มีที่มาจากรัฐบาล และมีการเปิดฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 72 ซึ่งประชาชนเข้าไปลงประชามติออกความเห็นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และผลการลงมตินั้นปรากฏว่า 99% เรียกร้องต้องการให้เร่งปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนนำไปใช้รักษาโรคได้เป็นการทั่วไป
เมื่อการขับเคลื่อนทางกฎหมายที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนทำท่าว่าจะรุดหน้าไป ขบวนการเอาตีนราน้ำก็พลิกแผนใหม่ เพราะคงเห็นท่าว่าร่างกฎหมายฉบับแรกคงจะไปไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะยังต้องผ่านด่าน สนช. และต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย อาจจะไม่ทันต่อการเอาตีนราน้ำ
จึงเปลี่ยนแผนที่จะคิดเอง ทำเอง เออเอง โดยมีมือกฎหมายมือฉมังคอยชี้ทางปล้นชาติ ในที่สุดก็มีข่าวว่าจะมีการเสนอให้ออกกฎกระทรวงเพื่อดับเบิ้ลล็อกกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 ให้เป็นยาเสพติดประเภท 2 ซึ่งมีโทษร้ายแรงเท่ากับมอร์ฟีน
นี่คือการใช้อำนาจทางนิติบัญญัติโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญและโดยไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เพราะขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้ลงประชามติในการรับฟังความเห็นของประชาชนผิดไปจากความจริง เพราะกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด และไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 2 แบบมอร์ฟีนหรือเฮโรอีน การที่จะทำกฎหมายให้คนเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้จะเขียนได้โดยตัวหนังสือ แต่คนก็ยังเป็นคนอยู่นั่นเองฉันใด การทำแบบนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงทัศนะอธรรมที่ต้องการขัดขวางไม่ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาในทางการแพทย์เป็นการทั่วไป
โดยจะผูกขาดไว้กับคณะใดคณะหนึ่ง หรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ซึ่งมีแต่จะเอื้อประโยชน์ให้ทุนต่างชาติหรือทุนชาติ ในขณะที่บรรดาผู้ป่วยเจ็บจะต้องซื้อหาในราคาที่ถูกกำหนด เป็นการทำหมันการแพทย์แผนไทยครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
ที่สำคัญก็คือยังซ่อนเล่ห์ที่จะให้ใช้ในทางการแพทย์เพียง 4 โรค คือ โรคท้องร่วง โรคลมชัก และโรคกระจอกๆ อีกสองโรค ซึ่งประชาชนไม่เคยเรียกร้องต้องการ ทำให้เข้าใจได้ถึงการใช้เล่ห์เพทุบายกับประชาชน
การกระทำแบบนี้ไม่มีผู้รักชาติ รักประชาชน หรือวีรชนคนไหนทำ มีแต่พวกทรยศชาติ ขายชาติ และปล้นชาติเท่านั้นที่สามารถคิดอ่านแบบนี้ได้
ดังนั้นความเรียกร้องต้องการของประชาชนที่จะให้ปลดล็อกกัญชาเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ในทางการแพทย์โดยทั่วไป จึงเป็นเรื่องที่จะต้องขับเคี่ยวต่อสู้กันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี