เมื่อมีการยึดอำนาจใหม่ๆ ได้มีการตรารัฐธรรมนูญชั่วคราวขึ้นใช้บังคับ และได้วางหลักสำหรับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรไว้ด้วย โดยให้มีกลไก 11 ประการ ในการแก้ไขปัญหาและปฏิรูปประเทศ หนึ่งในกลไกสำคัญก็คือต้องสร้างระบบที่เข้มแข็งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
เพราะเป็นที่ตระหนักกันดีโดยทั่วไปว่า สาเหตุของปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองที่จักแหล่นจะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองนั้น สาเหตุสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งประชาชนยอมรับไม่ได้ และพากันออกมาขับไล่เหล่านักการเมืองโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น
ดังนั้นเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ในปัจจุบัน ในบทพระราชปรารภได้มีการแสดงสาเหตุของวิกฤติของประเทศชาติว่าเกิดจากการทุจริต การฉ้อฉล การบิดเบือนการใช้อำนาจ และการไม่นำพาต่อความทุกข์ร้อนของราษฎร ซึ่งย้ำอย่างที่สุดในเรื่องทุจริตที่เป็นเหตุวิกฤติของประเทศชาติ
ดังนั้นทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจึงต้องเป็นไปเพื่อการป้องกันและปราบปรามการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือที่เรียกรวมได้ว่าการทุจริต จนกระทั่งมีการคุยโวโอ้อวดว่ารัฐธรรมนูญ 2560 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะคือกฎหมาย ป.ป.ช. นั้นเป็นกฎหมายปราบโกง
การคุยโวโอ้อวดเหล่านี้จะลืม หรือจะเลือน หรือแกล้งมองข้ามไปว่าเมื่อใดที่ตราเป็นกฎหมายแล้ว เมื่อนั้นกฎหมายย่อมมีผลบังคับกับทุกคนในประเทศ ไม่มีใครมีอภิสิทธิ์ตั้งตัวอยู่เหนือกฎหมายได้ ยกเว้นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
คนทั้งหลายก็พากันเคลิบเคลิ้มถึงเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะป้องกันปราบปรามการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง ด้วยหวังตั้งใจว่าจะทำให้วิกฤติของชาติดับสูญไป เพราะเมื่อต้นเหตุแห่งวิกฤติดับสูญไปแล้วผลก็จะดับสูญไปด้วย และเมื่อนั้นความรุ่งเรืองไพบูลย์ก็จะปรากฏขึ้นในพระราชอาณาจักรนี้
มาตรการหนึ่งในการป้องกันและปราบปรามการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงก็คือ การกำหนดให้แสดงบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งตำแหน่งหลักๆ มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ป.ป.ช. แต่เนื่องจากตำแหน่งต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงให้อำนาจ ป.ป.ช. ที่จะกำหนดว่ามีตำแหน่งอะไรบ้างที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
และ ป.ป.ช. ก็ได้ประกาศให้ผู้มีตำแหน่งต่างๆ ยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินมาเป็นลำดับหลายครั้งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนได้ปฏิบัติตามแต่โดยดี ยกเว้นก็แต่พวกที่ฝ่าฝืนก็มีการดำเนินการทางคดีตามที่กฎหมายบัญญัติ
และแล้วก็มาถึงเหตุการณ์ล่าสุด ป.ป.ช. กำหนดให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย รวมทั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัย ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและตามรัฐธรรมนูญ
ในพลันนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงที่จะไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน บ้างก็ขู่จะลาออก บ้างก็ลาออก ส่วนจะเป็นใครบ้างนั้นก็ให้ไปติดตามดูกันเอาเอง
สร้างความตกตะลึงให้แก่สังคมทั่วประเทศ เพราะคาดคิดไม่ถึงว่าบุคลากรในวงการการศึกษาระดับสูงขั้นผู้บริหารมหาวิทยาลัยและกรรมการสภามหาวิทยาลัย เหตุไฉนจึงเกิดปรากฏการณ์เหมือนผีหนีน้ำมนต์ หรือว่ามีทรัพย์สมบัติอันใดที่เกี่ยวข้องกับการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงซุกแอบแฝงอยู่
มีข่าวกระเซ็นกระสายว่าตลอดระยะเวลา 15 ปีมานี้ นักการเมืองอาชีพก็ดี นักการเมืองแอบแฝงในคราบของผู้ทรงคุณวุฒิ หรือข้าราชการ หรือคนจำพวกมือถือสากปากถือศีลก็ดี ได้แทรกตัวเข้าไปเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเกือบจะทั่วประเทศ มิหนำซ้ำ ยังได้ขนเอาวงศาคณาญาติเหง้าศักราชเข้าไปเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมาก
ซึ่งน่าจะนำรายชื่อทั้งหมดเอามาประกาศเปิดเผยให้คนทั่วประเทศได้รับรู้โดยทั่วไป
แต่ข่าวลึกเชิงลับที่กระซิบกระซาบกันก็คือ บางกรณีมีพฤติกรรมส่อว่าเกี่ยวข้องกับการโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงรายใหญ่ ที่ได้เอาทรัพย์สินไปซุกไว้กับวงศาคณาญาติบริษัทบริวารว่านเครือต่างๆ เพื่อไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ครั้นคนเหล่านี้เข้าไปเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเพราะไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินก็คิดหวังว่าจะรอดปลอดภัย ครั้น ป.ป.ช. กำหนดตำแหน่งให้กรรมการสภามหาวิทยาลัยต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วยจึงดิ้นรนผวาเหมือนผีเข้าดังอาการที่ปรากฏให้เห็นนั้น
ใครจะโกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างไร ใครจะซุกทรัพย์สมบัติไว้กับใครหรือไม่อย่างไร แม้ความจริงยังไม่กระจ่าง แต่ประชาชนเริ่มจับตาสงสัยกันแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านเมืองของเรา จึงมีการดิ้นรนหนักหนาที่จะให้ยกเลิก เพิกถอน ทบทวนการยื่นบัญชีทรัพย์สินของผู้บริหารและกรรมการสภามหาวิทยาลัย
ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะสงสัย!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี